สุดยอดชาวประมง - บทที่ 511 ทดสอบพรสวรรค์
บทที่ 511 ทดสอบพรสวรรค์
บทที่ 511 ทดสอบพรสวรรค์
บนลานกว้างมีคนยืนอยู่ไม่เยอะนัก รวม ๆ แล้วมีเพียง 6-7 พันคนเท่านั้น จากผู้เข้าร่วมนับแสนในตอนแรก มาตอนนี้กลับเหลือเพียงแค่นี้ นับว่าโดนคัดออกไปเยอะมากจริง ๆ !
เมื่อทุกคนมาครบแล้ว พิธีกรคนก่อนหน้าก็ขึ้นไปยืนบนเวทีและเริ่มพูดอีกครั้ง ! แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังจะหลับ เขาก็หยุดพูดไปดื้อ ๆ ! ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด
“ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ทุกคนเก่งมากจริง ๆ ! ต่อให้จะผ่านมาได้เพราะโชคช่วยก็ตาม หากแต่ด่านต่อไปนี้จะเป็นตัวบอกว่าจะสามารถผ่านไปได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องอาศัยความสามารถที่แท้จริงของพวกนายเองแล้ว ! ” จากนั้นเขาก็อธิบายรายละเอียดวนอยู่อย่างนั้นจนฉู่เหินเข้าใจ
ต่อไปที่พวกเขาจะต้องทำก็คือการทดสอบพรสวรรค์ สำหรับการทดสอบพรสวรรค์นั้น พวกเขามีวิธีที่สืบทอดต่อกันมาอยู่อย่าง และนั่นก็คือการใช้เสาค้ำฟ้าเป็นตัววัด โดยจะแบ่งเป็น 9 ชั้น ถ้าสามารถทำให้เสาค้ำฟ้าเปล่งแสงได้ 1 ชั้นก็จะหมายความว่ามีพรสวรรค์อยู่ในระดับที่ 1 ถ้าเปล่งแสง 2 ชั้นก็จะหมายถึงพรสวรรค์ระดับที่ 2 ! เป็นแบบนี้เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงชั้นที่ 9 !!!
ซึ่งภายในพรรควายุอัสนีนั้น คนที่มีพรสวรรค์ระดับที่ 9 นับรวมกันแล้วยังไม่ถึง 5 นิ้วเลย ! เรียกได้ว่าระดับ 9 นั้นน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย แต่คนที่สามารถทำได้นั้นไม่ว่าใครก็ถูกจับตามอง ! กระทั่งผู้อาวุโสในพรรคยังมองด้วยสายตาที่ยกฐานะขึ้นมาอีกขั้น
เพราะพวกเขารู้ว่าพรสวรรค์ระดับ 9 นั้นเป็นที่น่าหวาดหวั่น คิดอยากจะตอแยพวกเขารั้นแต่จะมีเรื่องยุ่งยาก ! ดังนั้นใครก็อยากจะญาติดีด้วยทั้งนั้น ! แต่ได้ยินมาว่าระดับที่ 9 ยังไม่ใช่ระดับสูงสุด ยังมีที่เหนือไปกว่านั้นอีก !
แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องเล่าเท่านั้น ระดับที่มากกว่านี้ยังไม่เคยมีใครในอาณาจักรเทียนชิงเห็นมาก่อน ที่จริงแต่ละคนก็อยากจะเป็นผู้แข็งแกร่งกันทั้งนั้น แต่สวรรค์ได้ลิขิตไว้แล้ว พวกเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ !
พิธีกรคนเดิมพูดอธิบายยาว ๆ อีกครั้ง ก่อนจะเดินไปอีกด้านของเวที พรรควายุอัสนีมีพื้นที่กว้างมากจริง ๆ ด้านหน้าของพวกเขาราวกับเป็นภูเขาใหญ่ ๆ ลูกหนึ่ง ! อย่างไรก็ตาม พื้นที่ทั้งหมดที่ว่ามันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของลานกว้างเท่านั้น
เวลาไม่นาน คนที่ผ่านการทดสอบรอบก่อนหน้าทั้งหมดก็พากันเรียงแถวรอเข้าการทดสอบครั้งใหม่ ด้านหน้าของพวกเขามีเสาค้ำฟ้า ! ตั้งอยู่ ทุก ๆ เสานั้นอาบไปด้วยสีทองและมีความสูงกว่า 9 เมตร ทว่าสีทองพวกนี้ก็ไม่ได้ดูสะดุดตาอะไร ! ดู ๆ แล้วเหมือนเสาธรรมดา ๆ ที่ทาสีทองเอาไว้เฉย ๆ !
การทดสอบเสาค้ำสวรรค์ครั้งนี้ ผู้ทดสอบจะต้องผ่านระดับ 4 เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าพรรควายุอัสนีได้ ! ถ้าไม่สามารถถึงระดับ 4 ได้ งั้นมาทางไหนก็เชิญกลับไปทางนั้นเลย !
อันดับในการทดสอบครั้งแรก และครั้งที่สองของฉู่เหินไม่ได้อยู่ลำดับที่ดีเท่าไร กระทั่งเรียกได้ว่าต่ำเลยก็ย่อมได้ อย่างน้อยผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครเห็นถึงตัวตนของฉู่เหินเลย !
สำหรับจอภาพนั้นเป็นเหมือนจอแสดงผล เพียงแต่พวกเขาจะใช้พลังเวทย์ในการรวบรวมเท่านั้นเอง ! ตอนที่แข่งขัน ผู้เข้าร่วมจะทำอะไรก็จะปรากฏสู่สายตาคนภายนอก ด้วยวิธีนี้พวกเขาก็จะแยกแยะได้ว่าใครอ่อนแอใครแข็งแกร่ง ! ทว่าก็ไม่ทั้งหมด เพราะมีบางคนทำตัวเหมือนเสือห่มหนังลูกแกะ ไม่แสดงความสามารถออกมา !
เพราะแบบนี้ถึงได้ต้องมีด่านที่ 3 ถ้าใครที่ก่อนหน้านี้ทำออกมาได้ปกติธรรมดามาก แต่ทว่าแท้จริงแล้วกลับเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์มาก ๆ พวกเขาเหล่านั้นก็จะได้รับการดูแลพิเศษ ๆ !
แล้วตอนนี้คุณคิดว่าพลังของตัวเองเป็นยังไง ต่อให้มีพลังมาก แต่ถ้าพรสวรรค์ของคุณต่ำ ก็จะไม่ได้มีอนาคตที่ดีเท่าไร ตอนนี้สถานที่ทดสอบถูกแบ่งออกเป็น 2 ข้าง ซึ่งถ้ามองดี ๆ ก็จะเห็นเงาร่างที่ปรากฏตัวมาทีละคน ๆ ! คนพวกนี้เป็นลูกศิษย์จากบ้านต่าง ๆ พวกเขาเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้มาดูแลการคัดเลือกเข้าพรรคที่นี่
แท้จริงแล้วพรรควายุอัสนีนั้นถูกแบ่งออกเป็น 4 บ้านด้วยกัน ซึ่งแต่ละบ้านก็ได้แบ่งคนมาคอยอารักขาที่นี่ ! และมีเพียงอดีตบ้านที่ 1 อย่างบ้านวายุที่ส่งคนมาน้อยสุดจากทุกบ้าน !
ซึ่งคนคนนั่นที่มาจากบ้านวายุนั้นเป็นชายวัยกลางคนอายุ 30-40 ปี และก็เป็นหัวหน้าดูแลของบ้านวายุในตอนนี้ เขาเป็นลูกศิษย?คนที่ 6 ของผู้ยิ่งใหญ่ในพรรค ! ตามหลักการแล้วการรับศิษย์ใหม่นั้น ไม่จำเป็นที่คนระดับเขาต้องมาด้วยตัวเองเลย ! แต่ชายวัยกลางคนไม่มีทางเลือก เพราะทั้งบ้านของพวกเขา นอกจากอาจารย์แล้วก็มีเพียงพวกเขาที่เป็นลูกศิษย์กันอยู่แค่ 6 คนเท่านั้นที่มาได้
ด้วยจำนวนคนที่น้อย จึงทำให้เรื่องทำกับข้าวพวกเขาก็ต้องเป็นคนทำกันเอง ! อย่านึกว่าบ้านวายุตกต่ำแล้วพลังวรยุทธ์ของพวกเขาจะต่ำไปด้วย แท้จริงแล้วมันกลับกันเลย ! คนของบ้านวายุไม่เพียงแต่ไม่ได้มีพลังวรยุทธ์ที่ต่ำ แต่การจะหาคนที่ระดับเดียวกับพวกเขานั้นมีน้อยมาก ! และนี้ก็คือสาเหตุที่บ้านวายุของพวกเขายังไม่ตกต่ำ !
เดิมที่พรรควายุอัสนีมีทั้งหมด 5 บ้าน ซึ่งทั้ง 5 บ้านนั้นจะได้รับวิชาที่สืบทอดในแบบของตัวเอง ! เพราะมีเพียงการสืบทอดเท่านั้นที่จะทำให้บ้านของตัวเองรุ่งโรจน์ได้ ! ดังนั้นแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ตาม บ้านของพวกเขานับว่าสำคัญที่สุด !
เดิมทีบ้านวายุถือได้ว่าเป็นอันดับ 1 ของพรรควายุอัสนี อีก 4 บ้านไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของบ้านวายุได้เลย เพียงแค่ดูก็รู้แล้วว่าบ้านวายุเคยรุ่งเรืองขนาดไหน ทว่าครั้งก่อนตอนที่เผ่าปีศาจบุกรุก บ้านวายุได้เป็นคนนำทั้งทุกบ้านพุ่งโจมตีหน้าสุด !
แต่สงครามครั้งนั้นพวกเขากลับพ่ายแพ้ เพราะเมื่อเผ่าปีศาจร่วมมือกันแล้ว มนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเขาก็ไม่สามารถต่อกรได้เลย ! ต่อให้มนุษย์รวมตัวกันมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถเทียบกันได้เลย ! สุดท้ายฝ่ายมนุษย์ก็พ่ายแพ้กลับมาอย่างน่าอนาถ ซึ่งมันก็มีผู้อาวุโสจากบ้านวายุเสียชีวิตในศึกครั้งนั้นไม่น้อย !
อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นผู้อาวุโสของบ้านวายุยังไม่ได้ถ่ายทอดวิชาให้แก่คนในบ้านตัวเองเลย ! เมื่อเป็นแบบนี้ก็เท่ากับว่าวิชาสืบทอดกันมาก็ได้ตายไปกับเขาด้วย ! หลังจากนั้นบ้านวายุก็ตกต่ำลง แม้ว่าเดิมทีวิชาประจำบ้านวายุจะแข็งแกร่งที่สุดใน 5 บ้าน ! แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
บ้านวายุในขณะนั้นเหลือลูกศิษย์เพียงคนเดียว และนั่นก็คือหัวหน้าของบ้านวายุในตอนนี้ ! อย่ามองว่าหัวหน้าคนปัจจุบันไม่ได้สืบทอดวิชาจากคนก่อนแล้วจะอ่อนแอ เพราะพลังของเขานั้นมากจนเป็นที่น่าตกใจเชียวละ ในพรรควายุอัสนี มีน้อยคนมากที่จะมีใครกล้าหาเรื่องชายคนนี้ ! กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสหนวดขาวทั้งหลายยังคิดว่าบางทีตัวเองก็อาจไม่ชนะเช่นกัน
ส่วนหนึ่งภายในพรรควายุอัสนี มีคนจำนวนเล็ก ๆ ที่รู้แก่ใจดีว่า ! คนที่แข็งแกร่งที่สุดในพรรคไม่ใช่พวกผู้อาวุโส หากแต่เป็นหัวหน้าของบ้านวายุ ! เท่านี้ก็เห็นได้ว่าหัวหน้าบ้านวายุเป็นคนที่เก่งกาจแค่ไหน !
แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น ทว่าก็ไม่มีใครยอมเข้าบ้านวายุเลย ทั้งนี้ก็เป็นเพราะบ้านวายุนั้นตกต่ำลงอย่างมาก วิชาที่จะถ่ายทอดก็ไม่มี เข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ! พวกลูกศิษย์ใหม่ ๆ พากันคิดแบบนั้นกันหมด ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่เข้าบ้านวายุกัน !
ที่ทำให้คนของบ้านวายุรู้สึกโกรธก็คือ แม้แต่พ่อครัวแม่บ้านของบ้านวายุยังขอลาออก ! แบบนี้ก็หมายความว่าทั้งบ้านวายุคนที่จะทำอาหารและคนทำความสะอาดไม่มีเลยนะสิ ! ด้วยความจนปัญญา พวกลูกศิษย์เลยต้องรับผิดชอบทำกันเอง !
ที่จริงพวกเขาเคยรับสมัครพ่อครัวกับแม่บ้านมาโดยเฉพาะแล้วด้วย ! เพียงแต่ที่ทำให้พวกเขาโกรธก็คือคนพวกนั้นอยู่ไม่ถึงครึ่งเดือน ก็ถูก 4 บ้านที่เหลือขโมยตัวไปแล้ว ! ไม่ต้องพูดพวกเขาก็เข้าใจว่าบ้านวายุได้ควบคุมพรรควายุอัสนีมาหลายปี ถึงคราวตกต่ำแบบนี้ มีหรือที่อีก 4 บ้านจะอดใจไม่ซ้ำเติมไหว !
ทุกครั้งที่รับศิษย์ใหม่เข้ามา หัวหน้าบ้านวายุก็จะส่งคนมาสำรวจที่นี่ตลอด ! แต่ในใจของพวกเขาก็เข้าใจว่าอาศัยบ้านวายุของพวกเขาในตอนนี้ การจะได้เด็กมีพรสวรรค์สักคนเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ! ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่นี่เพื่อดูแลภาพรวมเท่านั้น ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง !
งานในปีนี้ทุกคนก็ได้แต่มองหน้ากัน พวกเขามีกันแค่ 9 คนเท่านั้น ! และเมื่อพวกเขานั่งอยู่โดด ๆ แบบนี้ มันก็เหมือนกับมีป้ายอันใหญ่ ๆ เขียนว่าบ้านวายุรับสมัครคนเพิ่มตั้งอยู่อย่างงั้นแหละ ทว่าคนรับสมัครทั้ง 9 กลับเอาแต่นอนกรนคร่อก ๆ เนี่ยน่ะ ! นี่พวกเขาต้องการรับศิษย์ใหม่เข้าบ้านจริงหรือเปล่าเนี่ย !!!