สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค - ตอนที่ 15 อุดมคติและความเป็นจริง
ความจริงนั้นบางครั้งก็ยิ่งกว่าอุดมคติเสียอีก
ซัปเปิ้ล เมนต์คือผู้ที่บูชาและมีศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อตัวตนที่เรียกว่า เซนต์
เมื่อเครั้งเขายังเยว์วัย โลกใบนี้นั้นไม่ต่างอะไรกับนรก
มีปีศาจเดินเพ่นพ่านอยู่ทุกหย่อมหญ้า ผู้คนล้มตาย มนุษย์ที่สูญเสียมโนธรรมในจิตใจไปกลายเป็นเดรัจฉาน
เขาหวาดกลัวเดรัจฉานเหล่านั้นเสียยิ่งกว่าพวกปีศาจ
มนุษย์ที่สูญเสียความเป็นเหตุเป็นผลไปนั้นต่ำช้าเสียยิ่งกว่าปศุสัตว์ เป็นมารร้ายที่ชั้นต่ำเสียยิ่งกว่าหนอนแมลง
หากสัตว์ป่าจะทำร้ายมนุษย์ ก็ไม่ได้ทำไปเพราะความชั่วช้า
พวกมันทำไปเพื่อหาอาหาร เพื่อปกป้องบุตรหลาน เพราะเอาชนะความกลัว พวกมันจู่โจมเพราะสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตรจากอีกฝ้าย
พวกมันมีเหตุผล
หากมนุษย์สูญเสียเหตุผลไป พวกมันก็จะทำร้ายผู้อื่นอย่างไร้เหตุผล เพียงเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น
มนุษย์ที่สูญเสียเหตุผลไปคือเดรัจฉาน และเดรัจฉานเหล่านั้นก็คือมารร้าย
มารร้ายเหล่านั้นจู่โจมบ้านตระกูลของซัปเปิ้ล
ตระกูลของซัปเปิ้ลคือบารอนยากจนที่เป็นผู้ครองที่ดินแถบบ้านนอก พากเขาไม่มีอะไรจะสามารถใช้ต่อกรกับเหล่าประชากรที่เปลี่ยนเป็นเดรัจฉานได้
บ้านของเขาถูกทุบทำลาย คนรับใช้ทั้งหมดหลบหนีไป พ่อและพี่ชายถูกสังหาร แม่และพี่สาวถูกข่ม-ืนต่อหน้าซัปเปิ้ลที่ยังเล็ก
เดรัจฉาน…ใช่แล้ว คนเหล่านี้ต้องเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นแน่ เจ้าพวกสารเลวนี่ไม่อาจนับเป็นมนุษย์ได้ด้วยซ้ำ
พวกมันเป็นแค่เดรัจฉานคลุมหนังมนุษย์
ซัปเปิ้ลเป็นเพียงคนเดียวที่เหลือรอดมาได้ และหัวใจของเขาก็เริ่มที่จะบิดเบี้ยว
ถึงแม้จะยากจน บ้านของเขาก็ยังเป็นขุนนาง ซัปเปิ้ลที่ไม่เคยเห็นความน่ารังเกียจเช่นนี้มาก่อนถูกความมืดกัดกินจากเหตุการณ์ครั้งนั้น
ความยุติธรรม ความรัก ความเมตตา ความถ่อมตน ความกรุณา ความเสน่หา ความรับผิดชอบ ความกล้า…คุณธรรมเหล่านั้นก็เป็นได้แค่คำโกหกราคาถูกเมื่อเทียบกับความจริงที่อยู่ต่อหน้าเขา
มนุษย์สามารถกลายเป็นเดรัจฉานได้อย่างง่ายดาย ไม่สิ มารร้ายที่ชั้นต่ำเสียยิ่งกว่าเดรัจฉานอีก
พวกมันโยนคุณธรรมในใจทิ้งไป และแสดงเนื้อในที่แท้จริงออกมา
ถึงพวกมันจะยิ้มแย้ม นั่นก็เป็นเพียงหน้ากากเพื่อปกปิดเนื้อในที่เน่าเหม็นนั้นไว้
เซนต์ในยุคสมัยนั้นเป็นผู้นำโลกกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
เมื่อเซนต์ปราบแม่มดลงได้ แสงสว่างก็ได้คืนมาสู่โลกอีกครั้ง
กระทั่งมารร้ายพวกนั้นก็หันมาสวมหน้ากากที่เรียกว่าเหตุผลและทำตัวเป็นมนุษย์อีกครั้ง
เมื่อซัปเปิ้ลได้เห็นแบบนั้น เขารู้สึกขอบคุณต่อเซนต์ที่เขาไม่เคยพบ
อา เข้าใจล่ะ! โลกจะมีแสงสว่างได้ก็เพราะมีเซนต์อยู่!
เซนต์คือแสงสว่าง ความยุติธรรม ความรัก ความเมตตา ความถ่อมตน ความกรุณา ความเสน่หา ความรับผิดชอบ และความกล้า!
เซนต์คือตัวแทนของคุณธรรมในใจมนุษย์!
ในจิตใจที่ปนเปื้อนของเด็กคนนั้น ได้นำมาซึ่งผลลัพท์ที่บิดเบี้ยว
เขาเริ่มสร้างภาพในอุดมคติต่อเซนต์ที่เขาไม่เคยพบเจอ
เธอจะต้องงดงามยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่สิ สูงส่งยิ่งกว่าสิ่งใด
เธอจะต้องบริสุทธิ์และยอดเยี่ยมยิ่งกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ทั้งภายนอกและภายใน
นี่เป็นความเห็นแก่ตัวของเขา เป็นอุดมคติที่เขายัดเยียดให้คนอื่น
แต่ไม่มีใครที่สามารถแก้ความเข้าใจผิดนี้ให้แก่เขาได้
ไม่สิ ไม่มีใครที่รู้ตัวมากกว่า
เพราะว่าเขารู้ เขารู้ดีถึงการปกปิดใบหน้าที่แท้จริงไว้ภายใต้หน้ากากแห่งเหตุผล
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ซัปเปิ้ลเรียนรู้มาจากมารร้ายพวกนั้น
เพื่อให้ตัวเขาดูดีในสายตาผู้อื่น เพื่อให้ผู้คนคิดว่าเขารักสงบ เขาได้สวมหน้ากากปิดไว้
หลายปีต่อมา…อย่างที่เป็นมาตลอด แม่มดได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
เป็นเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่อดีตกาล
ไม่มีใครเข้าใจได้ว่าทำไม แต่ทุกยุคสมัยจะมีแม่มดและเซนต์ปรากฏตัวขึ้น
เมื่อเซนต์ปราบแม่มดลง ศพของแม่มดก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย และในอีกไม่กี่ปีต่อมาแม่มดคนใหม่ก็จะปรากฏตัวขึ้น
แม่มดและเซนต์นั้นไม่ได้ปรากฏตัวพร้อมกัน แม่มดจะปรากฏก่อนเสมอ และเซนต์จะมาทีหลัง
ระยะห่างจากเวลาที่แม่มดคนเก่าตายไปและแม่มดคนใหม่ปรากฏขึ้นมาคือประมาณ 5 ปี
ความสงบสุขนั้นจะพังทลายลงในเวลาแค่ 5 ปี
ยุคสมัยแห่งความหวาดกลัวของแม่มดจะคงอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 15 ปี ต่อจากนั้นเซนต์ถึงจะปรากฏตัวออกมาเพื่อปราบแม่มด นำความสงบสุขที่แสนสั้นกลับมาอีกครั้ง
เป็นเพราะว่าเซนต์จะถือกำเนิดในช่วงเดียวกับที่แม่มดปรากฏตัวขึ้น
เพราะเหตุบางอย่าง ดูเหมือนว่าแม่มดจะเป็นผู้ใหญ่ ในขณะที่เซนต์จะต้องเกิดมาตั้งแต่ยังเป็นทารก
ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งแม่มดได้ในช่วงเวลาที่ต้องรอเซนต์เติบโต ในช่วงนั้นจะถูกเรียกว่ายุคสมัยของแม่มดซึ่งอาจอยู่นานกว่า 15 ปีไปเสียอีก
ยุคที่สงบสุขอยู่ได้เพียงห้าปีหลังจากความตายของแม่มด ต่อมาเป็นยุคสมัยของแม่มดคนใหม่ที่กินเวลาอย่างน้อย 15 ปี จากนั้นก็สงบสุขได้อีก 5 ปี กลายเป็นวัฏจักรที่วนไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่ ในกรณีที่เซนต์เสียชีวิตลงโดยไม่อาจทำภารกิจของเธอให้สำเร็จได้
เซนต์นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บจากพลังอื่นนอกจากพลังของเซนต์และแม่มด แต่นั่นก็หมายความว่าพลังเหล่านั้นสามารถสังหารเซนต์ลงได้
มีทั้งเซนต์ที่ฆ่าตัวตาย เซนต์ที่ถูกฆ่าโดยปีศาจที่ได้รับพลังแม่มด และมีกระทั่งเซนต์ที่จบชีวิตลงด้วยน้ำมือของแม่มดเอง
หากเป็นเช่นนั้น ยุคมืดที่แม่มดปกครองก็จะยิ่งยาวนานขึ้นไปอีก มนุษยชาติก็จะเริ่มเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ
เซนต์จาก…สองรุ่นก่อนยุคสมัยของเอลริสก็เป็นเช่นนั้น เธอไม่สามารถทำภารกิจในการปราบแม่มดได้สำเร็จและถูกปีศาจฆ่าตาย
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้ผู้คนทะนุถนอมเซนต์อย่างเป็นที่สุด พวกเธอนั้นล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใด
แต่ในยุคสมัยถัดไปนี้ สิ่งแปลกประหลาดก็ได้เกิดขึ้น
เซนต์คนใหม่…เอลริส คือเซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
เธอเข้าใจความหมายและหน้าที่ในฐานะของเซนต์ตั้งแต่อายุยังเพียง 5 ปี และเริ่มทำหน้าที่นั้นตั้งแต่อายุแค่ 10 ปี
เธอล่าปีศาจร้าย ช่วยเหลือผู้คน และปัดเป่าความมืดมิดไปจากโลกนี้ด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ
แม่มดได้ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง ในขณะที่กองทัพของเธอมีจำนวนลดลงในระดับที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ว่ากันว่า ตัวแทนแห่งความหวาดกลัวอย่างแม่มด ยังต้องกลัวเอลริสและหนีหางจุกก้นไปซ่อนตัว
ในยุคสมัยนี้ ยุคสมัยของแม่มดนั้นมีระยะเวลาเพียง 10 ปี และความสงบสุขได้กลับคือมาเป็นเวลา 7 ปีตั้งแต่เอลริสเริ่มปฏิบัติหน้าที่
ซัปเปิ้ลหวังจะเจอเซนต์คนนั้นและเดินทางไปที่ที่ปีศาจมารวมตัวกัน ที่นั่นเขาได้เห็นการต่อสู้ของเธอ
—ความสมบูรณ์แบบนี้
ความเป็นจริงที่อยู่เหนืออุดมคติที่สร้างจากจินตนาการอันต่ำต้อยของเขาได้อยู่ที่นี่แล้ว
“อุดมคติ”ที่เห็นแก่ตัวของซัปเปิ้ลพังทลายลง เขาได้พบเห็น”ความเป็นจริง”ต่อหน้าเขาเป็นครั้งแรก
โลกที่เคยถูกมองว่าน่ารังเกียจในตอนนี้กลังดูงดงามและเต็มไปด้วยแสงสว่าง
เขาเคยมองมนุษย์เป็นมารร้าย แต่นั่นไม่ใช่เลย เขาตระหนักว่าเหตุผลที่เขาทำได้เพียงมองมนุษย์เหล่านั้นเป็นเดรัจฉานมาจากความมืดใน”หัวใจ”เขาเอง
ดวงตาของเขาที่เคยเบนหนีความจริงและย้อมไปด้วยความมืด ตอนนี้กลับถูกย้อมไปด้วยแสงสว่าง ความมืดในจิตใจของเขานั้นถูกเธอปัดเป่าออกไปอย่างอ่อนโยน
ไม่มีอีกแล้วผู้ชายที่มองเห็นเพียงอุดมคติของตนเอง
บนเส้นทางที่ถูกทอด้วยแสงนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถมองเห็นโลกอย่างที่ควรจะเป็น
“ชื่อของชั้นคือเอลริสค่ะ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ชั้นจึงได้มีโอกาสมาเรียนร่วมกับทุกคนในสถาบันแห่งนี้ ในช่วงเวลาสั้นๆที่เราจะได้อยู่ร่วมกันนี้ ถ้าอย่างไรก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
เหมือนกับมีฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
ในเมฆหมอกที่ถูกเรียกว่า ชีวิตประจำวันอันน่าเบื่อ ถูกสายฟ้าฟาดลงมา เปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นโปร่งใสอีกครั้ง
ไม่มีใครควดคิดว่า ว่าเซนต์จะเข้ามาเรียนที่นี่ ซัปเปิ้ลปลาบปลื้มอย่างเป็นที่สุดต่อเรื่องไม่คาดฝันที่น่ายินดีนี้
กระผมสามารถมีตัวตนอยู่ในสถานที่เดียวกับท่านผู้นั้นได้!
ตัวจริงเสียงจริงที่เขาได้เห็นใกล้ๆ นั้นเลิศล้ำกว่าอุดมคติเดิมๆของเขาอย่างไม่เห็นฝุ่น
“เธอตรงนั้นน่ะ…เธอดูสุขภาพไม่ค่อยดีเลยนะจ๊ะ…ดีล่ะ คิดว่าแบบนี้น่าจะช่วยได้บ้าง…เอ๊ะ? ตอบแทนคุณ? แค่คำขอบคุณของเธอก็เพียงพอแล้วล่ะจ้ะ ชั้นก็แค่ทำสิ่งที่ชั้นต้องการที่จะทำ”
เธอได้รักษาอาการเจ็บป่วยของเด็กสาวผมสีเขียว สุขภาพไม่ดีที่เดินผ่านกันบนทางเดินอย่างเป็นปลิดทิ้ง
ซัปเปิ้ลจำนักเรียนคนนี้ได้
ลีน่า โทมัส…คะแนนของเธอในภาคทฤษฎีก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่คะแนนภาคปฏิบัติของเธอนั้นต่ำกว่าเกณฑ์
ดูเหมือนว่าเธอจะป่วยเป็นโรคหัวใจที่จะทำให้เธอสลบไปหากออกกำลังมากเกิน
ขนาดมีอุปสรรคเช่นนั้น การที่เธอยังสามารถเข้ามาเรียนที่นี่ได้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถของเธอ
…เพราะเช่นนั้นจึงน่าเสียดาย
เวทย์รักษาทั่วไปไม่มีวันรักษาโรคหัวใจได้
หากต้องการจะหายขาด จำเป็นจะต้องใช้ยาที่มีมูลค่าสูง
แมนดราโกร่า เกล็ดปีกมังกร ขนกริฟฟอน
เป็นยาล้ำค่าที่ต้องใช้วัตถุดิบหายากเช่นนั้น ไม่ใช่แค่ราคาของยา เหตุผลที่ยานี้หาได้ยากก็เป็นเพราะว่าขาดแคลนวัตถุดิบมาตั้งแต่แรกแล้ว
หากไม่มีวัตถุดิบก็สร้างยาไม่ได้
ซัปเปิ้ลคาดว่าเธอต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อหาวัตถุดิบมาสร้างยานั้นด้วยตัวเธอเอง
ยึดเหนี่ยวอยู่กับความหวังเดียวเพื่อเอาชีวิตรอด เธออยากที่จะแข็งแกร่งขึ้น…โชคร้ายที่ดูอย่างไรก็คงไม่ทันการ เวลาของเธอนั้นเหลือไม่มากแล้ว
ตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้เป็นอัศวินตัวจริง ก็ยังยากที่จะหาวัตถุดิบเหล่านั้นมาได้
และในตอนนี้ โรคร้ายแรงเช่นนั้นกลับถูกรักษาจนหายในชั่วพริบตา ราวกับเป็นโรคปกติทั่วไป
เธอไม่อาจกลั้นน้ำตาต่อไปได้ ตัวของเธอสั่นเทิ้มและร้องไห้ออกมา ในขณะที่เซนต์คอยโอบกอดเธอไว้
ถึงแม้เด็กสาวผมเขียวจะตัวสูงกว่าเซนต์ แต่ฉากนี้นั้นคล้ายคลึงกับพ่อแม่ที่ปลอบประโลมลูกอย่างอ่อนโยน
ความล้ำค่าถึงขนาดนี้ — ด้วยคำส่งท้ายนั้น วิญญาณของซัปเปิ้ลก็แตกสลายกลายเป็นผง
………
เมื่อเขารู้สึกตัวอีกครั้ง เซนต์ก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
ถึงแม้ซัปเปิ้ลจะเสียดายอย่างเป็นที่สุด แต่เขาก็ซาบซึ้งถึงระดับที่สรรหาเป็นคำพูดไม่ได้
อาา….อ้าา! โลกใบนี้ช่างงดงามและเจิดจ้ายิ่งกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
ความเป็นจริงได้ข้ามผ่านอุดมคติ!
ไม่มีผู้ใดรู้ถึงเหตุผลที่เธอเข้ามาเรียนที่นี่
แต่จะต้องมีเหตุผลที่ลึกล้ำอยู่เบื้องหลังแน่นอน
หากเป็นเช่นนั้น เขาจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือเธอ เขาคิดเช่นนั้น
ซัปเปิ้ล เมนต์กล่าวคำสาบานนี้แก่ท้องฟ้าด้วยความฮึกเหิม
ท่าทางของเขาดูน่าขยะแขยงจากสายตาคนอื่น ทำให้พกวนักเรียนพยายามเดินเลี่ยงเขาที่เป็นเช่นนั้น
.
ลีน่าจังเป็นพวกซ่อนรูปตอนใส่เสื้อผ้าสินะเนี่ย กำไรเลย
ชั้นยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและอวบอั๋นของเธอได้อยู่เลยเนี่ย
และแล้ว ปัญหาแรกก็โดนแก้เรียบร้อย
ชั้นเจอลีน่าจังที่สุขภาพแย่ตอนที่เดินผ่านมา เลยเข้าไปหาและรักษาเธอซะ
ทำไมหมอในโลกนี้ถึงต้องใช้วัตถุดิบหายากเพื่อรักษาโรคแค่นี้ด้วยนะ?
แต่แบบนั้นก็ดี เพราะชั้นได้ความทรงจำดีๆติดมือมาด้วยเมื่อกี๊
ใช้พลังรักษาขั้นเทพของชั้น อาการป่วยของลีน่าจังก็หายไป เธอร้องไห้ชั้นเลยถือโอกาสนี้เข้าไปกอดเธอซะ
ได้แต๊ะอั๋งเธอตอนที่ทำทีเข้าไปปลอบเยอะเลย อิฮิฮิฮิ
“อ๊ะ ท่านเอลริส”
อ้าว นั่นมันตัวเอกเวอร์เนลคุงกับนางเอกหลักเอเทอร์น่าซังไม่ใช่หรือนั่น?
พวกเธอนี่ยังดูเหมาะสมกันเหมือนเคยเลยนะ
ไม่ต้องห่วง ชั้นไม่พูดแบบ ระเบิดตายไปซะ อะไรแบบนั้นหรอก
เพราะว่าเวอร์เนลคือตัวแทนของผู้เล่น หรือก็คือตัวแทนของชั้น
ถ้าเวอร์เนลได้จู๋จี๋กับเอเทอร์น่า ก็เท่ากับว่าชั้นได้จู๋จี๋กับเอเทอร์น่าเช่นเดียวกัน
คิดมากไปอะไรล่ะ? เกมจีบสาวมันก็แบบนี้ไม่ใช่รึไง?
ก็แค่ใช้ตัวเอกเป็นตัวแทนของเราเอง แล้วก็สร้างสถานการณ์ให้เราได้มีโอกาสใช้ชีวิตแบบโรแมนติดกับสาวๆ อะไรแบบนั้นไม่ใช่เหรอ?
เพราะแบบนี้ชั้นถึงไม่อิจฉาเวอร์เนลไงล่ะ ยิ่งอยากจะช่วยเหลืออย่างเต็มพลังซะอีก
รีบๆจบแฮปปี้เอนดิ้งแล้วก็อยู่กินกันไปชั่วชีวิตซะ ชั้นจะได้ตายอย่างสงบ
ว่าแต่เอเทอร์น่าจัง สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ กังวลอะไรเหรอ?
ถ้ามีอะไรก็บอกพี่ได้นะจ๊ะ
“…อึก ชะ ชั้นไม่เป็นไรค่ะ…”
หืมม? ดูไม่ดีจริงๆนะเนี่ย แน่ใจนะว่าไม่เป็นไรน่ะ?
เวอร์เนลคุง นี่นายทิ้งเธอไปทำอะไรอีกรึเปล่าเนี่ย?
อย่าเอาแต่ฝึกกล้ามสิ คอยเอาใจใส่ผู้หญิงที่ชอบด้วย
“ฝึกฝนตัวเอง…ผมก็ยังคงฝึกอยู่นั่นล่ะครับ แต่นั่นไม่ใช่แค่เรื่องเดียวที่ผมทำอีกแล้ว ส่วนคนที่ผมชอบน่ะ… อา ไม่สิ ว่าแต่ว่า ผมสงสัยขึ้นมาน่ะครับ ทำไมท่านเอลริสถึงมาที่โรงเรียนนี้?”
อา ว่าแล้วเชียว สงสัยกันสินะ
อืม- เอาไงดี จะบอกดีมั้ยนะ?
โอเค บอกไปคงไม่เป็นไรหรอก รู้แล้วเหยียบไว้นะเออ
จากนั้นชั้นก็บอกพวกเขาเรื่องที่แม่มดอาจจะอยู่ในโรงเรียนก็ได้
สองคนนี้ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้ากับเรื่องแม่มดซะด้วย เอาจริงๆแล้วเกี่ยวข้องกันโดยตรงเลยต่างหาก
ถ้ารู้แบบนี้ก็น่าจะทำให้ระวังตัวกันมากขึ้น
“แม่มด…! อยู่ในสถาบันแห่งนี้!?”
ก็คงต้องตกใจล่ะนะ
แต่ถ้าบอกสถานที่ไปเลยน่าจะไม่ใช่เรื่องดี ไม่รู้ว่าสองคนนี้จะทำอะไรบ้างถ้ารู้แบบนั้น เลยบอกไปว่าตอนนี้ยังไม่ทราบที่อยู่ของแม่มดที่ชัดเจน
ชั้นรู้อยู่แล้วล่ะว่าเธออยู่ที่ไหนน่ะ
ชั้นจะค่อยๆล่าแม่มดแบบบีบคั้นอย่างช้าๆ อุเฮะเฮะ
แสดงสีหน้าที่หวาดกลัวนั่นมาซะ
ใบหน้าร้องไห้ของนางร้ายที่ปกติมักจะหยิ่งยโสนี่ชั้นเอามากินเป็นกับข้าวได้สามจานเลย
“…แม่มด”
เพราะอะไรบางอย่าง เอเทอร์น่าทำท่ากลัวๆและก้าวถอยหลังไป
โอ๋? ทำไมทำท่ากลัวแบบนั้นล่ะ?
อา ไม่สิ เข้าใจล่ะ เธอคงจะกลัวแม่มดที่อยู่ในโรงเรียนนี้ล่ะมั้ง
ไม่ต้องห่วง ชั้นจะปกป้องเธอเอง
ใช่แล้ว ชั้นมาที่นี่เพื่อจะจัดการแม่มดและปกป้องพวกเธอ(มั่นหน้า)
ไม่ต้องคิดมากไป แค่แม่มดนี่ชั้นจัดการได้สบายๆอยู่แล้ว
“…!”
พอพูดแบบนั้น เอเทอร์น่าก็หน้าซีดลงและวิ่งหนีไป
ฮะ? นี่ชั้นทำอะไรผิดรึเปล่า?
พอชั้นหันไปขอความช่วยเหลือจากเวอร์เนลและเลย์ล่า ทั้งสองคนก็ทำหน้างงเหมือนกันและเอียงคอ
…..?
….ไม่เข้าใจอ่ะ