สุดยอดชาวประมง - บทที่ 589 การต่อสู้ของขั้นเทพดารา
บทที่ 589 การต่อสู้ของขั้นเทพดารา
บทที่ 589 การต่อสู้ของขั้นเทพดารา
เมื่อรู้ดังนั้น ใบหน้าของฉู่เหินก็เย็นยะเยือกลงในพลัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะทำการส่งเสียงผ่านกระแสจิต บอกน้าฮวาและหลิวซินยี่ให้เตรียมตัวและห้ามถอยเด็ดขาด ! ต้องอดทนจนไปถึงกลุ่มหงส์เพลิงแล้วไปขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพหงส์เพลิงให้ได้ ส่วนตัวเขานั้นจะช่วยถ่วงเวลาให้เอง !
และแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นขั้นเทพดารา ทว่าฉู่เหินก็ไม่กลัวแต่อย่างใด ด้วยถึงตัวเองจะสู้ไม่ได้ แต่หากต้องการหนีนั้นย่อมไม่มีปัญหา ! ซึ่งถ้าหนีไม่ได้ขึ้นมาจริง ๆ เขาก็ยังมีอัคคีสงสารวัฏอยู่ !
เพราะฉู่เหินยังมีไพ่ตายอยู่แบบนี้เขาเลยไม่กลัว และต่อให้อีกฝ่ายไม่ยอมช่วย แต่ถ้าเขาใช้พลังที่มีทั้งหมดของตัวเอง อย่างน้อยก็น่าจะหนีไปได้ไม่ยาก !!
การกระทำของชายหนุ่มทำให้จิตของหลิวซินยี่เต้นระรั่ว ด้วยตลอดหลายปีมานี้เธอต้องคอยปกป้องตัวเองมาโดยตลอด จนทำให้ไม่คุ้นเคยกับการที่มีผู้ชายยืนปกป้องด้านหน้าตัวเองแบบนี้ !
เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย สายตาที่เธอใช้มองฉู่เหินก็พลันเปลี่ยนไป ทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นรั่ว ทำตัวไม่ถูก ! ก่อนที่ต่อมาเขาจะรีบบังคับให้หัวใจสงบลงในพลัน ด้วยเขาไม่อยากจะมีความรู้สึกดี ๆ กับใครอีกแล้ว
“มัวแต่แอบย่องตามมาอยู่นั่นแหละ ออกมาได้แล้วมั้ง ?” ว่าแล้วฉู่เหินก็หยุดฝีเท้า ยืนอย่างมั่นคง ก่อนจะใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธมองออกไป !
“หากไม่ตามพวกแกมาฉันก็คงไม่รู้ ว่าพวกแกมันเป็นพวกทรยศ ! ดูเหมือนพวกแกกำลังจะไปกลุ่มเต่าดำสินะ ถ้าฉันเดาไม่ผิดพวกแกเป็นคนที่กลุ่มเต่าดำส่งมาสร้างความวุ่นวายล่ะสิ ฮ่า ๆๆ! ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสพวกแกหนึ่งครั้ง บอกฉันมาว่าคนในรูปนี้อยู่ที่ไหน แล้วฉันจะปล่อยพวกแกไป !”
ท่ามกลางความว่างเปล่า จู่ ๆ ก็ปรากฏร่างของชายคนที่ยืนขวางทางก่อนหน้านี้ขึ้น ซึ่งใบหน้าของเขาก็เผยให้เห็นถึงความดูถูกอยากชัดเจน ! ด้วยคิดว่าพวกคนตรงหน้านั้นก็แค่ขั้นเทพดาราที่ถูกสกัดพลังคนหนึ่ง กับผู้ชายที่เป็นขั้นจอมปราชญ์ดาราขั้นต้น แล้วก็ผู้หญิงขั้นจอมปราชญ์ระดับสูงคนหนึ่งเท่านั้น ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องใส่ใจเลย !
“พวกเธอไปก่อน ไว้กลับไปค่อยว่ากัน” เมื่อพูดจบฉู่เหินก็ยืนขวางทางเอาไว้ระหว่างทั้งสองฝั่ง ก่อนที่ต่อมาจะเร่งการโคจรพลังขึ้น พร้อมกับคิดไปว่าจะสู้แลกชีวิตกันไปข้าง ด้วยไม่แน่ใจว่าถ้าใช้พลังวรยุทธ์ทั้งหมดที่นี่จะสามารถจัดการอีกฝ่ายได้หรือไม่ !
อย่างไรก็ตามทันทีที่พลังวรยุทธ์ของเขาถูกปล่อยออกมาทั้งหมด ฉู่เหินก็สัมผัสได้ว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ! ซึ่งไอ้พลังปราณที่ว่ามันก็ไม่ได้มาจากจุดตันเถียน หากแต่มาจากภายในรูปปั้นทองเหลืองนั่น !
เพียงชั่วพริบตาพลังของฉู่เหินก็เพิ่มขึ้นมาเป็นขั้นเซียน ! และเมื่อเพิ่มถึงขั้นเซียนแล้วมันก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น พลังกลับเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ! จนสุดท้ายก็ทะลวงถึงขั้นเซียนระดับสูงสุดถึงค่อยหยุดลง !
และแม้ว่าตอนนี้พลังเขาจะเทียบอีกฝ่ายไม่ได้ ทว่าเขาก็มีศักยภาพพอตัว ! ซึ่งเมื่อบวกกับวิชาต่าง ๆ ที่มี ชายหนุ่มก็พอจะคาดเดาบทสรุปตอนสุดท้ายได้แล้ว !
เดิมหลิวซินยี่และฮวามู่ตันรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นฉากนี้พวกเธอก็วางใจลงได้ ไม่หยุดยืนอยู่กับที่นี่อีกต่อไป พากันหมุนกายจากไปในทันที
สาเหตุที่พวกเธอจากไปก็เพราะพวกเธอนั้นรู้ดี ว่าหากอยู่ที่นี่ต่อก็คงมีแต่จะเป็นตัวถ่วง ไม่สามารถช่วยฉู่เหินได้สักอย่างเดียว ดังนั้นการที่พวกเธอไป มันก็จะทำให้ฉู่เหินมีใจจดจ่ออยู่กับการต่อสู้มากขึ้น ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องอื่น ๆ อีก ! และที่สำคัญที่สุดก็คือพลังวรยุทธ์ของฉู่เหิน ที่ตอนนี้หากต้องการจะหนีละก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย !
ซึ่งถ้าพวกเธอโชคดีพอ บางทีขากลับไปยังกลุ่มหงส์เพลิงก็อาจจะเจอเจ้างูอนาคอนด้าที่ภูเขานั่นแล้วขอให้เขากลับมาช่วยฉู่เหินได้ ! และถึงแม้พวกเธอจะไม่เคยเห็นเจ้างูเต็ม ๆ ตา แต่ถ้าได้เห็นอีกครั้งละก็ ฮวามู่ตันก็น่าจะมองออกได้ในทันที !
เมื่อเห็นผู้หญิงสองคนจากไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้ไล่ตามไป ด้วยเขารู้ว่าขอเพียงตนจับชายที่อยู่ตรงหน้าได้ ผู้หญิง 2 คนที่เหลือก็หนีไปไหนไม่รอดแล้ว ! แต่ว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรต่อ อีกฝ่ายก็พลันมีพลังวรยุทธ์เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน จนทำให้เขาต้องมองอีกฝ่ายใหม่อีกครั้ง !
ทางด้านฉู่เหิน เมื่อเขาเห็นแผ่นหลังของน้าฮวาหายจากไปแล้วก็ถอนหายใจออกมา ! ก่อนจะจ้องมองไปที่ชายตรงหน้าแล้วยื่นมือออกไปเพื่อเรียกกระบี่ดำให้ปรากฏขึ้นในมือ !
ในทันทีที่กระบี่สีดำเล่มนี้ปรากฏ ใบหน้าของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปทันที ด้วยกระบี่นี่ดูคล้ายกับกระบี่ที่เขาเคยเห็นในถ้ำนั่นไม่มีผิด ! แต่ถ้าหากจะบอกถึงความแตกต่างละก็ มันก็คงเป็นตรงที่กระบี่เล่มนี้ดูแล้วเหมือนกระบี่ธรรมดา ๆ ส่วนที่อยู่ในถ้ำนั้นมักจะแผ่แสงสีดำออกมา !
มาตอนนี้เขาก็เริ่มจะลังเลขึ้นมาบ้างแล้ว ด้วยไม่รู้ว่ากระบี่เล่มนี้กับกระบี่เล่มนั้นมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ขอจัดการผู้ชายคนนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน !
เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็เห็นเขาโบกเพียงครั้งหนึ่ง ก่อนลำแสงขนาดใหญ่จะถูกปล่อยออกมา ซึ่งลำแสงที่ว่าก็ไม่ได้เข้าโจมตีในทันที ทว่ามันกลับเอาแต่ลอยอยู่เหนือศีรษะ !
ถ้ามองขึ้นไป ก็จะเห็นตัวลำแสงที่ลอยเหนือศีรษะของชายคนนั้นกำลังส่องแสงเป็นประกาย และถ้ามองผ่าน ๆ มันก็จะดูเหมือนกับมีเทพเซียนลงมาจากสวรรค์อย่างงั้นแหละ !
เมื่อเห็นสำแสงนั่น ฉู่เหินก็ดูออกทันทีว่าที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมานั้นเป็นพลังเทพสวรรค์อย่างหนึ่ง ซึ่งก็ต้องเข้าใจว่าหลังจากที่พลังวรยุทธ์เลือนมาถึงขั้นนี้แล้ว วิชาธรรมดาจะไม่สามารถใช้ได้อีกด้วยพลังของมันต่ำเกินไป จะมีก็แต่ต้องใช้พลังเทพสวรรค์ในการโจมตีเท่านั้นถึงจะได้ผล !
และไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ขอแค่คนคนนั้นอยู่ในขั้นเทพดารา พวกเขาก็จะได้รับพลังเทพสวรรค์หนึ่งอย่าง ซึ่งพลังเทพสวรรค์ที่ว่าก็จะติดตัวผู้ใช้ไปจนตาย !
โดยพลังเทพสวรรค์ที่ว่านั้น มันก็มีทั้งแบบกาก ๆ ไปจนถึงแบบรุนแรงขั้นสุด ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับดวงของแต่ละคนว่าจะได้อะไรไป !
สำหรับตัวฉู่เหินนั้น เขาเองก็รู้ดีว่าการได้พลังเทพสวรรค์มันต้องอาศัยโชคลาภ ! ซึ่งถ้าตัวคุณไม่มีโชคมากพอ งั้นแล้วต่อให้เรียนไปหนักแค่ไหนก็อย่าหวังเลยว่าจะสามารถเรียนรู้พลังเทพสวรรค์ได้ !
มาตอนนี้ ฉู่เหินก็ได้แต่มองอีกฝ่ายปล่อยพลังเทพสวรรค์ออกมาด้วยหัวใจเต้นรั่ว ก่อนที่เขาจะเห็นพลังนั่นโจมตีเข้ามา ! ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ และขยับข้อมือเบา ๆ ก็เท่านั้น
ชั่วพริบตานั้นมันก็เกิดเสียงสายฟ้าดังขึ้นผ่านอากาศ ! ทำให้อากาศที่ว่างเปล่ารอบข้างปรากฏรอยแตกร้าวขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยแสงสว่างสีขาวที่พุ่งโจมตีมายังตัวเขาอย่างรวดเร็ว ! และแม้ว่าการโจมตีนี้จะห่างไกลจากเขามาก ทว่าฉู่เหินก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่บริเวณผิวหนังแล้ว !
ทุกที่ที่ลำแสงนี้ผ่านไป ก็จะเกิดเป็นรอยแตกร้าว เพียงเท่านี้ก็บ่งบอกได้ถึงความรุนแรงของลำแสงแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้ฉู่เหินหัวใจสั่นระรั่วไม่หยุด ! เพราะถึงแม้จะมีพลังเทพสวรรค์เหมือนกัน ทว่าเขากลับสัมผัสได้ว่าพลังตรงหน้านั้นเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าตัวเองหลายขุม !
…แน่นอนว่ามันอาจเป็นเพราะตนนั้นมีพลังวรยุทธ์ต่ำเกินไป จนทำให้ไม่อาจเทียบกับพลังเทพสวรรค์ตรงหน้านี้ก็เป็นได้ !
ทุกอย่างเหมือนจะดูเชื่องช้า หากแต่ความเร็วนั้นกลับใช้เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ก่อนที่เจ้าลำแสงนั่นจะเข้ามาใกล้ฉู่เหินแล้ว ! ทำให้เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความน่ากลัวของมัน ด้วยไม่ว่าจะขยับไปไหน มันก็เหมือนกับว่าลำแสงนั่นจะสามารถขยับตามมาได้ตลอดราวกับล็อคเป้าไว้ !!!!!
ดูเหมือนว่าถ้าเขาไม่ตายมันเสียตรงนี้ อีกฝ่ายก็คงจะไม่คิดยอมรามือ !