สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค - ตอนที่ 18 ไอ แคน ฟลาย
ไม่เข้าใจ! ไม่เข้าใจ! ไม่เข้าใจ! ไม่เข้าใจ!
เรื่องมันกลายเป็นอะไรซักอย่างที่ชั้นไม่เข้าใจไปแล้วเนี่ย
คำป่าวประกาศของเอเทอร์น่าที่บอกว่า “ชั้นคือแม่มด” ทำให้ชั้นพูดไม่ออกเลย
มันมาถึงตรงนี้ได้ไงเนี่ย? อย่างกับว่าหลังจากพุ่งผ่านทางด่วนมาด้วยความเร็วสูง อยู่ๆก็โดนชนท้ายเข้าอย่างจังจนรถหมุนกระเด็นไปอย่างกับจะเล่นกายกรรม มันเป็นแนวคิดที่สุดกู่แล้วก็คาดไม่ถึงแบบนั้นแหละ
ตั้งแต่แรกแล้ว เซนต์กับแม่มดน่ะไม่มีทางมีอายุพอๆกันได้หรอก
เซนต์จะถือกำเนิดได้ก็ต่อเมื่อโลกเห็นว่า “เซนต์คนก่อนตายไปแล้ว” หรือ “เซนต์คนก่อนถูกเปลี่ยนเป็นแม่มด” เซนต์กับแม่มดจะอายุไล่เลี่ยกันได้ก็ต่อเมื่อเซนต์คนก่อนปราบแม่มดได้ตั้งแต่ยังเป็นทารก จากนั้นก็โดนเปลี่ยนเป็นแม่มดในทันที อะไรแบบนั้น
ถึงจะไม่รู้ดีเทลลับที่ชัดเจนแบบชั้น แต่ในหนังสือเรียนก็น่าจะมีบอกไว้นี่นาว่าเซนต์จะเกิดหลังแม่มดปรากฏตัวเสมอ นักเรียนในสถาบันนี้รู้หมดแหละ
อนึ่ง ถึงแม้นักเรียนทุกคนจะได้รับหนังสือเรียนครบ แต่ไม่ใช่ว่ามีการรีปริ๊นต์ใหม่ปีต่อปีหรอก แต่เป็นของสืบทอดต่อจากรุ่นพี่ที่เรียนจบไปน่ะ มันก็จะเยินๆหน่อย
แม่มดของยุคสมัยนี้น่ะปล่อยปีศาจออกมาอาละวาดตั้งแต่ก่อนชั้นจะจำความได้อีก… ก็คือเอเทอร์น่าต้องเริ่มสร้างพวกปีศาจมาสร้างความปั่นป่วนให้โลกตั้งแต่ตอนนั้นเลยะ
ไม่ว่าหมู่บ้านเธอจะห่างไกลผู้คนแค่ไหน มันก็มีข่าวลือเกี่ยวกับแม่มดมาตั้งแต่ช่วงเธอยังแบเบาะแล้วไม่ใช่เหรอ
แล้วมันจะไปมีแม่มดในข่าวลือได้ยังไงถ้าเอเทอร์น่ายังเป็นทากรอยู่ หรือก็คือความเข้าใจผิดนี้ถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นไปไม่ได้
แต่ถึงนี่จะเป็นแค่ความเข้าใจผิดก็เถอะ ประโยคนั้นมันอันตรายนะ
ในโลกนี้น่ะ แม่มดคือศัตรูร่วมกันของทุกคน ถึงจะแค่เผลอหลุดปาก แต่ถ้าบอกไปว่าตัวเองเป็นแม่มดล่ะก็ จะโดนโทษประหารมันตรงนั้นเลยก็ไม่แปลก
“แม่มดอย่างนั้นเหรอ?! ท่านเอลริส ถอยไปก่อนค่ะ!”
“เอเทอร์น่าคุง… พูดแบบนั้นน่ะ… ถึงมันจะเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ แต่ก็เป็นมุขที่ไม่ตลกเลยนะ”
ดูดิ! เลย์ล่ากับไอ้แว่นโรคจิตเข้าโหมดต่อสู้แล้วเนี่ย
ชั้นรีบย้ายไปอยู่ข้างหน้าทั้งสองคนเพื่อกันไว้ก่อน จากนั้นก็ส่งสายตาหาเอเทอร์น่า
ตาของเธอจ้องมาที่พวกเรา ชั้นรู้สึกได้ถึงความกลัวในนั้น
ตกลงมันเป็นอย่างนี้ได้ยังไงเนี่ย…
“ช้าก่อนเอเทอร์น่าซัง คุณน่ะ…ไม่มีทางที่จะเป็นแม่มดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่แล้ว! เธอก็โดนฟาร่าเซนเซย์จับตัวไว้พร้อมกับพวกเราไม่ใช่เหรอ! เกือบจะถูกฆ่าด้วยนี่!”
ฟิโอร่ากับตัวประกอบเอพยายามเกลี้ยกล่อมเอเทอร์น่า
พวกนั้นพูดมีเหตุผลนะ
ถ้าลองคิดดีๆ ใครๆก็จะรู้ได้ว่าไม่มีทางเลยที่เอเทอร์น่าจะเป็นแม่มด
เบื้องหน้าสองคนนั้น เอเทอร์น่าชักมีดออกมา แล้วกำใบมีดแน่น
เลือด…ไม่ไหลออกมา
ทุกคนที่เห็นแบบนั้นถึงกับแข็งทื่อ
“ตั้งแต่ที่ชั้นยังเด็ก ชั้นไม่เคยได้รับบาดเจ็บเลยค่ะ”
เธอเล่าเรื่องของตัวเอง
อา แย่ละแบบนี้
คำประกาศของเอเทอร์น่าที่บอกว่า “ชั้นคือแม่มด” อยู่ๆก็ดูมีเครดิตขึ้นมาทันใด
ชั้นเคยบอกไว้ใช่มั้ยว่าเซนต์สามารถทำร้ายตัวเองได้น่ะ… แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับวิธี
เซนต์จะได้รับบาดแผลด้วยตัวเองก็ต่อเมื่อการโจมตีนั้นมีพลังเซนต์อยู่ เพราะแบบนั้นจึงสร้างความเสียหายได้
แต่ถ้าไม่มีพลังเซนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
ถ้าเอเทอร์น่าใช้แขนอีกข้างฟันมือตัวเองล่ะก็ มือนั้นก็จะมีแผล
การฟันนั้นจะถือเป็นการโจมตีที่แฝงพลังเซนต์อยู่ด้วย
ถ้าแค่กำใบมืดด้วยมือข้างเดียว… ก็จะไม่บาดเจ็บ
เช่นเดียวกัน ถ้าเธอคิดจะโดดหน้าผาหรือผูกคอตายก็จะไม่มีผลอะไร
“อาจารย์คะ… นี่ถือว่าเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีพลังของเซนต์หรือแม่มดใช่มั้ยคะ?”
“…ถูกต้องแล้วครับ”
“แต่ว่าเซนต์น่ะมีตัวตนอยู่แล้ว ทุกๆคนสามารถเห็นได้ชัดว่าท่านเอลริสไม่มีทางเป็นแม่มด ถ้าอย่างนั้น…ชั้นก็เหลือเพียงสิ่งเดียวที่เป็นได้…นั่นก็คือแม่มด…”
อา ในที่สุดก็”เข้าใจ”ล่ะ
แนวคิดของเธอเป็นอย่างนี้นี่เอง
เอเทอร์น่าไม่ได้คิดว่า “เพราะชั้นมีพลังของเซนต์ ฉะนั้นเธอต้องเป็นตัวปลอม” แต่กลับคิดว่า “เพราะมีเซนต์อยู่แล้ว ชั้นคงเป็นได้แค่แม่มด”
อาจจะเป็นแค่ความคิดแบบง่ายๆ แต่ว่าแล้ว แนวคิดของเธอนี่ต่างจากชั้นที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางลิบลับเลย
ถ้าชั้นเป็นเธอ ชั้นจะสงสัย”เอลริส”ก่อนเลยเป็นอย่างแรก เพราะว่าชั้นมันเชื่อใจคนยาก
เธอน่ะต่างออกไป เธอเชื่อชั้นมากกว่าจะสงสัยชั้น เลยได้ผลลัพท์ประหลาดๆแบบนี้มา
เพราะว่าเธอเป็นคนดี(ไม่เหมือนกับชั้น)เลยเข้าใจผิดไปแบบนั้น
แต่จะผ่อนคลายไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เอเทอร์น่าจะโดนตีตราว่าเป็นแม่มดแน่
เธอโดดหน้าผาไปก็ไม่ตายหรอก แต่ถ้าปล่อยให้ความเข้าใจผิดอยู่ต่อไปล่ะก็ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นเทศกาลล่า”แม่มด”เอเทอร์น่าน่ะสิ
จะหยุดน่ะมันเรื่องง่าย
ที่ชั้นต้องทำก็แค่สารภาพตัวตนที่แท้จริงของชั้นออกไป
แต่ถ้าทำแบบนั้น ชั้นจะถูกโยนเข้าลานประหารในทันทีเลยเนี่ยสิ และถ้าไม่มีชั้นอยู่ล่ะก็ แม่มดจะได้ใจแล้วฆ่าเอเทอร์น่าเอาได้
หรือก็คือ ถ้าโดนจับได้ตอนนี้ล่ะก็มันจะแย่เอา
แต่ถ้าไม่ทำอะไร เอเทอร์น่าจะโดนตีตราว่าเป็นแม่มด…ทั้งๆที่เธอเป็นเซนต์ตัวจริงแท้ๆ
…สารภาพดีมั้ยนะ?
โธ่เว้ย ต้องสารภาพตรงนี้จริงๆเหรอเนี่ย?
ถ้าชั้นสารภาพตรงนี้ เนื้อเรื่องจะถูกเปลี่ยนอย่างช่วยไม่ได้เลย
ถ้าชั้นโดนประหารเข้าทันทีเลยมันจะลำบาก คงต้องหนีไปกบดานที่ไหนสักที่ก่อน ระดับความยากจู่ๆก็โดนปรับให้เป็น Very Hard แบบกะทันหัน
แต่เทียบกับเอเทอร์น่าถูกหาว่าเป็นแม่มดแล้ว…
ไม่มีทางเลือก…ชั้นคงต้องสารภาพแล้วล่ะ
“เข้าใจผิดแล้วค่ะเอเทอร์น่าซัง คุณน่ะคือ…”
“ก็บอกว่าอย่าเข้ามา!”
มันเกิดขึ้นในตอนที่ชั้นกำลังจะสารภาพพอดี
เอเทอร์น่าที่ตื่นกลัวก้าวถอยหลังแบบไม่รู้ตัว พื้นด้านหลังของเธอนั้นว่างเปล่า และแล้วเธอก็ตกลงไป
โอ้ยยยยย!?
“อ๊ะ”
เอเทอร์น่าเองก็ตกใจและร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูงี่เง่า
แย่แล้ว! ชั้นตอบสนองช้าเพราะมันเกิดขึ้นกะทันหัน!
ชั้นเปิดใช้งานเวทย์บินโดยเร็วที่สุดและตามเอเทอร์น่าไป
เรื่องที่ไม่คาดฝันอีกเรื่องก็เกิดขึ้น
เวอร์เนลกระโดดตามชั้นลงมาด้วย
เฮ้ยยยยย!
ตัวของเขาน่าจะขยับไปเองเพื่อปกป้องนางเอก
ชั้นรู้ ชั้นรู้อยู่แล้ว!
แต่นายที่บินไม่ได้น่ะ ชั่วยอะไรชั้นในสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เลยเฟ้ย!
ชั้นจับแขนของเวอร์เนลที่ลอยผ่านชั้นไปด้วยความตื่นตระหนก
แต่ว่าแล้ว ไอ้แบบนี้น่ะมันกะทันกันเกินไปจนท่าเปลี่ยน เวทย์ของชั้นปรับตัวไม่ทันกับจำนวนคนที่เพิ่มมา
แกจะหนักเกินไปแล้วว้อยไอ้บ้า! นี่หนักขึ้นเท่าไหร่เนี่ย!?
เพราะแกเอาแต่ฝึกกล้ามนั่นแหละถึงได้ตัวหนักขนาดนี้
หินแหลมยื่นออกมาตรงข้างล่างถ้าโดนเข้าไป ถึเป็นเวอร์เนลที่มีพลังแม่มดช่วยอยู่ก็คงเจ็บปางตาย
เวอร์เนลไม่ใช่แม่มด เขาแค่มีพลังของแม่มดอยู่ในร่างกาย ทำให้ยังสามารถเจ็บได้ตามปกติ
โว้ยย! จะชนแล้วจ้า!! เร่งความเร็วสูงสุด! โยก๊าา!
พวกเรารอดผ่านหินแหลมมาได้ แต่ก็ยังตกลงมาในทะเล
อุแหวะ เค็มฉิบเป๋ง
.
ร่างกายของเขาขยับไปก่อนความคิด
เวอร์เนลไม่สามารถตามสถานการณ์ที่เอเทอร์น่าประกาศตัวว่าเป็นแม่มดได้ทัน
มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป ไม่ว่าจะคิดยังไงก็สรุปได้แค่ว่าเป็นไปไม่ได้
เพราะอย่างนั้น เวอร์เนลคิดว่าเอเทอร์น่าคงสับสนอะไรสักอย่างจนได้คำตอบที่แปลกๆออกมา
แต่เป็นความจริงที่เธอประกาศเรื่องอันตรายแบบนั้นออกมา ต้องทำให้เธอใจเย็นลงก่อน
แต่เรื่องมันไปเร็วกว่าที่เขาคิด เอเทอร์น่ากระโดดลงจากหน้าผา… และเอลริสที่บินตามเธอไป
หลังจากนั้น… เขาก็จำอะไรไม่ค่อยได้
รู้ตัวอีกที เขาก็ตกลงมาจากหน้าผาแล้ว
ร่างกายของเขาคงจะขยับไปเอง
ถ้าลองคิดอย่างใจเย็นแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย
เพราะว่าเอลริสสามารถบินได้
ยิ่งกว่านั้น เพราะว่าเธอคือเซนต์ ต่อให้ตกลงมาเธอก็ยังไร้รอยขีดข่วน
สิ่งที่เขาทำลงไปก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย เป็นภาระให้เอลริสซะเปล่าๆ
อา… ผมนี่มันโง่จริงๆเลย
ในขณะที่คิดเช่นนั้น เวอร์เนลก็จมลงสู่ทะเลและหมดสติไป
เมื่อตื่นขึ้นมา เขาก็อยู่ในถ้ำที่ไหนสักแห่ง
เมื่อมองไปข้างๆ เขาก็พบกับใบหน้ายามหลับใหลของเอเทอร์น่าที่หมดสติไปเช่นกัน
และแล้วเขาก็สังเกตถึงแสงให้ส่องความสว่างให้แก่ถ้ำ
แสงที่ลอยอยู่นั้นปลดปล่อยความอบอุ่นออกมาราวกับกองไฟ
“อ๊ะ ตื่นแล้วหรือจ๊ะ?”
เมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่สองประกายของเอลริส เวอร์เนลก็ตื่นอย่างเต็มตา
เขาลุกขึ้นยืนตรงด้วยความเร็วที่กระทั่งเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อ เขาเข้าใจดีว่านอกจากจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เขายังเป็นภาระให้เอลริสต้องมาช่วยอีก
เขาสมเพชตัวเอง… คนที่เขาอยากจะปกป้องกลับต้องมาปกป้องตัวเขา แล้วนี่มันก็ครั้งที่สามแล้วด้วย
หนี้บุญคุณที่ติดค้างเธอมีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ
“ตกใจเลยล่ะจ้ะ ตอนที่เธอกระโดดตามลงมาอย่างกะทันกันน่ะ”
“ขะ ขอโทษครับ… ร่างกายของผมขยับไปเอง…”
“เพราะว่าเธอเป็นห่วงเพื่อนคนสำคัญหรอกนะ ชั้นถึงจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ที่เธอทำลงไปน่ะมันผลุนผลันมากกว่าจะกล้าหาญนะจ๊ะ”
“…ครับ”
“แต่ที่เธอทำถึงขนาดนี้เพื่อเพื่อนน่ะเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมนะ อย่าลืมความรู้สึกนี้ล่ะ แต่ก็ต้องเอาใจใส่ตัวเองให้มากกว่านี้ด้วยนะจ๊ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเอลริส ความคิดแรกในหัวของเเขาเลยก็คือ “ผิดแล้ว”
เวอร์เนลไม่ได้ทำอย่างนั้นไปเพื่อช่วยเอเทอร์น่าที่เป็นเพื่อน
เป็นเรื่องจริงที่เอเทอร์น่าคือเพื่อนคนสำคัญที่ไม่มีใครแทนได้ แต่เธอเป็นเหมือนครอบครัวที่เติบโตในหมู่บ้านเดียวกัน
ในช่วงเวลาที่เขาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว หมู่บ้านนั้นเป็นสถานที่เดียวที่ยอมรับเขา และเอเทอร์น่าก็เป็นคนที่เขาสนิทที่สุดในหมู่บ้านนั้น
เขาคิดว่าเธอเป็นคนที่น่าคบหาและอยากจะปกป้อง นั่นไม่ใช่เรื่องโกหกเลย
แต่ในตอนที่เอเทอร์น่าตกลงไป — ร่างของเวอร์เนลกลับแข็งทื่อ
ไม่ใช่ว่าเขาทอดทิ้งเธออย่างโหดร้าย อาจจะเรียกได้ว่าเป็นความใจเย็นที่คิดว่าเธอจะไม่เป็นไรเสียมากกว่า
ถึงเขาจะโดดลงไป ก็แค่เพิ่มจำนวนคนที่ตกลงไปด้วยเท่านั้น ค่อยตามลงไปสำรวจหาเธอข้างล่างกับทุกคนจะสมเหตุสมผลกว่า
แต่ในตอนนี้ที่เขาเห็นเอลริสบินออกไปนั้น เขาไม่แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ
รู้ตัวอีกทีเขาก็วิ่งและโดดตามเธอไปแล้ว
ทั้งที่เธอน่าจะต้องการความช่วยเหลือจากเขาน้อยกว่าเอเทอร์น่าเสียอีก
อา… เข้าใจล่ะ กับคนคนนี้แล้ว ผมน่ะ…
เขากลืนคำพูดที่เกือบจะถูกปล่อยออกมา และกำมือทุบอกตัวเอง
นั่นไม่ใช่คำพูดที่ควรจะบอกในตอนนี้
คำสารภาพจากผู้ที่ไม่คู่ควรเช่นนี้มีแต่จะสร้างความลำบากให้เธอ
เพราะอย่างนั้น เขาจึงกักเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้แล้วเปลี่ยนเรื่อง
“ท่านเอลริสครับ ผมคิดว่า—เอเทอร์น่าอาจจะเป็นแบบเดียวกับผมก็ได้”
“เหมือนกับเธอ—ใช่แล้วจ้ะ! นั่นน่าจะมีความเป็นไปได้นะ!”
“ครับ ผมเองก็ด้วย — แม้จะไม่ถึงขนาดที่ไม่เคยได้รับบาดแผล แต่ผมก็ได้รับบาดเจ็บได้ยากกว่าคนทั่วไป ตั้งแต่ตอนที่ผมถูกครอบครัวทอดทิ้ง คนปกติน่าจะตายไปแล้วในตอนนั้น แต่ผมกลับมีชีวิตรอด — ไม่สิ พลังนี้ไม่ยอมให้ผมตายครับ ไม่ว่าจะหิวหรือกระหายแค่ไหน ผมก็ไม่อาจตายได้”
แม่มดและเซนต์สามารถได้รับบาดเจ็บจากพลังของอีกฝ่าย คุณลักษณะนี้ควรจะมีอยู่ในเซนต์และแม่มดเท่านั้น
แต่ข้อยกเว้นก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้วนี่
นั่นคือตัวเวอร์เนลเอง
เวอร์เนลไม่ใช่เซนต์หรือแม่มด ตั้งแต่แรกแล้วมันเป็นไปไม่ได้เพราะว่าเขาเป็นผู้ชาย
แต่เขาก็ครอบครองพลังและคุณลักษณะที่ใกล้เคียงกับแม่มด
“เอเทอร์น่าอาจจะเหมือนกับตัวผม” เวอร์เนลคิดเช่นนั้น
ดูเหมือนว่าเอลริสก็ได้มาซึ่งคำตอบเดียวกัน
“เป็นไปได้จ้ะ—นี่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ นั่นไม่แปลกเลยที่เอเทอร์น่าซังจะมีคุณลักษณะที่ใกล้เคียงกับแม่มดทั้งที่ไม่ใช่แม่มด”
“ท่านเอลริสครับ–หรือว่าเอเทอร์น่าไม่สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้หรือเปล่าครับ? เหมือนกับผมในตอนนั้น” เวอร์เนลถามเอลริสด้วยความกังวล
เธอเหมือนกับตัวเขาก่อนที่จะได้เจอกับเอลริส พลังที่ควบคุมไม่ได้เริ่มออกอาละวาด สุดท้ายเขาก็ต้องออกมาร่อนเร่
เพราะอย่างนั้นเขาจึงกังวลว่าเอเทอร์น่าจะเหมือนกับตัวเองในอดีต
แต่หลังจากที่เอลริสตรวจสอบเอเทอร์น่าจนเรียบร้อย เธอก็ส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่จ้ะ ไม่มีสัญญาณบ่งบอกเลยว่าพลังของเธอจะออกอาละวาด เธอเพียงแค่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากสิ่งใดอื่นเท่านั้น มันเป็นเพียงแค่ความบังเอิญที่ทับซ้อนกันจนเธอเข้าใจว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเธอเองนั่นล่ะจ้ะ”
“ชะ เช่นนั้นเองหรือครับ…ดีใจจัง”
เวอร์เนลรู้สึกโล่งอกส่วนเอลริสก็ยิ้มอ่อน
เวอร์เนลต้องเบือนสายตาออกจากรอยยิ้มนั้น
เขารู้สึกได้ว่าใบหน้าของตัวเองนั้นร้อนผ่าว คงจะแดงแจ๋เชียวล่ะ
หวังว่าจะพอกลบเกลื่อนว่าเป็นเพราะแสงได้
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะจ้ะ ทุกคนน่าจะเป็นห่วงอยู่ หลังจากที่เอเทอร์น่าซังตื่นขึ้นมาแล้ว เราจะบอกเธอเรื่องที่เราคุยกันเมื่อสักครู่”
“ครับผม”
เอลริสคิดว่าควรจะไปกันได้แล้ว ซึ่งเวอร์เนลก็เห็นด้วย
แต่ในขณะนั้น เขาเห็นสิ่งที่ผิดปกติ
ชุดนักเรียนของเอลริสขาดเล็กน้อยที่ส่วนแขน… และที่นั่นมีรอยแผลขนาดเล็กอยู่
“ท่านเอลริส? แขนนั่น…”
“แขน? แขนของชั้นเป็นอะไรหรือจ๊ะ?”
“เอ่อ…ตรงนั้นมันมีแผล…”
เอลริสมองที่แขนของตัวเองด้วยความสงสัยและสัมผัสมันด้วยมืออีกข้าง
และเมื่อเธอยกมือออก ผิวสีขาวไร้ซึ่งผลทินของเธอก็กลับมาเป็นเช่นเดิม
ในมือนั้นมีด้ายสีแดงอยู่
“อ๊ะ ดูเหมือนจะมีด้ายติดอยู่นั่นล่ะจะ คิดว่าน่าจะหลุดจากชุดตอนที่เราตกลงมา”
“ดะ…ด้าย…”
ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่เส้นด้ายสีแดงติดอยู่ที่แขนของเอลริส
น่าอายจริงๆ
ถ้าแค่คิดอย่างใจเย็น ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเอลริสไม่มีทางได้รับบาดแผลมาตั้งแต่แรก
แต่ถ้าเขาคิดอย่างใจเย็นจริงๆ เขาอาจจะสังเกตได้
ชุดนักเรียนของเวอร์เนลมีสีดำและน้ำเงิน
ชุดนักเรียนของเอเทอร์น่ามีขาวและเขียว
ชุดนักเรียนของเอลริสนั้นเป็นประเภทเดียวกับเอเทอร์น่า
ณ ที่แห่งนี้ ไม่มีชุดใดที่ใช้ผ้าสีแดงอยู่เลย
แล้วด้ายนี้มันจะมาจากที่ไหนล่ะ?
เวอณืเนลยังไม่สังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาดนี้
…ใช่แล้ว “ยัง”…