สุดยอดชาวประมง - บทที่ 504 ลวงไปฆ่า
บทที่ 504 ลวงไปฆ่า
บทที่ 504 ลวงไปฆ่า
แท้จริงแล้วภาพทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นเกิดจากพลังจิตสังหารทั้งสิ้น ! เพียงพริบตาเดียว จาก 1 ก็กลายเป็น 2 และ 3 จำนวนคนตายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายคนพวกนั้นก็เหลือเพียงหัวกะโหลก ! เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในสายตาของฉู่ตงที่มองด้วยความหวาดกลัว
แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าฉู่เหินเก่งมาก แต่ก็คิดไม่ถึงว่าฉู่เหินจะสามารถทำการโจมตีแปลก ๆ แบบนี้ได้ด้วย ! ด้วยวิธีการนี้นั้น คงยากที่ผู้ใดจะเอาชนะได้ ! เพราะมันเป็นการจู่โจมจิตใจ หากว่าคุณใจสั่นเพราะความกลัวแม้เพียงนิดเดียว ก็เตรียมตัวตายได้เลย !
เพียงครู่เดียวคนนับสิบที่ไล่ตามเขามาก็ได้ตายไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงหัวกะโหลกเท่านั้น ! จนกระทั่งรอบ ๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอีก หัวกะโหลกพวกนี้จึงได้หายไป !
ทางด้านฉู่เหิน เขาเองก็จับตาสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และเมื่อเห็นว่าฉู่ตงมีสภาพดีขึ้นแล้ว ฉู่เหินจึงเร่งให้ฉู่ตงเก็บตราประจำตัวพวกนั้นขึ้นมา ต้องเข้าใจว่าของพวกนี้เป็นของดี พอเข้าพรรคไปแล้วก็จะสามารถเอาไปแลกเปลี่ยนสิ่งของได้
ฉู่ตงที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมา ก่อนที่เขาจะเข้าไปเก็บตราพวกนั้นขึ้นมา บนพื้นนั้นเต็มไปด้วยตราประจำตัวมากมาย น่ากลัวว่าถ้าเอาไปแลกคะแนนคงจะได้ไม่ต่ำกว่า 500-600 กว่าแต้ม ดูเหมือนว่าจะมีคนตายด้วยน้ำมือพวกเขาไม่น้อยเลย เมื่อเป็นแบบนี้การที่ตัวเองฆ่าคนพวกนี้ก็ถือว่าเป็นการลงโทษคนชั่วก็แล้วกัน
“ฉู่ตง ฉันถูกขังอยู่ในค่ายกล ต้องใช้เวลาอีกนานทีเดียวถึงจะออกไปได้ ! แต่ไม่ว่าจะออกไปช้าหรือเร็วก็ไม่ใช่ปัญหา นายพักฟื้นอยู่ตรงนี้แหละ มีพลังจิตของฉันอยู่ ไม่ว่าใครก็ทำอะไรนายไม่ได้ ! ” ฉู่เหินใช้วิธีส่งกระแสจิตออกไปยังฉู่ตงอีกครั้ง ! เพื่อบอกให้อีกฝ่ายสบายใจ
ฉู่ตงที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับ เพราะเขาเองก็จนปัญญาเหมือนกัน ตัวเองบาดเจ็บไม่ใช่เบา ๆ ดังนั้นจึงต้องพักฟื้นอยู่ที่นี่
ในขณะที่ฉู่ตงกำลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอยู่นั้น ทางด้านฉู่เหินเองก็กลับมาเริ่มศึกษาค่ายกลตรงหน้าต่อ ซึ่งมันก็ทำให้เขายิ่งเข้าใจค่ายกลตรงหน้ามากขึ้นไปอีก ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าการส่งผ่านพลังจิตสังหารของเขานั้น เป็นศาสตร์วิชาอย่างหนึ่ง
ชายหนุ่มเชื่อว่าถ้ามีคนเจอวิชานี้เข้าไป เกรงว่าจะอยู่ได้ไม่กี่ชั่วลมหายใจก็ตายแล้ว ค่ายกลที่ขังเขาเอาไว้ทำตัวราวกับเป็นอาจารย์ของเขาอย่างไงยังงั้น มันทำการถ่ายทอดวิธีการฆ่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ก็ดำเนินต่อไปถึง 3 วัน ! ทำให้ฉู่เหินเข้าใจแก่นแท้ของค่ายกลตรงหน้านี้ไปอีกขั้น
หลังจากผ่านไป 3 วัน ในที่สุดฉู่ตงก็ฟื้นฟูบาดแผลจนหายดี พวกบาดแผลภายนอกที่เขาเคยมี เมื่อได้ยาจากฉู่เหิน มันก็หายหมดแล้ว
หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บดีแล้ว ฉู่ตงก็ส่งเสียงไปบอกฉู่เหิน เพื่อบอกว่าเขานั้นต้องการที่จะล่อให้คนที่ต้องการฆ่าตนเข้ามาในนี้ ! ขอเพียงคนพวกนั้นเจอเข้ากับจิตสังหารของฉู่เหิน พวกเขาก็จะได้ตราประจำตัวมากมายเลยล่ะ ! ซึ่งตราประจำตัวเหล่านี้เมื่อเข้าพรรควายุอัสนีไปแล้วก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก
หลังจากฉู่เหินได้ยินดังนั้นก็ลังเล “จะไปก็ได้ แต่อย่าฆ่าคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ! ให้พาแต่คนที่มีจิตใจสกปรกเข้ามาเท่านั้น ! อีกทั้งระหว่างทางนายก็ต้องระวังตัวด้วย” ฉู่เหินพูดเตือนอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง !
ฉู่ตงฟังที่ฉู่เหินพูดด้วยความอบอุ่นใจ ไม่เพียงฉู่เหินที่เป็นห่วงเขา แต่ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ฉู่เหินก็ไม่เปลี่ยนไปเลย อีกฝ่ายยังเป็นฉู่เหินคนเดิมอยู่เสมอ ! ฉู่ตงพยักหน้าก่อนจะจากไป ! ซึ่งทางด้านฉู่เหินเองก็ฝึกฝนไปด้วยและควบคุมพลังจิตเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงข้างนอกไปด้วยเป็นระยะ ๆ !
เวลาผ่านไปอีก 3 วัน ตอนนี้ฉู่เหินเริ่มรู้สึกเป็นห่วงฉู่ตงขึ้นมาแล้ว หมอนั้นทำไม 3 วันแล้วยังไม่กลับมา เขาที่เพิ่งคิดดังนั้นก็เห็นฉู่ตงวิ่งพุ่งมาทางนี่ด้วยความรวดเร็ว ที่ด้านหลังของอีกฝ่ายนั้นมีคนจำนวนมากไล่ตามมาเป็นฝูง กะด้วยสายตามีประมาณ 100 กว่าคนได้ !
“ไอ้ชั่ว หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! กล้ามาแย่งของของข้า คงไม่รักชีวิตตัวเองแล้วใช่ไหม ! ” หลังจากตะโกนเช่นนั้นออกไป คนจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งมาทางนี่ ! พอฉู่เหินได้ยินแบบนั้นก็แปลกใจ เขารู้จักฉู่ตงดี อีกฝ่ายนั้นไม่มีทางเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อยหรอก !
ตอนนี้เองที่ฉู่ตงวิ่งมายังเขตพลังจิตของฉู่เหิน ทั่วร่างของเขาอาบไปด้วยเลือดก็จริง หากแต่ใบหน้ากลับยิ้มไม่หุบ! ตอนที่หันศีรษะกลับไปมองทางด้านหลัง ตอนนั้นใบหน้าของเขาก็คล้ายจะไม่มีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่เลย ว่าแล้วฉู่ตงก็วิ่งกลับเข้าไปประจำที่เดิมของตัวเองในทันที !
ฉู่เหินถามเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบถึงจะเข้าใจ ! เดิมทีหลังจากชายหนุ่มออกไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่จะลวงใครมาฆ่า แต่คนที่อยากฆ่าฉู่ตงมีเยอะเกินไปแล้ว เป็นเพราะการฆ่าสังหารครั้งก่อนที่ทำให้เขามีตราประจำตัวเยอะมาก ! ดังนั้นเลยถูกหัวโจกพวกนี้พบเข้า
แน่นอนว่าฉู่ตงย่อมไม่ให้ ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายจึงไม่พูดอะไรอีก พากันเปิดศึกใหญ่เลยตรงนั้น แม้ว่าฉู่ตงจะเป็นผู้ใช้พลังขั้นปราชญ์ระดับสูงสุด แต่เขาก็รับมืออีกฝ่ายไม่ไหวอยู่ดี เพียงครู่เดียวร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผล ! ทำให้ฉู่ตงโกรธ และหันไปขโมยแหวนมิติของหนึ่งในคนพวกนั้นมาเพื่อแก้เผ็ด !
หลังจากแย่งแหวนมิติอีกฝ่าย เขาก็คาดไม่ถึงว่าแหวนมิติของอีกฝ่ายจะมีตราประจำตัวมากถึง 600-700 กว่าอัน ฉู่ตงไหนเลยจะรู้ว่าคนที่เขาแย่งของมานั้นแท้จริงแล้วเป็นคนที่ทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของคนพวกนี้ ! คาดไม่ถึงว่าจะแย่งเอาของสำคัญพวกนั้นมาได้ ! และก็เพราะแบบนี้ พวกนั้นถึงได้ไม่ยอมเลิกรา !
เห็นคนจำนวนมากพุ่งมา ฉู่ตงก็คิดว่าท่าไม่ดีแล้ว เขารีบวิ่งหนีโดยมีคนมากมายวิ่งตามมาอย่างบ้าคลั่ง และพอเขาวิ่งไปวิ่งมาก็ถูกคนอื่นพบเห็นไปด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คนอื่น ๆ พอเห็นว่าในมือฉู่ตงมีตราประจำวันมากมาย ก็พากันวิ่งตามมาแบบนี้ !
เพราะงั้นตอนนี้ด้านหลังฉู่ตงถึงได้มีคนไล่ตามมานับ 100 คน นี้ทำให้ฉู่ตงคิดในใจว่าดีนะที่เขาไม่ได้เดินออกไปไกลมาก ไม่งั้นคงมีอีกหลายคนวิ่งตามเขากลับมาแน่ !
ในเมื่อฉู่ตงไม่ใช่คนผิด ดังนั้นฉู่เหินจึงไม่ได้ว่าเขา และปล่อยให้เขาพักฟื้นอยู่ที่นี่ ! สำหรับพวกที่ตามมาพวกนั้น เมื่อเข้ามาในค่ายกลแล้ว ชะตาชีวิตของพวกเขาก็ถือจบสิ้นแล้วล่ะ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะยิ่งมีคนตายเยอะ วิชาของเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก !
หลังจากคนพวกนี้เข้ามาในค่ายกลหมดแล้ว ฉู่เหินก็เริ่มเปิดฉากโจมตีทันที ! ต้องเข้าใจว่าก่อนนี้หน้านี้มีคน 10 คนถูกสังเวยวิญญาณไปแล้ว ดังนั้นค่ายกลนี้จึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น พวกธาตุมืดน่ากลัว ๆ แบบค่ายกลต้นฉบับก็เริ่มที่จะมีบ้างแล้ว !
เมื่อคนพวกนั้นเข้ามาในค่ายกลก็พากันหยุดฝีเท้า เพราะพวกเขาพบว่าทัศนียภาพรอบด้านเปลี่ยนไปแล้ว ! ต้องเข้าใจว่าคนพวกนี้ส่วนมากมาจากตระกูลใหญ่ แม้ว่าพวกเขาจะทำตัวเสเพล แต่ก็รู้มากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
พอเห็นฉากนี้ ตัวหัวโจกก็โบกมือบอกให้ทุกคนหยุด ! ตอนนี้เขาจะมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง และยิ่งเขามองก็ยิ่งตกใจ ! เพราะนี้คือค่ายกลระดับปรมาจารย์แน่นอน ! ถึงแม้เขาจะไม่ได้รู้เรื่องค่ายกลมากนัก แต่ก็เคยเรียนมาบ้าง ดังนั้นจึงพอที่จะดูออก !!!
“ทุกคนระวังตัวไว้ ดูเหมือนพวกเราจะถูกขังในค่ายกลแล้ว ! ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ นี้ต้องเป็นค่ายกลธรรมชาติ ทุกคนห้ามขยับเด็ดขาดไม่งั้นพวกเราทั้งหมดไม่รอดแน่ ! ” พอได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันตัวสั่น !
ต่อมาก็มีคนใจกล้าหน่อย คนพวกนั้นพากันร้องอย่างขวัญเสีย ก่อนจะวิ่งหนีไปทางออก ในความคิดของคนพวกนั้น ขอเพียงวิ่งออกไปตัวเองก็จะปลอดภัยแล้ว ! ทว่าหลังจากเห็นคนพวกนี้วิ่งหนีไป พวกคนที่เหลือก็พากันส่งสายตาให้กัน เพื่อบอกว่าถ้าพวกนี้ออกไปได้อย่างปลอดภัย ถ้างั้นอีกสักพักพวกเขาก็จะวิ่งตามออกไปเหมือนกัน !