สุดยอดชาวประมง - บทที่ 61 เข้าพบอย่างเป็นทางการ
บทที่ 61 เข้าพบอย่างเป็นทางการ[รีไรท์]
ตอนเย็นหลังจากคนขับรถจางส่งหวงม่านอิ่งกลับไปแล้ว ฉู่เหินก็ได้กำชับให้เขาแวะไปรับพี่สะใภ้ที่โรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า พร้อมกับบอกหมายเลขโทรศัพท์ของคนขับรถจางกับพี่สะใภ้และหวงม่านอิ่ง ต่อจากนี้ไปคนขับรถจางก็ถือว่าเป็นคนขับรถของหวงม่านอิ่งและพี่สะใภ้ของเขาเช่นกัน
เรื่องนี้ไม่มีทางเลือกมากนัก เนื่องจากฉู่เหินไม่วางใจให้หวงม่านอิ่งนั่งรถประจำทางไปกลับระหว่างหมู่บ้านชนบทกับในเมืองด้วยตัวเอง แต่ถ้ามีคนขับรถจางคอยดูแล อย่างน้อยนั่นก็ช่วยก็รับประกันด้านความปลอดภัยได้ ฉู่เหินถึงกับเสนอเงินเดือนให้แก่คนขับรถจางอีกด้วย เดิมทีคนขับรถจางตั้งท่าปฏิเสธที่จะรับมัน แต่เมื่อเห็นน้ำใจของฉู่เหินแล้วเขาจึงยอมรับมันไว้
แม้ว่าคนขับรถจางจะไม่เคยบอกอะไร แต่ฉู่เหินก็มองออกว่าฐานะของเขาไม่ดีนัก ตอนนี้ค่าจ้างคนขับรถในเมืองคือประมาณ 3,000 หยวนต่อเดือน อย่างไรก็ตามฉู่เหินให้คนขับรถจาง 20,000 หยวนและบอกเขาว่านี่เป็นเงินเดือนสำหรับครึ่งปี แม้จะบอกว่ามันเป็นเงินเดือนของครึ่งปี แต่ใจจริงแล้วฉู่เหินแค่ต้องการช่วยคนขับรถจางเท่านั้น
หลังจากได้เห็นเงิน 20,000 หยวน คนขับรถจางก็มีความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นในใจของเขา เดิมทีผู้อาวุโสจางเป็นคนส่งเขามา หรือกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนของผู้อาวุโสจาง เพียงแต่ว่าแต่ไหนแต่ไรเขาก็พึ่งพาตนเองมาโดยตลอด และไม่ชอบใช้ชื่อเสียงของผู้อื่น บวกกับความจริงที่ว่าเขามีคดีความมาก่อน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะหางานดี ๆ ทำ
แต่ผู้อาวุโสจางเห็นว่าเขาเป็นคนดี และที่บ้านก็มีรถยนต์ที่ไม่ได้ใช้ จึงส่งเขามาให้ฉู่เหิน! เมื่อตอนที่เขาจะเดินทางมาที่นี่ ผู้อาวุโสจางบอกเขาว่าจะทำอะไรให้ทำด้วยความจริงใจ บางทีนี่อาจเป็นโอกาสครั้งใหม่ของเขาก็เป็นได้ และตอนนี้มันดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องจริงขึ้นมาแล้ว!
แม้คนขับรถจางไม่ได้คาดหวังว่าการมาอยู่ที่นี่เพียงไม่กี่วันก็จะได้รับเงินเดือน แถมยังเป็นเงินเดือนสำหรับครึ่งปี แม้จะเป็นเงินไม่มาก แต่ที่สำคัญคือการได้อยู่กับเจ้านายที่ใจกว้างเช่นนี้
หลังจากส่งหวงม่านอิ่งกลับเข้าเมืองแล้ว วันรุ่งขึ้นคนขับรถจางก็รีบไปโรงพยาบาลแต่เช้าเพื่อรับพี่สะใภ้ของฉู่เหิน คราวที่แล้วตอนไปรับฉู่เหิน เขาก็พบกับพี่สะใภ้ของฉู่เหินทีนึงแล้ว ดังนั้นวันนี้ตอนเช้าเขาจึงแวะซื้ออาหารแล้วตรงไปที่ห้องพักผู้ป่วยของหวงเจี้ยนหมิงทันที หลังจากรอจนพยาบาลมาถึงแล้ว ซูวี่เหมยและคนขับรถจางก็รีบกลับไปที่หมู่บ้านชาวประมงไหก่าง
หากไม่ใช่เพราะร่างกายของหวงเจี้ยนหมิงยังไม่หายดี เขาคงจะติดตามคนทั้งสองกลับไปด้วยอย่างแน่นอน ก่อนที่ซูวี่เหมยจะออกมา หวงเจี้ยนหมิงก็ยังคอยกำชับไม่หยุด
วันนี้ฉู่เหินแต่งตัวดูดีมาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง แต่ชุดลำลองที่เขาสวมก็ดูดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหลังจากใส่รองเท้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่ มันก็ทำให้เขาดูภูมิฐานมากขึ้น
เมื่อได้ยินว่าฉู่เหินกำลังจะไปทำอะไร ไม่ว่ายังไงซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ก็บอกว่าจะไปด้วย แต่เมื่อฉู่เหินพูดออกมาประโยคหนึ่ง เธอก็ยอมอยู่ที่บ้านอย่างว่าง่าย “เธอจะไปกับฉันก็ย่อมได้ แต่หลังจากเสร็จงานแล้ว เธอต้องกลับบ้านเองนะ อย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก”
หลังจากฟังคำพูดของฉู่เหิน ใบหน้าของซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ก็ง้ำลงทันที จากนั้นเธอก็ยอมอยู่บ้านแต่โดยดี เมื่อเห็นท่าทีของเธอ ซูวี่เหมยก็รู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คิดอะไร
จากนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เธอคิดไม่ถึงว่าน้องชายของเธอจะมีวาสนาเรื่องผู้หญิงอย่างนี้ แต่ถ้าจะให้เธอเลือกหนึ่งในผู้หญิงเหล่านี้เป็นน้องสะใภ้เธอคงจะเลือก เสี่ยวชิง เนื่องจากเสี่ยวชิงเป็นคนอ่อนโยนและมีน้ำใจ เธอจึงน่าจะเป็นภรรยาและแม่ที่ดีคนหนึ่ง นี่ไม่ใช่ว่าซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ไม่ดี เพียงแต่ท่าทางแก่นแก้วของเธอทำให้ซูวี่เหมยไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่
ด้วยเหตุนี้ คนขับรถจางจึงขับรถพาฉู่เหิน เสี่ยวชิงและซูวี่เหมยมุ่งหน้าไปยังบ้านของเสี่ยวชิง ภายในรถเต็มไปด้วยของขวัญมากมายที่ฉู่เหินซื้อเตรียมไว้ให้ครอบครัวของเสี่ยวชิง มีทั้งของพ่อแม่ของเธอและเสี่ยวเฟิง แน่นอนว่ายังมีอาหารเสริมเพื่อสุขภาพอีกมากมาย! และที่สำคัญสิ่งพื้นฐานที่ขาดไม่ได้คือของขวัญ 4 อย่าง ยาสูบ เหล้า ของหวานและก็ชา
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เหินไปเยี่ยมบ้านของพ่อตาแม่ยาย ตามธรรมเนียมแล้ว ครั้งแรกที่ลูกเขยไปเยี่ยมบ้านพ่อตาแม่ยายจะต้องมีของขวัญทั้ง 4 อย่างโดยจัดเป็นเลขคู่ ได้แก่ บุหรี่ 2 แถว เหล้า 2 ขวด น้ำตาล 2 ถุงและชา 2 ถุง สำหรับของขวัญทั้ง 4 คู่นี้ ฉู่เหินตั้งใจเตรียมเป็นอย่างดี ลำพังแค่ของ 4 อย่างนี้ ฉู่เหินก็ใช้เงินไปเกือบ 1000 หยวนแล้ว
ครอบครัวหลิวเองตอนนี้ก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวาเช่นกัน เมื่อคืนวานเสี่ยวชิงได้โทรศัพท์ถึงครอบครัวของเธอบอกให้พ่อแม่ได้รับทราบว่าฉู่เหินและพี่สะใภ้จะไปพบ พ่อแม่ของเธอเองก็มีความสุขมากเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาล้วนเคยได้ยินชื่อเสียงที่ดีของหวงเจี้ยนหมิงและซูหวี่เหมยในหมู่บ้านละแวกนี้มาก่อน
วันนี้ไม่เพียงแต่ครอบครัวหลิว แม้แต่ญาติสนิทและเพื่อน ๆ ของพวกเขาก็มาด้วย แม่สื่อเองก็มาถึงเป็นคนแรก ทุกคนต่างมาช่วยงานกันคนละไม้คนละมือ อีกทั้งยังต้องการร่วมแสดงความยินดีอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่คิดเช่นนั้น ป้าของเสี่ยวชิง ‘ต่งกุ้ยเซียง’ เป็นหนึ่งในข้อยกเว้น ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นแค่มองสีหน้าแววตาของเธอก็มองไม่เห็นถึงลักษณะของคนที่มาแสดงความยินดี
“กุ้ยเจิน เธอต้องคิดให้ดี ๆ นะ ไอ้หนุ่มที่ชื่อฉู่เหินนั่นถึงแม้ว่าจะเป็นคนดี แต่ครอบครัวของเขาก็ยากจน นอกจากนี้พี่ชายของเขาก็ยังป่วยอยู่อีก อีกหน่อยก็ต้องเป็นเหมือนหลุมไม่มีก้น ถ้าปล่อยให้เสี่ยวชิงแต่งงานไปด้วย ไม่เท่ากับว่าผลักเด็กคนนั้นให้ตกไปอยู่ในกองไฟหรอกเหรอ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของต่งกุ้ยเซียงผู้เป็นพี่สาว คิ้วของต่งกุ้ยเจินก็ขมวดด้วยความไม่พอใจ ตลกน่า! ฐานะมั่นคงอย่างครอบครัวหลิวของเธอ แค่ลูกเขยคนเดียวทำไมจะเลี้ยงไม่ได้? ตราบใดที่เด็กทั้งสองต่างสมัครใจ พวกเขาก็จะไม่หวงห้าม ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขามั่นใจในตัวของฉู่เหินมาก แน่นอนว่าลูกสาวของพวกเขาแต่งกับฉู่เหินแล้วจะไม่มีวันที่จะได้รับความลำบากแน่นอน
“พี่สาว พี่ลองไปดูสิว่าน้ำที่กำลังต้มอยู่เดือดแล้วหรือยัง? ใช่แล้ว! ถ้าพี่ไม่ชอบความวุ่นวาย พี่ไปนั่งรอที่บ้านของอาสามก่อน เดี๋ยวถึงเวลากินข้าวเมื่อไหร่ฉันจะโทรเรียกเอง” ต่งกุ้ยเจินรู้ดีว่าพี่สาวของเธอไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน ตั้งแต่ย้ายไปอยู่ในเมืองเมื่อ 2 ปีก่อน ทุกครั้งที่กลับมาเยี่ยมก็มักจะพูดถึงแต่เรื่องเงินทอง
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม นี่ก็เป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเธอ คงได้แต่ปล่อยให้คำพูดผ่านเข้าหูและทะลุออกไป เพียงแต่แม่สื่อกำลังจะมาแล้ว และเธอไม่ต้องการให้พี่สาวของเธอทำลายบรรยากาศดี ๆ ตอนนี้ไป
เมื่อต่งกุ้ยเซียงเห็นว่าน้องสาวของเธอไม่ฟังคำแนะนำ ก็หันหลังเดินจากไปทันที แต่ในใจของเธอแอบบ่นพึมพำไม่ได้ว่า “ไม่รู้ว่าไอ้เด็กผีฉู่เหินนั่นมีอะไรดี มันเป็นแค่ชาวประมงธรรมดา ฉันอุตส่าห์จะช่วยแนะนำลูกชายของผู้พิพากษาให้ มีตรงไหนที่สู้ชาวประมงไม่ได้กัน?”
จากนั้นเธอก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก จากนั้นในเวลาสั้น ๆ ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มและเดินกลับไปที่ครอบครัวหลิวอีกครั้ง
“พี่มีอะไรอีก?” ต่งกุ้ยเจินมองดูพี่สาวอย่างปวดหัว ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี
“ฉันก็มารอรับลูกเขยคนใหม่ของเธอไง!” หลังจากพูดอย่างนั้นออกไป เธอก็พูดอีกประโยคในใจว่า “แน่นอนว่ามารอรับลูกเขยคนใหม่ แต่ไม่ใช่ฉู่เหินที่แกเลือก อีกเดี๋ยวถ้าท่านผู้พิพากษามณฑลมาด้วยตัวเอง ดูสิว่าสีหน้าของพวกแกแต่ละคนจะเป็นยังไง!”
เดิมทีฉู่เหินนัดกับครอบครัวหลิวไว้ 10 โมง แต่ที่บ้านของพวกเขาไม่ได้มีธุระอะไร เป็นผลให้ 9 โมงกว่าก็ไปถึงแล้ว ทุกคนนั่งอยู่ในรถ Audi A6 ที่ขับไปถึงหมู่บ้านต้าหวังอย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกเขาเข้าไปในหมู่บ้านต้าหวัง แวบแรกพวกเขามองเห็นผู้คนมากมายยืนอยู่หน้าบ้าน ต่งกุ้ยเซียงมองดูพวกฉู่เหินนั่งรถ Audi A6 มาก็คิดว่าฉู่เหินน่าจะจ้างรถ Audi A6 มาเพื่อจัดฉาก เธอคิดในใจดูว่า “คอยดูว่าฉันจะแฉพวกแกยังไง”
“ลุงหลิว ป้าหลิว ขอโทษที่ให้รอนะครับ” หลังจากที่ลงรถแล้ว ซูวี่เหมยก็ทักทายพ่อแม่ของเสี่ยวชิงอย่างอบอุ่น อันที่จริงการเข้าพบคราวนี้เป็นเพียงการกินอาหารร่วมกันทั้งสองฝ่ายเท่านั้น เนื่องจากเด็กสองคนตกลงคบกันแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงการทำตามธรรมเนียม เพื่อว่าในอนาคตเมื่อเด็กทั้งสองคนไปมาหาสู่กันจะได้ไม่มีใครนินทา
“วี่เหมยมาแล้ว รีบเข้ามาในบ้านเถอะ” ฉู่เหินรอให้ทุกคนลงจากรถแล้ว เขาก็เริ่มยกของในรถออกมา กล่องทั้งเล็กและใหญ่จำนวนหลาย 10 กล่อง
Next