สุดยอดชาวประมง - บทที่ 567 กองกำลังองครักษ์
บทที่ 567 กองกำลังองครักษ์
บทที่ 567 กองกำลังองครักษ์
เมื่อหวังหย่งเชิง ผู้เป็นพี่ชายของหวังซานเหนียงได้เห็นน้องสาวกลายสภาพกลายเป็นแบบนี้ ในใจก็เจ็บปวด เพียงแต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถเข้าใกล้น้องสาวที่เสียสติไปแล้วคนนี้ได้ ด้วยความจนปัญญา เขาจึงส่งคนที่ซื่อสัตย์กับตัวเองที่สุดไปดูแลปกป้องเธออย่างลับ ๆ ดังนั้นตั้งแต่หวังซานเหนียงมาที่กลุ่มหงส์เพลิง แม้ว่าจะไม่ได้มีความสุขอะไร แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรเช่นกัน !
อีกทั้งหลายปีมานี้อาการปวดของเธอก็คล้ายดีขึ้น เพราะอาหารที่เธอกินเข้าไป เป็นหวังหย่งเชิงให้คนแอบใส่ยาบำรุงเข้าไป หลายปีมานี้ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหัวใจของหวังซานเหนียงได้ตายไปแล้ว เกรงว่าเธอคงจะหายดีไปนานแล้ว ! แต่ตอนนี้พอฉู่เหินปรากฏตัว บางทีนี่ก็อาจจะทำให้เธอเปิดหัวใจที่ปิดตายของตัวเองอีกครั้งก็เป็นได้ !
ทว่าฉู่เหินไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น หลังจากกลับมาจากปราสาท เขาก็แวะซื้อของกินและมุ่งกลับบ้านทันที ! ซึ่งตอนที่เขามาถึง ชายหนุ่มก็พบกับหวังซานเหนียงที่ออกมายืนรอหน้าบ้าน คอยชะเง้อคอมองมา ! ด้วยใบหน้าที่ร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด !
ทันทีที่เธอเห็นฉู่เหิน ใบหน้าก็เผยยิ้มทันทีทันใด ! วิ่งเข้ามาหาทั้งที่เหลือระยะทางไม่กี่ก้าว รีบกุมมือและตบที่หลังฝ่ามือชายหนุ่มเบา ๆ เป็นเชิงดีใจที่หาเจ้าลูกจอมซนเจอแล้ว !
เมื่อฉู่เหินมองท่าทางของหวังซานเหนียง จู่ ๆ ในใจก็เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา เป็นความรู้สึกใจลอยเล็กน้อย ด้วยไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกว่าหวังซานเหนียงกับตัวเองถึงเหมือนกันนัก ! ทั้งสองคนมีส่วนที่คล้ายคลึงกันมาก โดยเฉพาะดวงตาที่ตัวเองอยู่นั้นเหมือนกันกับเขาไม่มีผิด
หลังจากฉู่เหินปลอบประโลมหวังซานเหนียงได้พักหนึ่ง ก็จูงมืออีกฝ่ายมาในตัวบ้าน และทำกับข้าวชุดใหญ่ให้หวังซานเหนียง !
สองแม่ลูกนั่งกินข้าวกันอย่างมีความสุข ! อีกทั้งหวังซานเหนียงที่ปกติไม่ชอบพูดกับคนอื่นเท่าไร ก็กลับเปลี่ยนไป กลายเป็นคอยหาเรื่องมาพูดกับชายหนุ่มได้ไม่รู้จบ !
ขณะกิน ฉู่เหินก็ได้บอกหวังซานเหนียงว่าตัวเองจะเข้าร่วมกองกำลังองครักษ์ และน่าจะต้องออกไปทำภารกิจหลายวัน ทำให้ใบหน้าของหวังซานเหนียงก็เหมือนมีคำว่ากังวลเขียนอยู่กลางหน้าผาก ! อีกทั้งไม่ว่าจะพูดอย่างไรฉู่เหินก็จะไปให้ได้ กระทั่งเขายังพูดโน้มน้าวจนไม่รู้จะโน้มน้าวยังไง ! บอกว่าถ้าเกิดพาแม่ไปด้วยแล้วคนอื่นรู้เข้า เขาต้องถูกหัวเราะจนฟันหลุดแน่ !
สูญเสียความพยายามไปมาก แต่ในที่สุดมารดาคนนี้ก็ตกลง ! ทำให้ฉู่เหินรู้สึกเหมือนประสบความสำเร็จอย่างมาก และในวันที่สองนี่เอง ชายหนุ่มก็ได้พาหวังซานเหนียงมาซื้อของเข้าบ้านหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเตียงสองหลังและก็ของใช้ประจำวันบางส่วน อีกทั้งยังซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้หวังซานเหนียงไว้เปลี่ยน โดยทุก ๆ วันฉู่เหินจะต้องหวีผมให้หวังซานเหนียงเสียก่อน !
วันเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ 3-4 วันมานี้ สภาพจิตใจของหวังซานเหนียงดูจะดีขึ้นมาก ๆ! กระทั่งอาการก็ยังดูเบาบางลง ! จนตอนนี้สายตาที่ใช้มองฉู่เหิน ก็ไม่ได้มองแบบไร้แววอีกต่อไปแล้ว !
สิ่งนี้ทำให้ฉู่หินดีใจมาก ๆ ด้วยถ้าเขาสามารถทำให้ผู้หญิงคนนี้กลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนได้ล่ะก็ เขาก็อยากจะลองศึกษาเรื่องจิตวิทยาดูเพื่อช่วย ! อย่างไรก็ตามวันหนึ่ง หัวหน้ากองกำลังองครักษ์ก็ได้มาหาฉู่เหิน บอกว่ามีภารกิจที่พวกเขาต้องออกไปทำแล้ว !
ธรรมดาแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ระดับหัวหน้ากองกำลังองครักษ์ต้องมาบอกลูกน้องตำแหน่งเล็ก ๆ คนหนึ่ง แต่ฐานะของฉู่เหินนั้นไม่ธรรมดา เพราะเหตุที่ชายหนุ่มเข้ามาอยู่ในกองกำลังองครักษ์ก็เป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพ ! ต้องเข้าใจว่าในกองกำลังองครักษ์มีพลังวรยุทธ์กันอยู่ที่ขั้นจอมปราชญ์ระดับสูงสุด มีเพียงฉู่เหินคนเดียวที่อยู่ในขั้นครึ่งจอมปราชญ์ !
อีกทั้งยังมีครั้งหนึ่ง ที่ท่านแม่ทัพเคยเข้าไปคุยกับหัวหน้ากององครักษ์เล็ก ๆ นี้ด้วยตัวเอง สำหรับตอนนั้นพวกเขาสองคนพูดเรื่องอะไรนั้น คนนอกไม่มีใครรู้เลย แต่วันนั้นหัวหน้ากององครักษ์เล็ก ๆ นี้ ก็กลายเป็นนับถือในตัวฉู่เหินอย่างมาก !
ตอนที่หวังซานเหนียงได้ยินว่าฉู่เหินต้องออกไปทำภารกิจข้างนอก ดวงตาก็มองมาอย่างอาลัยอาวรณ์ ! แต่ว่าครั้งนี้เธอไม่ได้ร้องไห้ออกมา จึงดูออกอย่างเห็นได้ชัดว่าอาการของเธอตอนนี้ดีขึ้นมาก ! ดังนั้นตอนที่เดินมาส่ง ชายหนุ่มก็ได้ให้ศิลาหินเธอหนึ่งอัน
ศิลาหินนี้เป็นเหมือนเครื่องมือสื่อสารในโลกที่เขาจากมา หลังจากเปิดมันภายในก็จะบอกข้อมูลที่บรรจุไว้ โดยข้อมูลที่ฉู่เหินทิ้งเอาไว้ทั้งหมด เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในไม่กี่วันมานี้ระหว่างพวกเขาสองแม่ลูก ! เพื่อถ้าหวังซานเหนียงคิดถึงเขาล่ะก็ ให้มองศิลาหินนี้ ! ก่อนที่เขาจะสอนวิธีการใช้ศิลาหินแก่อีกฝ่าย
จนถึงตอนนี้ฉู่เหินถึงได้กล่าวลากับหวังซานเหนียง ! และหวังซานเหนียงก็ได้มาส่งชายหนุ่มที่หน้าประตูบ้าน ก่อนจะยืนมองแผ่นหลังของเขาจนหายลับไปสายตา หากแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เธอก็ไม่มีท่าทีว่าจะกลับเข้าบ้านไปสักนิด !
ภารกิจของฉู่เหินในครั้งนี้ จำเป็นต้องเข้าไปสืบข่าวที่กองทัพเสือขาว ! อย่างไรก็ตามเรื่องนี้พูดว่าง่ายก็ไม่ง่าย พูดว่ายุ่งยากก็ไม่ยุ่งยาก ! เพราะตอนนี้ทั้งสองฝ่ายนั้นอยู่ในรูปแบบในศัตรูมีฉัน และในฉันมีศัตรู หรือก็คือที่พวกเขาต้องทำก็เพียงแค่ไปพบกับสายลับในกลุ่มเสือขาว แล้วกลับมารายงานก็พอแล้ว !
เรื่องนี้ดูแล้วอาจจะดูง่าย แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่พวกเขาจะต้องระวังไว้ นั่นก็คือการเข้าไปเป็นสายลับของศัตรูนานหลายปีขนาดนี้ อีกฝ่ายจะมีใจออกห่างหรือไม่ หรือถ้าเพราะพวกเขาได้รับรายงานเรื่องเท็จและทำให้กลุ่มหงส์เพลิงต้องเข้าไปอยู่ในวงล้อม งั้นพวกเขาก็ถือว่ามีความผิด !
ดังนั้นตอนที่ได้รับข้อมูล พวกเขายังไม่สามารถทำออกนอกหน้าได้ จำเป็นต้องติดต่อกันอย่างลับ ๆ รอตอนที่มั่นใจว่าคน ๆ นี้ไม่มีปัญญาอะไรแล้วถึงค่อยแสดงตัวออกมา อีกทั้งยังต้องไม่ให้พวกอีกฝ่ายตรวจสอบตัวเองได้ ไม่งั้นจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่สายลับคนนี้ได้ ! ทำให้เรื่องนี้พูดได้ว่าค่อนข้างจะยุ่งยาก
ทีมของพวกเขามีทั้งหมด 5 คนนับรวมฉู่เหิน ซึ่งพลังวรยุทธ์ของทั้ง 4 คนที่อยู่มาแต่เดิมนั้นอยู่ในขั้นพอ ๆ กัน และนั่นก็คือขั้นจอมปราชญ์ระดับสูงสุด !
อีกทั้งถึงแม้ทั้ง 4 คนจะมีความเก่งกาจไม่เหมือนกัน แต่ทว่าก็มีความเก่งกาจอยู่เรื่องหนึ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือด้านความเร็ว ! เพราะถ้าคิดจะไปขโมยข้อมูลของศัตรู ก็จำเป็นต้องรักษาชีวิตตัวเองให้ได้ด้วย !!!
เดิมทีตอนที่ทั้ง 4 คนเดินทางไป ก็หันมารอฉู่เหินบ่อย ๆ เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะตามมาไม่ทัน อย่างไรก็ตามตอนที่พวกเขาเดินทาง พวกเขาก็พบว่าไม่ว่าพวกเขาจะเดินทางเร็วแค่ไหน ฉู่เหินก็สามารถตามทันเสมอ ! ถึงตอนนี้พวกเขาจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ต้องเข้าใจว่าตอนนี้พลังวรยุทธ์ของพวกเขามากกว่าฉู่เหินขั้นใหญ่ขั้นหนึ่ง แต่ความเร็วของอีกฝ่ายกลับเร็วจนน่าตกใจ นี้ทำให้พวกเขามองฉู่เหินเปลี่ยนไป ! เพราะเดิมทีตอนที่ชายหนุ่มเข้ามาให้กลุ่มพวกเขา พวกเขาก็นึกว่าต้องมาเคยดูแลคน ๆ หนึ่งเสียอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เช่นนั้น !
สุดท้ายทั้ง 4 คนก็หันมามองหน้ากัน ก่อนจะเพิ่มความเร็วให้เป็นระดับสูงสุด อย่างไรก็ตามฉู่เหินกลับตามความเร็วของพวกเขามาได้ติด ๆ! เมื่อเป็นแบบนี้ก็ทำให้ทั้ง 4 คนเริ่มตื่นตระหนกแล้ว ด้วยพวกเขาคิดไม่ถึงว่าฉู่เหินจะเร็วได้ขนาดนี้ !
ที่สำคัญคือพวกเขามองออกว่า ตอนนี้ความเร็วของฉู่เหินยังไม่ได้ถึงขีดสุด จึงไม่อยากจะคิดจริง ๆ ว่าถ้าเขาทำความเร็วสูงสุดจะเร็วได้ขนาดไหน !
ระยะห่างระหว่างกลุ่มเสือขาวและกลุ่มหงส์เพลิง ห่างกันเพียงภูเขาลูกหนึ่ง เพียงแต่ความกว้างของภูเขาลูกนั้นน่ากลัวว่าจะมีหลายหมื่นกิโลทีเดียว อีกทั้งบนภูเขายังมีสัตว์ร้ายต่าง ๆ นานา จึงทำให้คนธรรมดายากจะข้ามทางนี้ไปได้ !
หลังออกจากกลุ่มหงส์เพลิงมาเวลาไม่นาน พวกเขาก็มีถึงภูเขาที่ว่านี้ ! และเพื่อความปลอดภัย พวกเขาจึงนั่งคุยกันว่า ครั้งนี้พวกเขาต้องหาคนท่ามกลางกลุ่มเสือขาว ก่อนจะเอาข้อมูลทุกอย่างมาแบ่งปันกัน เหตุที่ทำแบบนี้ ก็เพราะพวกเขากลัวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับใครสักคนแล้ว จะทำให้ภารกิจไม่สำเร็จ !
โดยเป้าหมายในครั้งนี้ พวกเขาต้องหาคนที่ชื่อว่าจางหว่านฉาย และตามที่ทุกคนเคยได้ทราบข่าวมา จางหว่านช่านที่ว่านั้นก็เป็นชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่ง และแม้ว่าตอนนี้จะมีอายุเพียง 145 ปี หากแต่พลังวรยุทธ์ของเขาก็อยู่ในขั้นจอมปราชญ์ระดับสูงสุดแล้ว ถือว่าเป็นขั้นพลังที่เร็วมาก นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง!
ด้วยอย่างกลุ่มของพวกเขา แม้ว่าจะอยู่ในขั้นจอมปราชญ์ระดับสูงสุด แต่อายุของพวกเขาก็ปาเข้าไป 200 ปีแล้ว จึงพูดได้ว่าในเรื่องพรสวรรค์แล้ว พวกเขายังด้อยกว่าจางหว่านฉายหนึ่งเท่าตัว
หลังจากจดจำข้อมูลทุกอย่างไว้ในหัวสมองดีแล้ว ทุกคนก็เดินทางต่ออย่างระมัดระวัง ! ด้วยต้องเข้าใจว่าภายในภูเขานี้มีสัตว์ที่พลังวรยุทธ์แข็งแกร่งอาศัยอยู่ด้วย ! และสัตว์ที่พลังเกินกว่าขั้นเทพดาราก็มีไม่น้อยเลย