สุดยอดชาวประมง - บทที่ 520 บ้านวายุทรงอำนาจขึ้นแล้ว
บทที่ 520 บ้านวายุทรงอำนาจขึ้นแล้ว
บทที่ 520 บ้านวายุทรงอำนาจขึ้นแล้ว
หลังจากฉู่เหินพูดจบ ใบหน้าของหัวหน้าทั้ง 4 บ้านก็เรียกได้ว่าย่ำแย่สุด ๆ แต่พูดก็พูดไปแล้ว ถ้าพวกเขาไม่แสดงท่าทีอะไรเลย เกรงว่าจูเก๋อโยวหมิงคงจะมาดื่มชาพูดคุยกับพวกเขาจริง ๆ !
ทั้งสี่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “เพราะเห็นว่าสายตาของนายไม่เลวหรอกนะ ! เดี๋ยวพวกฉันจะหาคนมีฝีมือมาให้พวกนายก็แล้วกัน คงใช้เวลาไม่เกิน 1 วัน ! ”
เมื่อหัวหน้าทั้ง 4 คนพูดจบ ทุกคนก็ฮือฮาขึ้นมาทันที ! ทว่าเมื่อพวกเขาหวนคิดดี ๆ มันก็พอจะเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงทำแบบนี้ ! คิด ๆ ดูแล้วพวกเขาก็ควรที่จะจัดการอย่างนี้นานแล้ว แต่พวกหัวหน้าทั้ง 4 กลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ดังนั้นเรื่องในวันนี้จึงได้กลายเป็นอย่างที่เห็น !
แน่นอนว่าที่สำคัญก็คือจูเก๋อโยวหมิงไม่ใช่คนมีเมตตาอะไร ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ไปเอาเรื่องคนพวกนั้น ก็เพราะคิดไม่ถึงจุดประสงค์ของพวกเขา แต่เมื่อได้รับลูกศิษย์แปลก ๆ คนหนึ่งมา คำพูดของชายหนุ่มมันก็ทำให้พวกเขาคิดได้ ! ทำให้ทุกคนพากันลงความเห็นว่าฉู่เหินเป็นคนเจ้าแผนการคนหนึ่ง ! ไม่งั้นเขาจะทำให้หัวหน้าทั้ง 4 บ้านยอมทำตามอย่างว่าง่ายแบบนี้ได้เหรอ !
เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลาย จูเก๋อโยวหมิงผู้เป็นหัวหน้าบ้านวายุก็สะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ม้วนทุกคนไปทั้งหมด ! ก่อนที่เขาจะหายไปจากจุดเดิม ! ทว่าก่อนที่เขาจะไปก็ได้ทิ้งท้ายคำพูดไว้คำหนึ่ง “หลังจากนี้อีกสามเค่อ* ถ้ายังไม่ส่งคนมา ฉันจะไปบ้านพวกแกให้ครบทั้ง 4 บ้านเพื่อพูดคุย และดื่มชาด้วย ! ”
*หนึ่งเค่อ เท่ากับ 15 นาที
หัวหน้าทั้ง 4 บ้านพอได้ยินแบบนี้ ก็กัดฟันแน่น แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่หยิบหยกสื่อสารของตัวเองขึ้นมา สั่งให้ลูกศิษย์ตัวเองจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด !
พอทุกคนเห็นฉากนี้ก็แอบคิดในใจ ดูเหมือนบ้านวายุกำลังจะทรงอำนาจขึ้นแล้ว ! ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรควายุอัสนีหวังที่จะเห็นมากที่สุด ! เขาไม่อยากจะเห็น 5 บ้านไร้ชีวิตชีวาแบบนี้ อีกทั้งถ้าบ้านวายุทรงอำนาจขึ้นมาล่ะก็ อำนาจของตระกูลหลิวก็จะอ่อนแอลงไปเยอะ !
เพียงคิดถึงตรงนี้เขาก็หัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและหายไปจากตรงนี้เช่นเดียวกัน !
จากเรื่องที่เกิดขึ้น จึงทำให้พวกเด็กใหม่หลาย ๆ คนคิดอยากจะเข้าบ้านวายุด้วยไม่น้อย เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าบ้านวายุกำลังจะผงาดขึ้นแล้ว ! ถ้าวันหนึ่งบ้านวายุทรงอำนาจขึ้นมาล่ะก็ อีก 4 บ้านที่เหลือยังไงก็ยากที่จะต่อกรด้วยได้ !
เพียงแต่น่าเสียดายที่จำนวนการเปิดรับลูกศิษย์ของบ้านวายุนั้นมีจำกัด ! พรสวรรค์อย่างพวกเขาคงไม่ได้เข้าบ้านวายุเป็นแน่ เมื่อครุ่นคิดถึงตรงนี้ พวกเขาก็ได้แต่จนปัญญา ก่อนที่จะพากันเลือกเข้าบ้านสักบ้านที่เหลือแทน
พอฉู่เหินมาถึงยอดเขาอันเป็นที่ตั้งของบ้านวายุ ชายหนุ่มก็ถึงกับตกตะลึงในทันที ! เพราะสิ่งปลูกสร้างในบ้านวายุนั้นไม่ใช่เล็ก ๆ เลย แถมยังหรูหรามากอีกด้วย ! ทว่าเพราะไม่ได้รับการดูแล จึงทำให้สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ เต็มไปด้วยฝุ่นสีเทา ๆ เกาะกันหนาแน่น ! ราวกับไม่มีคนอยู่มานานแล้ว !
ฉู่เหินพอเห็นฉากนี้เข้าไปก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ แม้ว่าเขาจะทำใจไว้แล้ว แต่พอเห็นแบบนี้มันก็อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะรู้สึก ทว่าหลังจากเห็นสี่บ้านจะส่งคนมาแล้ว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความหวังขึ้นมาเล็ก ๆ
ฉู่เหินรู้ว่าด้วยเวลาสั้น ๆ แบบนี้ พวกเขาคงจะหาคนจากข้างนอกให้มาเข้าบ้านไม่ทันแน่ ๆ ดังนั้นก็คงมีแต่ต้องดึงศิษย์ในบ้านของพวกเขาเองมามอบให้ !
ไกลออกไป บริเวณตีนเขาบ้านวายุนั้นก็ได้มีคน 10 คนพากันเดินมาทางบ้านวายุ ! คนพวกนี้ตอนเดินปากก็ยังบ่นพึมพำไม่หยุด ฉู่เหินที่อยู่ไกล ๆ ได้ยินไม่ค่อยชัด แต่พอนึก ๆ ดูเขาก็พอจะรู้ว่าพวกเขาพูดอะไร !
แม้ว่าจะได้ยินไม่ค่อยชัดว่าคนพวกนี้พูดอะไรกัน แต่ท่าทางที่คนพวกนี้เดินมามันก็คล้ายกับภรรยาที่ถูกแม่สามีจิกหัวใช้ยังไงยังงั้น ! อีกทั้งสายตาของพวกที่เดินมาเดี๋ยวก็มองตรงนี้มองตรงโน้นอย่างรังเกียจ !
กระทั่งระหว่างทางที่พวกเขาเดินมา พอเห็นอะไรสกปรก ๆ เข้าหน่อยก็รีบกระโดดถอยห่างจากตรงนั้นทันที ! ท่าทางเหล่านั้นตกอยู่ในสายตาของฉู่เหินทั้งหมด ก่อนที่เขาจะคิดในใจว่าดูว่าเหมือนแขกกำลังมาแล้ว !
ดวงตาของฉู่เหินกลอกไปมา ถ้าให้คนพวกนี้มาที่นี่เพื่อช่วยเสือหาเหยื่อ*ล่ะก็ นั้นไม่ใช่นิสัยของฉู่เหินเลย ถ้าจัดการสั่งสอนคนพวกนี้สักหน่อย ค่อยเรียกเขาว่าฉู่เหินแล้วกัน ชายหนุ่มเมื่อคิดถึงตรงนี้ก็หัวเราะ หึหึ ก่อนจะหมุนร่างกลับมาที่ศิษย์พี่ทั้ง 7 !
*ช่วยเสือหาเหยื่อ หมายถึง ช่วยคนชั่วทำเรื่องไม่ดี
“ศิษย์พี่ ถึงเวลาที่บ้านวายุของพวกเราจะได้ทำความสะอาดครั้งใหญ่แล้ว ! ” ฉู่เหินหัวเราะเมื่อพูดจบ ! ซึ่งบรรดาศิษย์พี่ที่ได้ยินก็ถึงกับงงงัน ก่อนจะพากันหันมองไปยังสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ตรงหน้า และส่ายหัวอย่างหนักใจ !
“นายจะยอมหาเรื่องทรมานตัวเองก็ทำไป หรือจะเล่นงานใครก็แล้วแต่ ถึงตอนนั้นศิษย์พี่จะช่วยนายรับผิดชอบเอง ! ” จูเก๋อเหลียงดูออกว่าฉู่เหินไม่ใช่คนมีเมตตาอะไร ทว่าเมื่อคิดกลับกันแล้ว เขาก็พบว่าตอนนี้บ้านวายุไม่ใช่ว่ากำลังขาดแคลนคนแบบฉู่เหินหรือไง !
ไม่นานก็เห็นสิบกว่าคนนั้น เดินขึ้นมาทีละคนๆ ทว่าเมื่อมองสีหน้าไร้อารมณ์ และท่าทีตอนพูดคุยที่ไม่มีความเคารพเลยแม้แต่น้อย ! มันก็ทำให้ฉู่เหินก็เข้าใจแล้ว ว่าทั้ง 4 บ้านนั้นจงใจอย่างแน่นอน ! คนพวกนี้น่าจะไม่มีประโยชน์ใด ๆ แม้แต่น้อย !
“ฉันไม่สนว่าพวกนายจะแซ่จาง แซ่หวัง แซ่ลี่ หรือแซ่จ้าว และก็ไม่อยากรู้ว่าหัวหน้าบ้านของพวกนายคิดอะไรอยู่ ในเมื่อพวกเขาส่งพวกนายมาเพราะบอกว่าพวกนายมีความสามารถ ฉันจะดูว่าพวกนายจะทำได้อย่างที่พูดไว้ไหม ! ถ้าพวกนายทำไม่ได้นั้นก็หมายความว่าพวกนายมีความผิด ถึงตอนนั้นบ้านวายุของฉันก็มีสิทธิ์ที่จะฆ่าพวกนาย และส่งร่างไร้วิญญาณของพวกนายกลับไป ก่อนเอาคนใหม่มาแทน !”
คนสิบกว่าคนที่เพิ่งมาถึง เมื่อพวกเขาได้ยินก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก เดิมทีพวกเขากะจะแค่ปรากฏตัวแต่จะไม่ทำงาน ทว่าตอนนี้เกรงว่าจะทำไม่ได้แล้ว ถ้าถูกฆ่าที่นี่มันก็ยิ่งไม่คุ้มน่ะสิ ! พวกเขาคิดในใจก่อนจะถอนหายใจอย่างจนปัญญา ทำได้เพียงพยักหน้า !
ถึงแม้ปากจะยอมรับ หากแต่แววตานับกลับไม่ยินยอม ! คำพูดของชายหนุ่มมันทำให้พวกเขาโกรธแค้น และพากันจ้องมองมาที่ฉู่เหิน ด้วยแววตาที่หมายจะเอาชีวิต !
“ฉันรู้ว่าเหตุผลที่บ้านของพวกนายทั้ง 4 เลือกพวกนายมาก็เพราะความสามารถ พวกนายเห็นอาคารและก็หญ้าพวกนี้ที่ขึ้นอยู่ตรงนั้นไหม ! ฝากพวกนายด้วยล่ะ ฉันจะให้เวลา 7 วัน ทำทั้งหมดนี้ให้สะอาด ! ถ้าทำไม่ได้ ต่อให้พวกนายหนีไปไกลสุดขอบฟ้า บ้านวายุของฉันก็จะตามไล่พวกนายแล้วหันให้เป็นชิ้น ๆ ! ”
“ฉันไม่สนว่าพวกนายจะต่อตามเพื่อนมาช่วย หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ ฉันต้องการเพียงผลงาน ถ้าหลังจากวันนี้ 7 วันพวกนายยังทำไม่ได้ งั้นก็เตรียมตัวตายซะ ! ”
ต้องเข้าใจว่าอาคารใหญ่โตขนาดนี้ บวกกับเศษหญ้าวัชพืชต่าง ๆ ต่อให้พวกเขาไม่หลับไม่นอน และทำความสะอาดที่แห่งนี้ตลอด 2 เดือนติด มันก็คงยังไม่ทั่วเลย ! ประโยคดังกล่าวทำให้พวกเขาแทบอยากจะลงมือกับฉู่เหินเสียตรงนั้น แต่ยังดีที่ประโยคสุดท้ายของชายหนุ่มบอกว่าพวกเขาหาคนมาช่วยได้ !
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็มันทำให้พวกเขาไม่สบอารมณ์อยู่ดี กระทั่งรู้สึกเกลียดฉู่เหินเข้าไส้ อย่ามองว่าพวกเขาเป็นเพียงลูกศิษย์ปลายแถว แต่อาศัยพลังวรยุทธ์ของพวกเขา ไม่ได้ด้อยกว่าฉู่เหินเลย ! ไม่งั้นพวกเขาคงไม่กล้ามองด้วยสายโกรธแค้นแบบนี้หรอก
“พวกนายคิดจะทำอะไร จะไม่ทำเหรอไง ขอบอกพวกนายไว้ก่อน คำพูดของลูกศิษย์คนที่ 9 ก็คือคำพูดของบ้านวายุทั้งหมด ! ถ้าไม่ทำตามที่น้อง 9 สั่งให้เสร็จ ต่อให้เป็นครอบครัวของพวกนาย ฉันก็จะตามไปฆ่าทิ้งให้หมด ! ” จูเก๋อเหลียงใช้สายตาโหดเหี้ยมมองคนเหล่านี้ !
พวกนี้กล้าที่จะใช้สายตาเมื่อครู่กับฉู่เหิน แต่ไม่กล้าใช้มันก็จูเก๋อเหลียง ! พวกเขารู้ดีถึงความบ้าคลั่งของอีกฝ่าย หาเรื่องคนแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ ! ซึ่งตัวอย่างก็เห็นได้จากผู้อาวุโสก่อนหน้า แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว !