สุดยอดชาวประมง - บทที่ 597 ความเป็นมาของเลือดเซียน
บทที่ 597 ความเป็นมาของเลือดเซียน
บทที่ 597 ความเป็นมาของเลือดเซียน
แท้ที่จริงแล้ว เลือดกิเลน หรือที่เรียกกันว่าเลือดเซียนนั้น มีที่มาที่ยาวนานยิ่งนัก ตั้งแต่หลายแสนปีก่อนที่โลกจะถือกำเนิดเสียอีก…
ณ ยุคสมัยเก่าแก่ก่อนกำเนิดโลก ช่วงเวลาที่ผานกู่ยังไม่ได้แยกฟ้าดิน เมื่อครั้งนั้นเคยมีผืนดินกว้างใหญ่กว่าปัจจุบันมากหลายเท่านัก ทว่าถึงจะมากไปด้วยขุนเขาและสายน้ำ หากแต่มันกลับไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือจิตวิญญาณใด ๆ เลย !
จนกระทั่งหนีวารู้สึกเศร้าใจที่เห็นผืนดินเงียบเหงาเหมือนตายซาก จึงได้ทำการปั้นมนุษย์ขึ้นมาทีละคนทีละคน ซึ่งตอนที่นางปั้นมนุษย์ขึ้นมานั้นเอง นางก็ได้ใส่สิ่งที่เรียกว่าพรแห่งราชันย์ลงไปด้วย
และพรแห่งราชันย์ที่ว่า แท้จริงแล้วก็คือเลือดของหนีวาเองนั่นแหละ ที่ผสมรวมเข้ากับเลือดของผานกู่ จนทำให้เกิดสายเลือดสัตว์วิเศษทั้ง 4 ชนิดขึ้น ที่คนรุ่นหลังรู้จักสายเลือดดังกล่าวในชื่อ เลือดเซียน !
ทว่าด้วยกาลเวลาที่ยาวนาน และมหาสงครามที่เกิดขึ้นในยุคนั้น มันก็ทำให้ผู้สืบทอดเลือดเซียนล้มหายตายจากไปนับถ้วน จนตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ! ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ ก็ใช่ว่าจะครอบครองสายเลือดบริสุทธิ์เต็มร้อย อย่างเช่นฉู่เหินเอง ที่ก่อนหน้านี้มีเลือดเซียนเพียงไม่กี่หยดเท่านั้น !
…และก็เพราะการต่อสู้ที่รุนแรงในครั้งนั้นนี่เอง ที่ทำให้แผ่นดินแตกกระจัดกระจายไปทั่วจักรวาลอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ !
ตอนนี้เลือดเซียนของฉู่เหินได้ตื่นขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งถ้าในอนาคตได้ครบร้อยส่วน ก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าชายหนุ่มจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน !
เลือดเซียนทุก ๆ ชนิดนั้นมาพร้อมกับความสามารถพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ว่าถ้าคิดจะใช้ งั้นก็ต้องรอให้เลือดเซียนถูกปลุกขึ้นมาเสียก่อน !
ตั้งแต่ที่ฉู่เหินเข้าไปในบึงมังกรโลหิตก็ 7 วันเข้าไปแล้ว ! ทำให้ด้านนอกที่ยืนรออยู่มีสีหน้าตื่นตระหนก เพราะว่าก่อนหน้านี้คนที่เคยเข้าไปไม่กี่ชั่วลมหายใจก็เกิดระเบิดร่างเละเป็นจุลแล้ว แต่ฉู่เหินเข้าไปนานขนาดนี้กลับไม่เกิดสิ่งใดขึ้นเลย
ไม่เพียงแต่พวกเขาที่ประหลาดใจ ผู้อาวุโสที่ซ่อนตัวอยู่ก็ประหลาดใจจนพูดไม่ออกแล้วในตอนนี้ ด้วยคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ตัวระเบิดทั้ง ๆ ที่เข้าไปนานขนาดนั้น !!!
อันที่จริงแล้ว มีผู้อาวุโสที่อยู่บริเวณด้วยกันทั้งหมด 3 คน ซึ่งทั้ง 3 คนนี้ก็มีพลังวรยุทธ์ที่สูงส่งมาก ๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากที่สุด ที่ทรงพลังถึงขนาดที่ว่าเวลาก้าวเดินอากาศรอบ ๆ ไม่สั่นไหวสักนิด !
อย่างไรก็ตาม มาตอนนี้แม้ริมฝีปากของเขาจะยกยิ้ม ทว่านัยน์กลับฉายแววโลภออกมาแล้ว ! ด้วยเขามีชีวิตมาอายุปูนนี้ คนที่รู้จักก็ล้มหายตายจากไม่หมดสิ้น บางทีอีกไม่นานอายุขัยของเขาก็คงจะใกล้มาถึงแล้ว เช่นเดียวกับความต้องการที่จะเลือกขั้นที่ดูจะเป็นอะไรที่ยากฝันถึง และก็เพราะแบบนี้ เขาถึงได้เก็บบึงมังกรโลหิตเอาไว้กับตัวเอง !
ต้องเข้าใจว่าบึงมังกรโลหิตนั้นลึกลับมาก และถ้าเขาสามารถครอบครองพลังของมันได้ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยบำรุงร่างกายตัวเอง ทำให้มีพลังเพิ่มขึ้น จนสามารถเลื่อนพลังวรยุทธ์ของตัวเองไปอีกขั้น พร้อม ๆ กับที่อายุขัยยืดยาวออกไปอีกพันเท่า !
แต่หลายปีมานี้ เขาก็ได้แต่ค้นหาวิธี ทว่าก็ไม่สามารถดูดพลังของบึงโลหิตมาได้เลย อย่างไรก็ตาม มาตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้ากลับทำได้แล้ว ! ทว่าด้วยตลอดระยะเวลา 7 วันมานี้ ตัวบึงโลหิตได้สร้างหมอกขึ้นมากำบังเอาไว้ จึงทำให้เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายใช้วิธีไหนกัน !
เมื่อเป็นแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้เขาสงสัย ว่าทำไมชายผู้นี้ถึงได้ดวงดีนัก ! ก่อนจะคิดอ่านวางแผน ว่าจะรอให้ผู้อาวุโสอีกสองเดินจากไปก่อน แล้วตัวเขาก็จะจับชายหนุ่มผู้นั้นมาไต่สวนว่าอะไรคือความลับของบึงโลหิตนี้กันแน่ !
อันที่จริง ตัวเขานั้นเคยชักชวนตาแก่ข้าง ๆ ทั้งสองให้เอาด้วยแล้ว แต่พวกเขากลับปฏิเสธ และบอกว่าควรรับเลี้ยงดูชายคนนี้ไว้ เพราะถ้าคนคนนี้สามารถรับพลังจากบึงมังกรโลหิตได้จริง ๆ งั้นแล้วอีกฝ่ายก็ถือว่ามีพรรสวรรค์อย่างแท้จริง ! ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่เป็นใจเช่นนี้ เขาก็ไม่กล้ากระทำการณ์อะไรใหญ่โต แต่ในใจก็รู้สึกว่าตาแก่สองคนนี้ขัดหูขัดตาชะมัด! ในเมื่อมีโอกาสแล้ว ก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ซิ ทำไมถึงได้ซื่อบื้อแบบนี้กันนะ !
“ตอนนี้กลุ่มเสือขาวและกลุ่มเต่าดำกำลังก่อสงครามกัน พวกเราหงส์เพลิงก็ควรจะมีส่วนร่วมในครั้งนี้ด้วย แต่ฉันกลัวว่าผู้อาวุโสของกลุ่มเสือขาวจะออกมาขัดขวาง ! ดังนั้นครั้งนี้ต้องรบกวนน้องชายทั้งสองออกทัพไปพร้อมกัน เอาไว้ถ้าอีกฝ่ายไม่ออกมาก็ช่างเถอะ ! แต่ถ้าพวกมันออกมา พวกนายสองคนก็จะได้ช่วยกันรับมือ !”
“ครั้งก่อนพวกเราเปิดช่องว่างให้พวกมันรอดไปได้ ซึ่งถ้าครั้งนั้นพวกเราเข้าร่วมกองทัพไปด้วยล่ะก็ กลุ่มเสือขาวคงย่อยยับไปแล้ว ! และเมื่อล้มกลุ่มใหญ่สักกลุ่มได้ งั้นพวกเราก็จะรวยเละ !”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ชายชราคนนั้นก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นอีกว่า “ในพวกเรา 3 คน ฉันคือคนที่อายุเยอะที่สุด จึงมีร่างกายที่อ่อนแอ ขยับนู่นนี่ก็ปวดเมื่อยไปหมด เลยขออยู่เฝ้าที่นี่ดีกว่า ส่วนหน้าที่บุกโจมตี ก็ขอยกให้พวกนายสองคนแล้วกัน !” คำที่เอ่ยออกมา ไม่มีเลยสักคำที่จะเปิดโปงความคิดที่แท้จริงของตนเอง !
อีกสองคนมองหน้ากัน พร้อมกับคิดว่าคำพูดของอีกฝ่ายดูจะมีเหตุผล ! เพราะต้องเข้าใจว่าถ้าครั้งก่อนผู้อาวุโสของกลุ่มเสือขาวไม่สอดมือเข้ามา ก็เกรงว่าพวกมันคงล่มสลายไปแล้ว ! และเมื่อคิดถึงตรงนี้ พวกเขาก็เริ่มรู้สึกไม่ยินยอม จากนั้นก็มองหน้ากันอีกครั้งและพยักหน้าตกลง
เมื่อเห็นทั้งสองตกลง ดวงตาเขาก็เปล่งประกาย ! จากนั้นก็เรียกแม่ทัพ บอกให้อีกฝ่ายให้เตรียมพลทหารและม้าทันที ! เพราะจะชักช้าไม่ได้ พวกนั้นกำลังวุ่นวาย ควรใช้จังหวะนี้เข้าจัดการ !!!
เมื่อได้ยินความคิดเห็นของผู้อาวุโส แม่ทัพก็ตาสว่าง รีบจัดทัพโจมตีกลุ่มเสือขาวทันที ! ด้านผู้อาวุโสอีกสองคนเอง พวกเขาก็พากันเคลื่อนกายหายไปไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ! ซึ่งในระหว่างที่พวกเขาจากไปจากตรงนี้ ทั้งสองก็แอบใช้วิธีลึกลับสื่อสารระหว่างกัน
หลังจากทั้งสองสื่อสารกันพักหนึ่ง ก็พุ่งร่างจากไปไกลเห็นเพียงลำแสงเส้นหนึ่ง ทว่าลำแสงอีกเส้นกลับย้อนกลับมา อย่างไรก็ตามคนที่เห็นร่างของทั้งสองไม่ใช่ชายชราผู้นี้ !
ชายชราผู้นี้คาดไม่ถึงเลยว่าทั้งสองที่เป็นคนเด็ดเดี่ยว จะมีความคิดเป็นของตัวเองเหมือนกัน
ฉู่เหินไม่รู้เลยว่าตอนนี้ด้านนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น และถ้าเกิดเขาออกไปตอนนี้ ก็เกรงว่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี ! โดยเฉพาะเมื่อแม่ทัพหงส์เพลิงออกไปข้างนอกแล้ว ทำให้ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้อีก
หลังจากดูดซึมพลังมาได้พักหนึ่ง ในที่สุดร่างกายของเขาก็ถึงขีดจำกัด พร้อมจะทะลวงขั้นจอมปราชญ์ระดับต้นได้ทุกเมื่อ ! ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่ได้เปลืองแรงอะไรเลย ด้วยเพราะได้โลหิตในบึงนี้ช่วยไว้ และเมื่อเขาทะลวงขั้นผ่าน ก็กลายเป็นว่ากายเนื้อเองก็พัฒนามาถึงขั้นจอมปราชญ์ระดับกลางสูงสุดแล้ว !
หลังจากฝึกฝนพลังมาอย่างต่อเนื่อง เขาก็ตัดสินใจออกจากญาณ ทว่าจู่ ๆ ชายหนุ่มก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ และนั่นก็คือหินก้อนนั้นที่นอนอยู่ในแหวนมิติของเขา ! ตอนแรกหัวหน้าหมู่บ้านบอกว่ารอให้ตัวเองมีเวลาว่างก่อน แล้วให้ตัวเองใช้เลือดตนทาลงไปใช่เหรอ ?
อันที่จริง นาน ๆ ที่ตอนเขานึกขึ้นได้ ชายหนุ่มก็มักจะใช้เลือดทาไปที่ก้อนหินอยู่เสมอ และในเมื่อครั้งนี้นึกขึ้นมาได้อีก งั้นแล้วเขาก็เอาก้อนหินนั่นออกมาทาเสียเดี๋ยวนี้เลยดีไหมนะ ?