สุดยอดชาวประมง - บทที่ 497 ยั่วยุ
บทที่ 497 ยั่วยุ
บทที่ 497 ยั่วยุ
“การคัดเลือกจะถูกแบ่งออกเป็นสามด่าน ด่านแรกคือเขาวงกต พวกนายทั้งหมด 100,000 คนจะต้องเข้าไปในเขาวงกต การจะออกจากเขาวงกตได้นั้น พวกนายจะต้องพึ่งพาจิตวิญญาณของตัวเอง คนที่จิตวิญญาณแข็งก็จะสามารถผ่านเขาวงกตไปได้ในเวลาที่รวดเร็ว คนที่สามารถออกจากเขาวงกตได้ภายในครึ่งชั่วโมงถือว่าชนะ ส่วนคนที่เหลือจะถูกคัดออก ! ”
“ด่านที่สองคือการเอาชีวิตรอด ในสภาพแวดล้อมที่อันตราย ถึงตอนนั้นฉันจะพาพวกนายไปที่หุบเขาซึ่งมีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่ ด่านนี้ไม่ได้ต้องการให้พวกนายฆ่าสัตว์เหล่านั้น ขอเพียงพวกนายสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ก็พอ ! ด่านนี้มีอันตรายมากมาย ไม่เพียงแต่มีสัตว์ร้ายโจมตี อีกทั้งยังมีค่ายกลธรรมชาติอยู่ไม่น้อย พลาดเพียงนิดเดียวก็สามารถตายได้เลย”
“นี้เป็นเพียงบางส่วนที่พวกนายต้องเผชิญเท่านั้น เพราะนอกจากนี้พวกเรายังมีคนซุ่มโจมตีอีกด้วย และก่อนที่พวกนายจะเข้าไปในหุบเขา แต่ละคนนั้นจะได้รับบัตรประจำตัวคนละใบ เพียงมีบัตรประจำตัวนี้ในมือ เมื่อเข้าไปข้างในก็จะสามารถให้คะแนนได้อย่างชัดเจน ! ”
“อย่าได้ดูถูกคะแนนพวกนี้เชียว ของวิเศษของพวกนายนั้นเทียบไม่ได้กับคะแนนไม่กี่สิบคะแนนที่จะได้ด้วยซ้ำ เมื่อเข้าไปข้างในพรรคแล้วอยากจะได้คะแนนสักคะแนนก็ลำบากมาก ๆ ดังนั้นพวกนายจะต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี อย่าให้คนอื่นมาแย่งไปได้ แต่พวกนายจะต้องรวมพลังกันเอาเอง ไม่งั้นด้วยพลังวรยุทธ์ของพวกนายคงจะรอดชีวิตออกไปยากแล้ว ! ”
“ด่านที่สามคือทดสอบพรสวรรค์ พรรควายุอัสนีของพวกเราแยกออกเป็นสาย แบ่งออกเป็นสายสี่ดาราทมิฬ แต่นอกจากสายที่สี่นี่แล้วก็ยังมีสายวายุ เพียงแต่ตอนนี้สายวายุนั้นตกต่ำลงไปแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นพรสวรรค์ของพวกนายก็จะเป็นตัวตัดสินเองว่าพวกนายควรไปอยู่บ้านไหน ซึ่งนั้นก็ต้องอาศัยความสามารถของพวกนายเองแล้ว”
ที่ผู้กล้าพูดเยอะขนาดนี้เพราะไม่อยากให้เลือกบ้านวายุนั้นเอง ! พอทุกคนได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า และเมื่อสั่งเสร็จ ผู้กล้าก็ให้แพลอยลงมาที่พื้น ก่อนที่ทุกคนจะกระโดดลงไป ! จากนั้นผู้กล้าก็เก็บของวิเศษและเดินนำทุกคนไป !
ถึงแม้ว่าผู้กล้าเป็นคนสำคัญ แต่ถ้าต้องการจะเข้าร่วมการทดสอบก็ยังต้องลงทะเบียนก่อน ! ตามหลังผู้กล้ามาไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่ลงทะเบียน หลังจากทุกคนเขียนชื่อและขั้นพลังวรยุทธ์ของตัวเองลงไป พนักงานลงทะเบียนก็บอกว่าพวกเขาว่าลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว !
ขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมจะจากไป ก็มีเสียงไม่เข้าหูลอยมาเสียก่อน “นี้ใครกันเนี่ย ไม่ใช่จางซานเฟิงหรอกเหรอ” เมื่อได้ยินชื่อนี้ฉู่เหินก็มึนงงไปอึดใจหนึ่ง หลังจากนั้นก็มองไปที่ผู้กล้าคนนั้นอย่างละเอียด ก่อนที่เขาจะพบว่าอีกฝ่ายไม่ใช่จางซานเฟิงอะไรนั่น
ถึงแม้อีกฝ่ายจะดูคล้าย ๆ กัน แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ ! ทว่าถึงอย่างงั้น ฉู่เหินก็แอบที่จะรู้สึกดีกับผู้กล้าคนนี้ขึ้นมาไม่น้อย !
“หลิวซานพี แกคิดจะทำอะไร” จางซานเฟิงมองไปที่หลิวซานพีด้วยสายตาระแวง !
“จางซานเฟิง นายคงไม่ลืมเรื่องปีก่อนที่เราเคยพูดกันไว้นะ ปีก่อนพวกเราตกลงกันแล้วไง ถ้าปีนี้พวกเราลงแข่งกัน คนที่แพ้จะต้องคุกเข่าต่อหน้าอีกคน ถ้าไม่กล้าสู้ล่ะก็คุกเข่าและโขกหัวคำนับฉันสามทีก่อน แล้วฉันจะปล่อยแกไป ! ”
จางซานเฟิงพอได้ยินดังนั้นก็โกรธ “หลิวซานพี คนอย่างแก่นี่มัน ! สถานที่ที่แกเคยอยู่นั้นเป็นที่ที่เหมาะกับฝึกฝนพลัง ดังนั้นทุกปีแกถึงได้ไปเอาคนจากที่นั้นที่มีพลังวรยุทธ์มากกว่าที่อื่น ๆ มาทำการทดสอบ แล้วแบบนี้มันจะไปมีความหมายอะไร !”
“จางซานเฟิง แกไม่ต้องพูดมาก ฉันถามว่าแกกล้าหรือไม่กล้า ถ้าไม่กล้าก็ไสหัวไปแบบปีก่อนซะ ! ” คำพูดนั้นของหลิวซานพี ทำให้ใบหน้าจางซานเฟิงแดงก่ำไปเต็ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
อาศัยพลังวรยุทธ์ของเขา จึงทำให้ดูออกว่าคนที่ยืนด้านหลังหลิวซานพีต่างก็มีพลังวรยุทธ์ที่สูงมาก ๆ ที่สูงที่สุดก็คือขั้นจอมปราชญ์ดาราระดับกลาง พลังวรยุทธ์แบบนี้ไม่ใช่ที่พวกเขาจะสามารถเทียบได้ ถ้าเขาตกลงก็เหมือนส่งคนของตัวเองไปตาย !
“ท่านลุงสามจะไปพูดกับพวกมันให้เสียเวลาทำไม ให้ฉันจัดการเจ้าพวกนี้ก็จบเรื่องแล้ว พลังวรยุทธ์แบบนี้ยังกล้ามาทดสอบอีก คิดเอาชีวิตไปทิ้งชัด ๆ !” สิ้นเสียง ชายหนุ่มอายุประมาณ 20-30 ปีก็เดินออกมาจากด้านหลังหลิวซานพี
คน ๆ นี้ออกมาโดยไม่มีท่าทีจะหยุดเลยแม้แต่น้อย เขามายืนอยู่หน้ากลุ่มของฉู่เหิน หลังจากนั้นก็ใช้นิ้วชี้ไปที่คนที่มีพลังสูงที่สุดในกลุ่มให้ออกมา ! คน ๆ นั้นกำหมัดแน่น ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่ลังเล ! ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีขั้นพลังวรยุทธ์ที่สูงกว่า แต่เขาจะไม่ยอมที่จะโดนดูถูกแบบนี้ !
ต่อให้ต้องตายก็ไม่กลัว ! เพราะแบบนี้เขาถึงได้เดินออกมาอย่างองอาจ ! ก่อนจะเริ่มตั้งท่าต่อสู้เตรียมการต่อสู้ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพร้อม อีกฝ่ายก็ใช้ความเร็วราวกับวิญญาณ เพียงพริบตาเดียวก็มาตรงหน้าเขาแล้วอย่างงง ๆ
หลังจากนั้นหมัดสองข้างก็ต่อยเข้าไปที่หน้าอกของคน ๆ นั้นไปตรง ๆ ไม่มีแม้แต่การต่อต้านอะไรเลย กระทั่งเรียกได้ว่าเขาไม่ทันได้ตั้งตัวเลยจะดีกว่า รู้สึกตัวอีกที ร่างกายก็ถูกอีกฝ่ายซัดจนลอยไปแล้ว !
ร่างนั้นลอยมาที่หน้าของฉู่เหิน ดังนั้นชายหนุ่มจึงรีบยื่นมือออกไปรับ และวางเขาลงที่พื้น พอเขาคนนั้นเพิ่งจะหลังสัมผัสพื้นก็กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ ก่อนที่ร่างกายจะซวนเซล้มลงไป
โชคดีที่เขายื่นมือออกไปประคองทัน แม้ว่าทั้งหมดจะดูเหมือนใช้เวลานาน ทว่าที่จริงเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ขณะที่พวกเขายังไม่ทันได้ตอบสนอง พวกเขาก็รู้สึกถึงด้านหลังตัวเองที่มีลมหอบหนึ่งพัดมา ยังไม่ได้หันกลับไป ก็พลันมีหมัดคู่ต่อยเข้าที่กลางหลังพวกเขาแล้ว !
ฉู่เหินยื่นมือออกไปในเวลาเดียวกันนี้เอง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยืนข้างฉู่เหินพอดีเสียด้วย ทั้งสองส่งหมัดออกเข้าปะทะหากัน และเมื่อกำปั้นของทั้งสองปะทะกัน คลื่นพลังก็ถูกส่งออกไปรอบนอกทันที
หมัดนี้ฉู่เหินใช้ออกด้วยดัชนีกิเลน ต้องเข้าใจว่าหมัดกิเลนของเขาสามารถเก็บสะสมพลังไว้ภายในฝ่ามือได้ ด้วยวิธีนี้เลยสามารถทำได้ภายในพริบตา ทำให้ทันทีที่ทั้งสองปะทะกัน ฉู่เหินเพียงแค่สั่นเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้รู้สึกอะไรอีก
แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับต้องถอยไปถึง 3-4 ก้าวกว่าจะสามารถยืนนิ่งได้ ถึงอย่างนั้นฉู่เหินก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ เพราะเขารู้สึกไม่ถูกชะตากับหมอนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เห็นเพียงชายหนุ่มหายตัว ก่อนที่จะเข้าถึงตัวอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันเขาก็โคจรหมัดกิเลนไปด้วย หมัดทั้งสองถูกปล่อยออกไปอย่างต่อเนื่อง ! จนทำให้อีกฝ่ายต้องรับมือเป็นระวิง กลายเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด ! ชนิดที่ว่าแข็งชนแข็ง ! เมื่อเป็นแบบนี้ยิ่งฉู่เหินต่อยก็ยิ่งเจ็บ ส่วนอีกฝ่ายก็น้ำตาคลอ ! ไม่ใช่อะไร ก็เพราะเจ็บน่ะสิ !
ที่จริงฉู่เหินไม่ได้แสดงฝีมือทั้งหมด ตอนนี้ตัวเองยังไม่ได้เข้าพรรควายุอัสนี ดังนั้นเขาจึงไม่อยากสร้างศัตรู ! อย่างในวันนี้เพียงแค่ให้บทเรียนกับอีกฝ่ายเท่านั้น หวังว่าอีกฝ่ายจะรู้จักถอย ! แต่ฉู่เหินคิดผิด เพราะกับบางคนทั้งชีวิตเป็นได้แค่ศัตรูกันเท่านั้น ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้หรอก !
อีกฝ่ายมองไปที่ฉู่เหิน แม้ว่าสายตาจะเหมือนกับมองเรื่องสนุก แต่ก็แฝงไปด้วยความแค้น ! เดิมทีคนแรกที่เขาจัดการก็กำลังไปได้สวยแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเจอคนแบบนี้ มันเหมือนกับว่าฉู่เหินนั้นกำลังเหยียดหยามเขา ! เพราะแบบนี้จึงทำให้ดวงตาของเขานั้นแฝงไปด้วยความโกรธแค้น ! กระทั่งหมายมั่นในใจว่าจะฆ่าฉู่เหินให้ได้ไม่ช้าก็เร็ว !