สุดยอดชาวประมง - บทที่ 51 ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋
บทที่ 51 ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋[รีไรท์]
“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้นะคะ ไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ไหนเหรอคะ?” ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ใช้มือข้างหนึ่งค่อย ๆ ยันตัวเองขึ้นอย่างทุลักทุเล ก่อนจะถามหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในห้อง
“ตื่นแล้วเหรอ เธอสลบไปตั้งครึ่งวันแน่ะ เธอชื่อซ่างกวนเสี่ยวฟู๋หรือเปล่า?” เสี่ยวชิงกล่าวพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มดังกล่าวมันทำให้ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ที่ยังระแวงอยู่คลายความระแวงลง แต่เดี๋ยวก่อนสิ
“เธอ…เธอเป็นใคร? เธอรู้จักชื่อฉันได้ยังไง?” ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋มองหญิงสาวด้วยสีหน้างงงวย มองยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยรู้จักกัน
“เธอนอนรอก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปเรียกพี่เหินมาให้” ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋มองตามเสี่ยวชิงที่เดินออกจากห้องอย่างงุนงง แต่เธอรู้ว่าถ้าอีกฝ่ายมุ่งร้ายกับเธอ เธอก็คงไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้อยู่ดี
เสี่ยวชิงที่เดินออกมา เธอเห็นฉู่เหินนอนเอนหลังลืมตาอยู่ เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงยิ้มและพูดออกไปว่า “พี่เหินคะ เพื่อนสมัยเรียนคนนั้นตื่นแล้วนะ” เสี่ยวชิงพูดพร้อมขยิบตาอย่างขี้เล่น
“พวกเราเป็นแค่เพื่อนสมัยเรียนจริง ๆ ตอนนั้นก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลย ไม่ต้องมามองด้วยสายตาแปลก ๆ เลยนะ” พอเห็นเสี่ยวชิงที่มองมาด้วยสายตาแปลก ๆ ฉู่เหินจึงอธิบายให้เธอฟัง จากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นจนแม้แต่รองเท้ายังลืมใส่ ก่อนจะเดินจ้ำ ๆ เข้าห้องไป
เมื่อเธอเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของฉู่เหิน เสี่ยวชิงก็อดชะโงกคอไปมองอย่างขำขันไม่ได้
“ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ มันช่างบังเอิญจริง ๆ ฉันไม่นึกว่าจะได้เจอเธออีก นานแล้วนะที่ไม่เจอกัน จำเพื่อนสมัยเรียนคนนี้ได้ไหม?” ฉู่เหินเห็นซ่างกวนเสี่ยวฟู๋จ้องมองเขาด้วยความสับสน ฉู่เหินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขำ ๆ ทักทาย
“เธอคือฉู่เหินนี่นา พระเจ้า นี่มันผ่านมา 4-5 ปีแล้วนะ ตั้งแต่ฉันเรียนม. 5 ฉันก็ไม่นึกว่าจะได้เจอกันอีก ตอนนี้สบายดีไหม แล้วนี่บ้านเธอเหรอ ผู้หญิงที่ฉันเห็นเมื่อกี้คือใครน่ะ น้องสาวเหรอ?” เธอถามเป็นชุด บางคำถามก็หนักไปสำหรับฉู่เหิน
เขาจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้พูดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ไม่เจอกันไม่กี่ปีกลับเปลี่ยนเป็นคนละคน โดยเฉพาะตอนที่หญิงสาวพูดกับตนเอง เธอกลับปลดปล่อยเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามไม่หยุดแบบนี้ ความเย้ายวนของเธอทำให้ฉู่เหินรู้สึกร้อนรุ่ม แต่โชคดีที่ฉู่เหินจิตใจหนักแน่นพอ
ถ้าเขาทั้งสองเป็นวัยรุ่นอารมณ์พลุ่งพล่าน น่ากลัวว่าเขาคงเผลอใจทำอะไรที่ผิดกับเสี่ยวชิงเป็นแน่ ขืนเป็นแบบนั้นมันต้องแย่แน่ ๆ
ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของฉู่เหิน
“ฉู่เหิน เธอนี่ยังน่ารักเหมือนสมัยเรียนไม่เปลี่ยนเลยนะ แววตายังใสซื่อเหมือนเดิม ยกเว้นก็แต่การพูดจานายดูกลิ้งกลอกขึ้นเยอะ”
“การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติเมื่อเราโตขึ้นน่า” หลังเขาพูดจบ ทั้งคู่ก็ไม่พูดอะไร ทั้งห้องมีแต่ความเงียบ ไม่มีใครกล้าเริ่มพูดก่อน
“ทันทีที่แผลหาย ฉันก็จะไปทันที ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำให้เธอเดือดร้อนหรอก” ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋กล่าวหลังจากเงียบไปนาน
“ยัยเด็กโง่ เธอไม่เคยรบกวนอะไรฉันตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว เธอพักที่นี่ได้ไม่ว่าปัญหาจะใหญ่แค่ไหน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก” ฉู่เหินกล่าวด้วยรอยยิ้ม สายตาของอีกฝ่ายถึงคลายความกังวลลง
“เธอหิวไหม ฉันมีอาหารในตู้เย็น เดี๋ยวไปเอามาให้นะ” พอมาคิดดู ฉู่เหินก็ไม่รู้จะถามอีกฝ่ายยังไง เขาจึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่องพูด
“ไม่ต้องห่วงหรอกฉู่เหิน ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย และฉันก็ไม่ใช่คนเลว เชื่อฉันเถอะ” ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋กล่าวเบา ๆ ขณะที่ฉู่เหินเดินออกไป
คนทั่วไปไม่มีทางได้ยินเสียงกระซิบของซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ แต่ฉู่เหินฝึกตนมาเขาจึงหูดี พอเขาได้ยินคำพูดของเธอ เขาหยุดชะงักก่อนเดินออกจากห้อง
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ฉันก็จะช่วย” เมื่อพูดจบ ฉู่เหินก็เดินออกไป
ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋มองตามหลังฉู่เหินไปด้วยความแปลกใจ เธอรู้ว่าตัวเองพูดเบาแค่ไหน ฉู่เหินจะได้ยินได้อย่างไร หรือฉู่เหินเป็นศิษย์ตระกูลจอมยุทธ์โบราณเหมือนเธอ?
ตระกูลจอมยุทธ์โบราณเป็นตระกูลใหญ่และเก่าแก่ ลูกหลานตระกูลจอมยุทธ์โบราณต้องฝึกวิทยายุทธ ในยุคใหม่นี้ชื่อเสียงตระกูลจอมยุทธ์โบราณเริ่มเลือนหายไปจากสังคม แต่ในสมัยโบราณ ทุกคนในตระกูลจอมยุทธ์คือระดับแนวหน้าของโลกและแข็งแกร่งเสียจนแทบจะเป็นอมตะ
ในสมัยโบราณ พวกเขาทรงพลังเสียจนสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างอิสระ ตระกูลจอมยุทธ์เก่าแก่นี้ฝึกวิทยายุทธมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉินที่สืบทอดมาจากสมัยโบราณ ว่ากันว่าตระกูลนี้ก่อตั้งขึ้นจากผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ถ่ายทอดความรู้ให้ลูกหลานมาหลายรุ่นหลายสมัย
เรื่องเล่าขานเกี่ยวกับตระกูลจอมยุทธ์เก่าแก่มีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ไม่ว่าข่าวลือจะเป็นอย่างไร ตระกูลจอมยุทธ์ก็มีอิทธิพลมากจริง ๆ ใครจะไปรู้ว่าสาวสวยบอบบางอย่างซ่างกวนเสี่ยวฟู๋จะเป็นศิษย์ที่นี่
ทันทีที่ฉู่เหินออกมาจากห้อง เสี่ยวชิงก็เตรียมอาหารเสร็จแล้ว เธอไม่รอให้ฉู่เหินพูดอะไร ตัวเธอก็นำอาหารเข้าไปในห้องที่ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋อยู่ทันที ฉู่เหินอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนั้น การมีภรรยาที่ดีขนาดนี้ สามีจะต้องการอะไรอีก
เมื่อได้ทานข้าว ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ก็เริ่มมีเรี่ยวมีแรงอีกครั้ง บาดแผลตามร่างกายก็ดีขึ้นมาก เมื่อเธอเริ่มมีสติมากขึ้น เธอก็เริ่มหยอกล้อกับฉู่เหิน
“ฉู่เหิน ฉันไม่เจอเธอมาหลายปี ตอนนี้มีแฟนหรือยังละ?” เธอส่งสายตาหวานฉ่ำไปหาฉู่เหิน มันทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก ว่ากันว่าเมื่อหญิงสาวอายุ 18 ปี เธอจะสวยขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าดูจากซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ หญิงสาวอายุ 18 ก็ดูเหมือนจะมีแต่สวยขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ
แต่เขาต้องข่มใจเอาไว้ ถ้าฉู่เหินจิตใจไม่หนักแน่นละก็ มันต้องไม่ดีแน่ ๆ
“เสี่ยวชิง มานี่หน่อย” ฉู่เหินเรียกเสี่ยวชิงที่ยังง่วนกับการทำอะไรบางอย่างอยู่ เขาบอกกับซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ว่า “นี่เสี่ยวชิง แฟนฉันเอง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ก็ทำตาโตราวกับไม่เชื่อคำพูดฉู่เหิน จากนั้นเธอจึงพูดออกมาหลังจากอึ้งไปนาน
“โอ้โห หน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้ แต่ทำไมได้แฟนสวยอย่างนี้เนี่ย” ฉู่เหินที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวฟู๋เข้าก็แทบจะพ่นน้ำชาออกมา
“ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ ฉันไม่เจอเธอหลายปี ทำไมกลายเป็นคนปากร้ายอย่างนี้ เดี๋ยวฉันก็ให้อดข้าวอดน้ำเสียหรอก จับเอาหินถ่วงน้ำแล้วโดนลงทะเลเลย พอกุ้งหอยปูปลากินเสื้อผ้าหมด ฉันก็จะเอาเธอขึ้นมาจากน้ำ ไปนั่งขอทานริมถนนสามวันสามคืน จะได้ไม่กล้าว่าฉันอีก”
ถึงฉู่เหินจะไม่ใช่คนหล่ออะไร แต่ดูไกล ๆ แล้ว เขาก็ถือว่าเป็นคนหน้าตาดี ที่สูง ตาโตเปล่งประกาย ผิวเหมือนหยก ปากแดง ฟันขาว แถมเสียงของเขาเวลาพูดยังทำให้คนฟังรู้สึกมีชีวิตชีวาได้อีกด้วย การที่อีกฝ่ายมาบอกว่าเขาหน้าตาน่าเกลียด มันทำให้ฉู่เหินรับไม่ได้เลย รับไม่ได้จริง ๆ!
Next