สุดยอดชาวประมง - บทที่ 614 สวัสดิการของยักษ์สามตา
บทที่ 614 สวัสดิการของยักษ์สามตา
บทที่ 614 สวัสดิการของยักษ์สามตา
เมื่อฉู่เหินเปิดนัยน์ตาเซียนขึ้น เขาก็พลันหันมองไปยังระฆังวิญญาณ ! ซึ่งเดิมทีระฆังวิญญาณก็ทำการต่อต้านไม่หยุดอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาเซียนของตาที่สามนั่น มันก็พลันหยุดชะงักไปในทันที
และก็เป็นตอนนี้เองที่นัยน์ตาเซียนของฉู่เหินยิงทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณของระฆัง! ทำให้วิญญาณของระฆังที่ต่อสู้ดิ้นรนเป็นต้องหยุดลงอย่างฉับพลัน ! อีกทั้งยังส่งข้อความหนึ่งมายังฉู่เหินด้วย !
เมื่อฉู่เหินมองอย่างละเอียด เขาก็พบว่าวิญญาณในนั้นถามตนว่าเขาเป็นใคร ! ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมึนงงเล็กน้อย เพราะต้องเข้าใจว่าก่อนหน้านี้ไม่ว่าเขาจะสื่อสารกับอีกฝ่ายอย่างไร เจ้าระฆังก็ไม่เคยสนใจเขาเลย เหตุใดตอนนี้จู่ ๆ ถึงเปลี่ยนท่าทีอย่างฉับพลันแบบนี้ได้กัน !
เมื่อคิดดี ๆ ฉู่เหินก็พบว่าหลังจากเขาเปลี่ยนร่างเป็นยักษ์สามตา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปด้วยทั้งหมด เช่นนี้ดูเหมือนว่าต้นกำเนิดของยักษ์สามจะมีบางอย่างที่ระฆังวิญญาณนี้คุ้นเคยเป็นแน่ ! และเมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉู่เหินเริ่มก็รู้สึกดีใจยิ่ง เพราะดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเป็นไปได้สวยทีเดียว !
“ฉันเป็นผู้สืบทอดของยักษ์สามตา ส่วนนายก็คือระฆังวิญญาณสินะ ! อยู่ที่นี่คนเดียวไม่ลำบากแย่เหรอ มากับฉันสิ แล้วฉันจะคุ้มครองนายเอง !” เมื่อพูดจบฉู่เหินก็แอบรู้สึกขำตัวเอง เพราะความสามารถของอีกฝ่ายจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องการ การคุ้มครอง ?
แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือเมื่อพูดประโยคนั้นจบ ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ว่าวิญญาณดวงนั้นสั่นไหวอย่างตื่นเต้น อีกทั้งความรู้สึกตื่นเต้นนั้นยังเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับคนที่ได้เจอครอบครัวที่พลัดพรากมานาน
แต่ว่ายังไม่ทันอะไร จู่ ๆ อีกฝ่ายก็นิ่งเงียบ ก่อนจะถามว่าฉู่เหินเจอกับยักษ์สามตาและเป็นผู้สืบทอดได้ยังไง !
เรื่องนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบัง ดังนั้นฉู่เหินจึงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟังอย่างไม่ลังเล ! อีกทั้งยังนำแฟรี่ออกมาตนหนึ่งเพื่อยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ! และหลังจากที่เห็นฉากนั้นทั้งหมด อีกฝ่ายก็เงียบไปไม่พูดอะไรออกมาอีก
ผ่านไปครู่ใหญ่ เจ้าระฆังก็เปิดปากพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับยักษ์สามตา ! ว่าแต่ก่อนยักษ์สามตานั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของเผ่ากู และในตอนที่เกิดสงครามโบราณกาลครั้งนั้น ยักษ์สามตาก็เป็นกลุ่มที่เก่งกาจที่สุดในเผ่ากูและมักทำการยืนอยู่ที่ด้านหน้าสุดของกองทัพเสมอ !
ซึ่งการฆ่าฟันในครั้งนั้นก็ทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมาก และแม้ว่าสุดท้ายแล้วเผ่ากูจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ก็มีคนล้มตายมากเช่นกัน เช่นนี้ทำให้ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้พัก ชนเผ่าอื่น ๆ ก็ถือโอกาสเข้ามาบุกรุกพวกเขา
หลังจากเสร็จสิ้นศึกครั้งนั้น ชนเผ่ากูก็แทบจะเรียกได้ว่าไม่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้แล้ว ! ด้วยคนส่วนมากในเผ่าตายไปในสงครามนี้ และมีเพียงคนส่วนน้อยที่สามารถหนีไปได้ ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะหนีไปได้ ทว่าคนพวกนั้นก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีนัก เพราะชนเผ่าต่าง ๆ มากมายต่างก็ไล่ล่าพวกเขาไม่หยุด ! ทำให้ชนเผ่ากูที่เหลือเพียงไม่กี่คนต้องหนีไปคนละทิศละทาง !
แต่ก็มีเพียงแค่พวกยักษ์สามตาที่ไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน !
ตอนนั้นผู้นำของยักษ์สามตา เพื่อให้พวกเขามีชีวิตรอดต่อไป จึงเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นอาวุธที่ทรงพลัง ซึ่งไม่ต้องถามก็รู้ได้ว่าผู้นำคนนั้นได้เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นระฆังวิญญาณนี่เอง !
เพียงแต่น่าเสียดายที่หลังจากกลายเป็นระฆังวิญญาณแล้ว ทว่าเขาก็ยังหายักษ์สามตาไม่พบ ! และด้วยความโกรธแค้น เขาจึงกักขังวิญญาณตนเองให้จำศีลไม่ตื่นขึ้นมาอีก ! แต่ก่อนที่เขาจะหลับไป เขาก็ได้ทิ้งความทรงจำบางอย่างไว้ ทำให้ถ้าไม่ใช่ยักษ์สามตาก็ไม่อาจใช้ระฆังวิญญาณนี้ได้อย่างเต็มที่ !
แท้จริงแล้ว เหตุที่ชายชราคนนั้นเสียชีวิตไม่ใช่เพราะระฆังวิญญาณอ่อนแอ แต่เป็นเพราะเขานั้นไม่อาจดึงความสามารถที่แท้จริงของมันออกมาได้ต่างหาก ! ชนิดที่ว่าถ้าเอาจริงขึ้นมา หญิงในชุดคลุมปักลายภูเขาเจียงซานก็คงไม่อาจสู้ได้เลย !!
แต่แม้ว่าระฆังวิญญาณจะแข็งแกร่งมาก ทว่ามันก็เป็นเพียงอาวุธชิ้นหนึ่ง เช่นนี้มันจึงจำใจก้มหัวให้ชายชราผู้นั้น ! แน่นอนว่าในสายตาของมันชายชราไม่ได้เป็นนายของมันอย่างแท้จริง ! เพราะผู้ที่จะเป็นนายของระฆังวิญญาณมีเพียงยักษ์สามตาเท่านั้น !
ในตอนแรกระฆังวิญญาณช่วยเหลือชายชราทำสงคราม ! แต่เมื่อชายชราได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่แท้จริง ระฆังวิญญาณก็เริ่มสะท้อนพลังกลับใส่ผู้ครอบครอง ! ทำให้ชายชราได้แต่ตายไปอย่างน่าอนาถ ! ก่อนที่จะฉวยเอาจังหวะนั้นลอยหายไปและหาไม่เจออีกเลย ! ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
หลังจากฉู่เหินรู้ถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง ในใจก็เกิดความรู้สึกต่าง ๆ นานา ! ด้วยถ้าเขารู้แบบนี้แต่แรกล่ะก็ เขาก็คงกลายร่างเป็นยักษ์สามตาไปตั้งแต่ข้ามมิติมาแล้ว คงไม่รอให้เสียหายมาถึงขนาดนี้หรอก !
ที่ระฆังวิญญาณยอมเล่าเรื่องนี้ให้ฉู่เหินฟัง แน่นอนว่าก็เพราะมันยอมรับให้ฉู่เหินเป็นนายของมัน ! ทำให้จากนั้นฉู่เหินก็พบว่าระฆังดวงเล็กที่อยู่ตรงหน้า จู่ ๆ ก็เปล่งแสงสีขาวสว่างขึ้นอย่าฉับพลัน ! จนเกิดแสงสว่างที่ก่อตัวบนท้องฟ้าและขยายอาณาเขตไปไกลสุดลูกหูลูกตา !
จากนั้นไม่นานแสงสีขาวก็ค่อยแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล ก่อนสุดท้ายจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง ! ซึ่งหลังจากที่เปลี่ยนเป็นที่ม่วง มันก็กลายเป็นลำแสงที่ยิงออกไปทุกทิศทุกทาง จากนั้นค่ายกลแปดเหลี่ยมก็พลันปรากฏขึ้น
ฉู่เหินถือว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลผู้หนึ่ง และก็เพราะความชื่นชอบนี้ ที่ทำให้เขาเคยอ่านตำราค่ายกลมามาก ทว่าค่ายกลที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนก็คือค่ายกลแปดเหลี่ยมที่อยู่ตรงหน้านี้นี่แหละ !
ค่ายกลนี้ให้ความรู้สึกถึงพลังที่ไร้ขีดจำกัด และทรงอำนาจ ทำให้เมื่ออยู่ต่อหน้ามัน เขาก็รู้สึกเหมือนยืนอยู่หน้าสิ่งที่เป็นพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลยังไงยังงั้น !
ฉากนี้สร้างความตกตะลึงให้ฉู่เหินเล็กน้อย ! ก่อนที่ต่อมาเขาจะตระหนักได้ว่าค่ายกลนี้เป็นประเภทพลังแห่งสรวงสวรรค์ ! และการจะสร้างค่ายกลให้ได้ถึงขั้นนี้ ก็ต้องมีความรู้ที่ลึกซึ้งและพรสวรรค์ที่ไม่ได้หากันง่าย ๆ!
แม้แต่พลังวรยุทธ์ระดับฉู่เหินก็ไม่อาจทำอะไรแบบนี้ได้ ! เพราะเรื่องเช่นนี้มันแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือพลังแต่กำเนิด และพลังที่มาจากการฝึกฝนภายหลัง โดยพลังที่มาจากการฝึกฝนภายหลังนั้นส่วนมากจะเป็นมนุษย์ที่เป็นคนสร้าง ส่วนพลังแต่กำเนิดจะมีต้นกำเนิดมาจากธรรมชาติ และระหว่างทั้งสองพลังนี้ มันก็ไม่ยากเลยที่จะแยกแยะว่าแบบไหนสูงหรือต่ำ
…บางครั้งพลังแห่งสรวงสวรรค์ก็จะแอบแฝงความอันตรายเอาไว้ บางครั้งพลังแห่งสรวงสวรรค์ก็จะทำมาซึ่งโชคอย่างที่คาดไม่ถึง ฉู่เหินหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตัวเองจะสามารถมองออกได้ว่ามันคือแบบไหน !
คิดไม่ถึงว่าเมื่อได้พบกับระฆังวิญญาณ เขาจะได้พบกับค่ายกลอีกหนึ่งอย่างด้วย ! ทำให้ฉู่เหินได้แต่มองค่ายกลตรงหน้าด้วยสายตาโง่งม ก่อนที่ทันใดนั้นชายหนุ่มจะสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่แผ่ออกมาจากภายใน !
พลังมหาศาลนั่นล้อมรอบร่างกายของฉู่เหินเอาไว้ทั้งหมด และเดิมจากที่กลายร่างเป็นยักษ์สามตาอยู่แล้ว เขาก็ตัวสูงขึ้นอีกหลายเท่า ! ทว่าด้วยข้อจำกัดของสายตา จึงทำให้ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าที่ด้านหลังของตัวเองตอนนี้นั้น มีร่างกายสูงใหญ่ลอยอยู่ด้านหลัง ! ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ใครอื่น ! ก็คือยักษ์สามตาที่ถ่ายทอดพลังให้แก่เขา หงกังเหลียน !
หงกังเหลียนปรากฏกายขึ้นในร่างโปร่งใส พร้อม ๆ กับหยดเลือดสีขาวบริสุทธิ์ และในขณะเดียวกันนั้น เหนือหัวของฉู่เหินก็มีหยดเลือดหยดหนึ่งลอยอยู่ด้านบน ที่เป็นหยดเลือดสีม่วง ! ว่าแล้วหยดเลือดที่น่าสงสัยสองหยดก็เริ่มหลอมรวมกัน ! ก่อนจะลอยเข้าไปในค่ายกลแปดเหลี่ยมตรงหน้าทันที
ทันใดนั้นฉู่เหินก็สัมผัสได้ว่าตัวเองและค่ายกลนั้นสามารถสื่อสารถึงกันได้อย่างน่าประหลาด ! ซึ่งในขณะที่ฉู่เหินมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา เขาก็พลันพบว่าค่ายกลแปดเหลี่ยมนี้ไม่ได้กลับไปที่ระฆังวิญญาณ แต่กลับเข้ามาในร่างของตัวเองแทน !