สุดยอดชาวประมง - บทที่ 71 ชายหนุ่มโอหังกลายเป็น
บทที่ 71 ชายหนุ่มโอหังกลายเป็น
พอมาคิดดูดี ๆ เหมือนว่าทั้งคู่คงต้องยอมรับความจริงแล้วละว่าร่างกายของพวกเขาหมดแรง และกว่าที่พวกเขาจะเลิกดิ้นรน เวลาก็ปาไป 4 ทุ่มแล้ว
ทั้งสองคนมองหน้ากัน พวกเขารู้สึกถึงความเป็นพี่น้อง ทั้งคู่นั่งมองรถราบนถนนอยู่บนเก้าอี้ แต่แล้วฉู่เหินก็เริ่มรู้สึกถึงอันตราย เขาเงยหน้าก่อนที่จะมองเห็นรถปอร์เช่พุ่งตรงเข้ามา
ฉู่เหินที่ตกใจตัวแข็ง เขาพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่เพื่อคว้าตัวเว่ยตงจื่อหลบออกมา ในจังหวะนั้นเองรถปอร์เช่ก็พุ่งชนเก้าอี้ที่พวกเขานั่งอยู่ในชั่วพริบตา
ถึงตอนนี้ฉู่เหินรู้สึกเครียดมากที่เจ้ากระต่ายนำพาความหายนะมาให้มากถึงเพียงนี้ มันเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนอาจทำให้เขาตายได้เลย!
“ผู้ถือครองฉู่เหิน เจ้าของกระต่ายหายนะ หลุดพ้นจากคำสาปแล้ว” ฉู่เหินได้ยินเสียงจากระบบดังขึ้น และนั่นก็เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
“ในที่สุดวันอันแสนเลวร้ายก็จบลง ถึงเวลาแห่งความสุขแล้ว” เขานึกในใจ ก่อนรีบกุลีกุจอประคองเว่ยตงจื่อให้ลุกขึ้น ก่อนที่ทั้งสองจะยืนเรียกแท็กซี่อยู่ริมถนน
“คนขับ หาร้านอาหารที่ยังเปิดอยู่ให้หน่อย ร้านไหนก็ได้ ขอแค่ร้านยังเปิดอยู่ก็พอ” หลังจากทั้งสองขึ้นรถ คนขับมองพวกเขา แล้วขับรถออกไปด้วยรอยยิ้ม
ฉู่เหินกับเพื่อนเจอร้านอาหารและได้ทานอาหารมื้อใหญ่ ตอนนี้พวกเขาเริ่มมีเรี่ยวแรงกลับมาแล้ว และเพราะมือถือของ ฉู่เหินระเบิดไป ดังนั้นพวกเขากลับมาที่ห้างสรรพสินค้าอีกครั้ง ฉู่เหินรู้ดีว่าที่มันระเบิดไม่ใช่เพราะคุณภาพไม่ดี หากแต่เป็นเพราะความซวยของเขาเอง
หลังซื้อมือถือรุ่นเดิมเสร็จเรียบร้อย เขาก็ต้องสมัครซิมใหม่ เมื่อเปิดโทรศัพท์ มันก็ดังขึ้นทันที
“พี่อยู่ที่ไหนน่ะ ฉันโทรหาทั้งวันก็โทรไม่ติด” เสี่ยวชิงโทรมาหาเขา ฉู่เหินได้ยินเสียปลายสายกำลังร้อนใจ เขารู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ยัยบ๊องไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้เป็นอะไร เจ้าเด็กคนนั้นไม่ได้มาวุ่นวายใช่ไหม! งั้นก็ดีแล้วพรุ่งนี้เช้าฉันจะกลับไปทันที” ฉู่เหินคุยกับเสียงปลายสายอีกเล็กน้อยก่อนวางสาย จากนั้นเขาก็แลกเบอร์กับเว่ยตงจื่อไว้ ที่นี่ไกลจากเขตที่โรงแรมของเขาตั้งอยู่มากทีเดียว ถ้าขับรถคงจะใช้เวลาหลายชั่วโมง ตอนแรกเขาตั้งใจจะนั่งแท็กซี่กลับ แต่เมื่อเว่ยตงจื่อทราบ เขาไม่ยอมให้ทำแบบนั้น
ด้วยเหตุนี้ชายวัยกลางคนจึงอาสาขับหวู่หลิงหงกวงรถคันใหม่ของเขาไปส่งฉู่เหินที่จุดหมาย เมื่อพวกเขานึกถึงวันที่ผ่านมา ทั้งคู่ก็อดเศร้าใจไม่ได้ โชคดีที่พวกเขาไม่เจอเรื่องเลวร้ายใด ๆ อีกเลยหลังจากนั้น เพราะถ้าขืนยังมีอีกละก็ ป่านี้ทั้งสองคนก็คงยังต้องคอยหวาดระแวงไม่หยุดไม่หย่อนอย่างแน่นอน
กว่าทั้งสองเดินทางมาถึงก็เป็นเวลาตี 4 แล้ว พวกเขาไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของคนอื่น ๆ จึงนอนกันต่อในรถ
เช้าวันต่อมา ฟ้ากระจ่างใสมากในวันนี้ ฉู่เหินที่กำลังหลับลึกต้องตื่นขึ้นเพราะเสียงเอะอะที่หน้าประตูโรงแรม เมื่อเขาลุกขึ้นมอง เขาก็ถึงกับรู้สึกหัวเสีย ชายหนุ่มคนนั้นตามหาที่พักของเสี่ยวชิงจนเจอ แล้วตอนนี้ก็เหมือนว่ากำลังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น
ฉู่เหินบอกให้เว่ยตงจื่อรออยู่ในรถ เขาเดินลงจากรถไปเพียงลำพัง ฉู่เหินจะไม่ทนกับคนอย่างมันอีกต่อไป
เมื่อฉู่เหินเดินเข้าไป เขาก็อุ้มกระต่ายหายนะไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพูดภาษาที่รู้กันแค่สองคนกับเจ้ากระต่ายหายนะ “เจ้ากระต่ายน้อย ดูไอ้หนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนั้นไว้ ถ้าให้ดีก็สาปมันเลย” เมื่อกระต่ายน้อยได้ยิน มันก็ลืมตาสีแดงก่ำขึ้นอย่างรวดเร็ว สายตาของเจ้ากระต่ายจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มผู้นั้นด้วยความอาฆาตแค้น
ต่อมาเหมือนว่าหนุ่มคนนั้นจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ขณะที่เขายังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉู่เหินก็เดินมาหาเขาเสียแล้ว
“ไสหัวไป ยิ่งไกลยิ่งดี ไม่งั้นระวังฉันฆ่าแกตายล่ะ”
ชายหนุ่มคนนี้มาที่โรงแรมเพราะได้ยินมาว่าฉู่เหินไม่อยู่ แต่เขาไม่นึกว่าฉู่เหินจะกลับมาอย่างกะทันหัน เรื่องนี้ทำให้เขากลัวจนตัวสั่น ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเขายังหวาดกลัวฉู่เหินจากเรื่องที่เกิดขึ้นคราวที่แล้วไม่หายเลย
ชายหนุ่มรีบวิ่งหนีไป เมื่อเห็นแบบนั้นฉู่เหินก็เลยตัดสินใจตะโกนขู่ไล่หลัง พร้อมกับปล่อยให้เจ้ากระต่ายจ้องมองชายหนุ่มคนนั้นต่อไป ฉู่เหินที่กำลังมองชายหนุ่มผู้กำลังวิ่งหนีอยู่ เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหลังจากนี้ ไอ้หนุ่มคนนี้จะต้องเจออะไรบ้างนะ
วันนี้จะมีนักร้องชื่อดังมาแสดง ชายหนุ่มคนนี้เป็นแฟนคลับของนักร้องคนที่ว่าพอดี หลังจากที่ฉู่เหินจากไป เขาจึงรีบไปรอดู ไม่นานนัก นักร้องก็ขึ้นมาบนเวที
เดิมทีนักร้องคนนี้จะแค่มาแสดงแล้วเดินทางกลับ แต่วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ จึงจะอยู่แจกลายเซ็นให้กับแฟนคลับที่มาร่วมงาน แฟนเพลงจึงตื่นเต้นกันมากและส่งเสียงกรี๊ดสนั่น
ชายหนุ่มคนนี้ก็เป็นหนึ่งในแฟนเพลง เขาไม่นึกว่าจะได้เจอเรื่องดี ๆ เช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบแทรกตัวไปด้านหน้า แต่รองเท้าเจ้ากรรมกลับหลุดเพราะคนที่กำลังเบียดเสียดกันอยู่ เขารีบก้มลงไปเพื่อหยิบรองเท้า แต่กลับโดนผู้คนที่อยู่ข้างหลังเหยียบเข้าให้ ด้วยความเจ็บปวดเด็กหนุ่มจึงได้ร้องให้คนช่วยเหลือ แต่เสียงของเขาก็ถูกกลบด้วยเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลง ในที่สุดเขาก็ถูกคนนับร้อยนับพันที่อยู่ข้างหลังเหยียบย่ำจนตาย
เมื่อฉู่เหินได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตกใจจนอ้าปากค้าง ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะกลายเป็นจุดจบที่น่าอนาถแบบนี้ แต่ไม่ว่ายังไง ปัญหาของเสี่ยวชิงก็จบลงเสียที ยัยหนูน้อย อีกแค่ปีเดียวก็จะเรียนจบมหาลัยแล้ว ถึงตอนนั้น พวกเขาทั้งสองก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว
หลังจากส่งสาวน้อยไปเรียนแล้ว ฉู่เหินวานให้เว่ยตงจื่อคอยดูแลหากเธอต้องการอะไร เพราะเว่ยตงจื่อก็ถือเป็นคนในครอบครัว และมันก็เป็นเรื่องดีที่เขามีคนรู้จักคอยช่วยเหลือ
ในตอนที่ต้องจากกัน เสี่ยวชิงไม่อยากห่างจากฉู่เหินเลย เธอสวมกอดฉู่เหินไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือ ฉู่เหินเองก็ไม่อยากปล่อยมือเช่นกัน แต่เขารู้ว่านี่เป็นการจากกันเพียงชั่วคราว เพราะในอนาคต พวกเขาก็จะมีเวลาอยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้ายันเย็น
แม้การจากกันจะเจ็บปวด แต่นั่นก็หมายถึงอนาคต ความรับผิดชอบ และความรักที่ต่อให้จะอยู่ไกลแค่ไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ห่างกัน แต่ระยะทางมันก็ไม่ใช่ปัญหา
เมื่อฉู่เหินส่งเธอเสร็จเรียบร้อย เขาก็ต้องไปส่งซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ต่อ ซึ่งตัวเขาก็รู้ดีว่างานนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ
เว่ยตงจื่อพาฉู่เหินและอีกสองคนไปส่งที่สถานีรถไฟ เขายืนรอจนกว่ารถไฟจะออกจากท่า ตอนนี้เว่ยตงจื่อรู้สึกว่าฉู่เหินอาจไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะตอนเขาพบฉู่เหินบนถนน ตำแหน่งที่ว่ามันอยู่ห่างจากที่ฉู่เหินให้ไปส่งเกือบร้อยกิโล
ในตอนที่เขาเห็นฉู่เหินวิ่งมาตามถนน ตอนนั้นเขายังไม่ทันได้คิดอะไร แต่เมื่อมานึกย้อนไป มันกลับแปลกสิ้นดี นี่ยังไม่นับเรื่องที่ทำไมฉู่เหินถึงวิ่งเร็วได้ขนาดนั้น แค่ฉู่เหินไปอยู่ตรงนั้นก็แปลกมากพอแล้ว
Next