สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค - ตอนที่ 2 เซนต์(เก๊)เอลริส(1)
ม่าาาย นี่ทำเอาหมดไฟเลยนะเนี่ย
หลังจากที่รู้ว่าชั้นกลายเป็นเซนต์ตัวปลอมเอลริสแทนที่จะเป็นเอเทอร์น่า แรงจูงใจที่เคยมีก็หายหมดเกลี้ยงเลย
จบละ ความฝันนี้จบไปได้ละ
ทุกอย่างแตกสลาย หายวับ บึ้มจนไม่เหลือแม้แต่เศษฝุ่น
ขอยอมแพ้ การแข่งได้จบลงแล้ว อาจารย์อันไซ ผมไม่อยากเล่นบาส[ล้อสแลมดั๊งค์]
เป็นใครไม่เป็น ทำไมต้องเป็นอีนี่วะ ถ้าลองคิดดูตอนนี้ทั้งภายนอกทั้งภายในเริ่มจะเหมาะกันแล้วเนี่ย
ถ้าเมื่อกี๊มีความรู้สึกผิดเล็กๆเพราะคิดว่าได้ควบคุมร่างของเอเทอร์น่าล่ะก็ ตอนนี้ความรู้สึกผิดนั้นไม่มีเหลืออีกแล้ว
เอาจริงๆ เพราะว่านี่เป็นร่างของเอลริส จะเอาไปคืนมันให้โง่สิ
ถ้าจะให้เอลริสเอาร่างกลับไปใช้ทำเรื่องเวรๆ สู้ชั้นฆ่าตัวตายซะน่าจะดีกว่า
แต่…นี่มันความฝันจริงๆเหรอ?
ไม่มีสัญญานบ่งบอกว่าชั้นจะตื่นตอนไหน อาหารเช้าก็อร่อย ยิ่งเวลาผ่านไปชั้นก็เริ่มตระหนักถึงความเป็นจริงได้
“ท่านเอลริส ถึงเวลาบทเรียนแล้วค่ะ”
“อ๊ะ ค่ะ ขอความกรุณาด้วย”
ตอนนี้ก็ต้องทำตัวสงบเสงี่ยม พูดสุภาพกับผู้หญิงที่จะมาสอนชั้นไปก่อน
เป็นการตอบกลับที่คล้ายๆกับสมัยยังทำงานพิเศษอยู่ ถ้าใช้การพูดแบบหยาบๆตามปกติไปล่ะก็คงจะถูกสงสัยแน่
เป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาญี่ปุ่น ขนาดการใช้คำลงท้ายยังคล้ายกันเลย ก็เกมญี่ปุ่นนี่นะ
“….”
ไม่รู้ทำไม คุณป้าถึงอ้าปากค้างมองมาที่ชั้น ทำเหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อ
อะไร? พูดแบบนี้มันแปลกเหรอ?
คุณป้าพูดขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเครือแต่เต็มไปด้วยความสุข
“โออ…ท่านเอลริสกล่าวว่า ขอความกรุณา…ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้ยินท่านพูดแบบนี้”
อา งี้นี่เอง
ว่าไปแล้วเอลริสนี่ใจทรามแถมใช้ชีวิตตามใจอยากมาตั้งแต่เด็กๆเลยสินะ
ใช้ประโยชน์จากการที่เธอเป็นคนเดียวที่สามารถต่อสู้กับแม่มดได้(ถึงจริงๆจะเป็นตัวปลอมก็เถอะ) เธออยากจะพูดอะไรหรือทำอะไรก็ไม่มีใครห้ามเธอได้
มันคงเป็นเรื่องปกติที่จะเธอจะไล่ใครออกถ้าโดนทำให้ไม่พอใจ แถมยิ่งโตไปก็ยิ่งเลวร้ายขึ้น ถึงขนาดส่งผลให้มีคนฆ่าตัวตายเพราะเธอมาแล้ว
มีหนักขนาดจ้างโจรให้ไปจู่โจมผู้หญิงคนอื่นที่เธอไม่ชอบ สั่งให้พวกมันทำเรื่องใจโหดอย่างการข่ม-ืน
นิสัยอย่างเ-ี้ยเลยบอกตรงๆ
เทียบกับอีนี่แล้ว พวกนางร้ายที่เห็นบ่อยๆนี่นางฟ้าชัดๆ
แต่เท่าที่ดูแล้วเธอเพิ่งจะอายุประมาณห้าขวบ ยังไม่ได้ทันได้เริ่มทำอะไรต่ำทรามขนาดนั้น
อย่างมากก็คงระดับแค่เด็กเอาแต่ใจ
เวลาผ่านไป ชั่วโมงเรียนของชั้นก็จบลงแบบง่ายๆ
จะไม่ง่ายได้ยังไงล่ะ ก็โจทย์เด็กประถมนี่นา ทำไม่ได้นี่น่าอายแย่
แล้ว…จะทำยังไงดีต่อล่ะเนี่ย
ตอนแรกก็รู้สึกหดหู่อยู่หรอก แต่มาคิดดีๆ นี่อาจจะเป็นหนทางสู่ฮปปี้เอนดิ้งที่เอเทอร์น่าไม่ตายก็ได้
ในเมื่อเอลริสเป็นสาเหตุที่ทำให้เอเทอร์น่าต้องประสบกับเคราะห์ร้าย และถ้าไม่มีเธอ เอเทอร์น่าก็จะมีความสุขได้ง่ายขึ้น
และในเมื่อตอนนี้ชั้นคือเอลริส ตราบใดที่ชั้นไม่ทำเรื่องชั่วๆ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
แล้วตอนนี้ชั้นก็ยังไม่ทราบว่าสถานการณ์นี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง
นี่อาจเป็นแค่ความฝัน…หรือว่าเป็นการสิงร่างที่เห็นได้บ่อยๆในไลท์โนเวล หรือนี่คือชั้นมาเกิดใหม่เลยโดยมีความทรงจำของชาติที่แล้ว
หรือ”ชั้น”ในตอนนี้จริงๆก็เป็นแค่เอลริสที่ได้ความทรงจำของ”ชั้น”ในชาติก่อนมา อันนี้ก็เป็นไปได้สูง
แต่ไม่ว่าจะแบบไหน เส้นทางที่ชั้นต้องเดินก็ไม่ต่างกัน ชั้นน่ะชอบแฮปปี้เอนดิ้งและเกลียดแบดเอนดิ้ง
เพราะฉะนั้น ชั้นจะเปลี่ยนเนื้อเรื่อง
จะช่วยเวอร์เนลและเอเทอร์น่า เปลี่ยนแปลงฉากจบห่วยๆนั่นซะ
ไม่สิ…ไม่ใช่แค่สองคนนั้น นางเอกคนอื่นๆชั้นก็จะช่วย จะปล่อยให้สาวสวยทั้งหลายพบเจอกับโศกนาฏกรรมได้ยังไงกัน
โชคดีที่เอลริสเป็นอัจฉริยะ ถึงมันจะเลวก็เถอะ
ถึงจะไม่ใช่เซนต์ แต่เธอมีพลังเวทย์มหาศาลกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่า แถมยังเป็นนักดาบชั้นเลิศอีก
เพราะพลังเวทย์ที่สูงแบบนั้น ทำให้เธอถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเซนต์ในสมัยที่ยังเป็นทารก
จริงๆแล้วในบางรูทที่เธอกลายเป็นบอสให้สู้ได้ เธอมักจะออกเลทเกมทำให้มีความยากที่สูง หรือก็คือเธอเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งเลยทีเดียว
และเพราะเธอเป็นศัตรู ทำให้ในเซตติ้งเธอสามารถสู้ได้โดยไม่ต้องกังวลถึงสิ่งใด
ขนาดในออฟฟิเชี่ยลโปรไฟล์ เธอยังถูกเรียกว่า สัตว์ประหลาดมากความสามารถที่เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ
แต่ก็นะ เพราะผยองในตัวเองมากเกินไป สุดท้ายก็จบไม่สวย
ถ้าเป็นเอลริสที่ตั้งใจฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กๆล่ะก็ อาจจะชนะแม่มดได้ก็เป็นได้
ถึงจะบอกว่ามีแค่เซนต์ที่สามารถกำราบแม่มดได้ แต่ชั้นรู้ว่านั่นไม่จริงเลย
ในบางรูทแม่มดก็ถูกกำราบโดยไม่ใช้พลังของเซนต์
เอาล่ะ ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็ได้เวลาลงมือ
ชั้นจะนำโลกนี้ไปสู่แฮปปี้เอนดิ้งให้จงได้
ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถึงแม้ร่างนี้จะแตกสลาย
ก่อนอื่นก็ต้องทุ่มเทให้กับการเรียนรู้และฝึกฝนเวทมนตร์เป็นอย่างแรก
แน่นอนว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างดีกับเหล่าคนรับใช้
ถ้าจะให้เจาะจงก็คือโดยเฉพาะคนรับใช้สาวๆสวยๆ แต่เรื่องนั้นก็ส่วนของเรื่องนั้น
.
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก
รู้ตัวอีกที เก้าปีก็ผ่านไปแล้วตั้งแต่ชั้นกลายเป็นเอลริส(เซนต์ขยะ) ต่อให้โง่แค่ไหนก็คงต้องรู้ตัวแล้วว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
ถ้าเป็นในเกมล่ะก็ เอลริสจะกินและดื่มมากเกินพอดีจนความงามโดยกำเนิดพังทลาย ในทางกลับกัน ชั้นที่ดูแลตัวเองอย่างดีและมีการไดเอทที่สม่ำเสมอ ทำให้ตอนนี้ยังสวยอยู่
อย่างน้อยๆ สเตตัสของร่างกายนี้น่ะเป็นของจริง
เรียนอะไรก็เข้าหัวหมด การฝึกฝนก็ลื่นไหลอย่างไม่น่าเชื่อ
อาจจะพูดช้าไปนิดแต่โลกนี้มีเวทมนตร์ด้วยนะ ก็โลกแฟนตาซีนี่นา
เป็นโลกของดาบและเวทมนตร์ที่เห็นได้ทั่วไป ไม่มีจุดหักมุมแบบแปลกๆผสม
ก็นะ ถ้ายัดอะไรแปลกๆลงไปแล้วทำให้เวิร์ลบิลดิ้งมันแย่ลง งั้นก็เอาแบบเพลนๆมาจะดีกว่า ถ้าของเก่ามันไม่พังก็ไม่ต้องฝืนซ่อม
มีเซตติ้งแบบยุโรปยุคกลางแท้ๆ แต่วิทยาศาสตร์ของโลกนี้ดูเหมือนจะก้าวหน้าพอที่จะสร้างรถจักรไอน้ำซะด้วย แต่อย่างอื่นก็ถือว่าตรงกับเซตติ้งล่ะนะ
ในโลกนี้เวทมนตร์มีอยู่แปดธาตุ ไฟ น้ำ ดิน ลม สายฟ้า น้ำแข็ง แสงและความมืด ชั้นสามารถใช้ได้ทุกธาตุยกเว้นความมืด ในจำนวนนี้ชั้นถนัดเวทย์ธาตุแสงที่สุด
เป็นเซนต์ตัวปลอมแท้ๆ ดันถนัดเวทมนตร์ธาตุที่สมกับเป็นเซนต์ของจริงซะได้ น่าตลกเป็นบ้า
จริงๆแล้วในโลกนี้มีเพียงเซนต์และแม่มดเท่านั้นที่สามารถใช้เวทมนตร์ธาตุความมืดได้ ฉะนั้นจึงมีแค่สองตำแหน่งนั้นที่สามารถใช้งานเวทย์ได้ทุกธาตุจริงๆ
พูดๆไป เอลริสนี่มีพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาดจริงๆนะเนี่ย
ถ้าอยากจะทำจริงๆล่ะก็ ชั้นสามารถสร้างเทคโนโลยีชั้นสูงจากชาติที่แล้วได้ด้วยเวทมนตร์ง่ายๆเลย
ลำแสงเลเซอร์บีมตกจากฟ้า? ทำได้อยู่แล้ว
บินไปมาอย่างอิสระเหมือนนก? นั่นก็ทำได้
อะไรนะ ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถงอกแขนขาที่โดนตัดไปแล้วได้เรอะ? ดูนี่นะ เป๊าะ! แขนขางอก แข็งแรงกว่าเก่า แค่เนี้ย จบปิ๊ง
อย่างกับมีสูตรโกงเลยพับผ่า
ตอนแรกก็นึกว่าจะพยายามได้ไม่นาน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอีกแล้ว
โลกนี้น่ะ โคตรน่าเบื่อเลย
มันแทบไม่มีอะไรให้ทำเลยนอกจากฝึกดาบและเวทมนตร์
เพราะงั้นขนาดหมดคาบเรียนไปแล้ว ชั้นก็ยังฝึกต่อ ก็มันไม่มีอะไรอื่นให้ทำอ่ะ
พวกอาจารย์ทั้งหลายก็ถามว่า “ทำไมถึงต้องพยายามถึงขนาดนั้นด้วย แค่ดูแลตัวเองให้ดีก็เกินพอแล้ว” ก็ไม่อยากจะตอบไปตรงๆ เลยพูดแถๆไปว่า “ในอดีตชั้นเคยปฏิบัติตัวไม่ดีต่อคนอื่นๆ ตอนนี้เลยอยากจะตั้งใจฝึกฝน เพื่อจะทำให้ความหวังของทุกคนสัมฤทธิ์ผล ชั้นน่ะรักตัวเองมามากพอแล้ว ฉะนั้นก็ขอให้ฉันได้รักพวกคุณตั้งแต่นี้เป็นต้นไป(ชูหมัด)”
อาจารย์ซึ้งจนร้องไห้เลย(555)
แล้วเร็วๆนี้ชั้นก็ได้ออกไปผจญภัยล่ามอนสเตอร์
ยะฮู้! ล่ามอนสเตอร์สนุกจังเลย!
ตอนแรกนี่ก็กังวลอยู่ว่าพวกเรียจูระดับชั้นจะสามารถสู้ได้รึเปล่า แต่เทียบกันแล้วเอลริสนี่แข็งแรงกว่าตัวชั้นในโลกเก่าอย่างเทียบไม่ติดเลย หรือว่าเราไม่ควรดูถูกเอลริสกันนะ?
กระทืบพวกอ่อนแอตายคาตีนเท่าไหร่ก็ได้ด้วยพลังมหาศาลที่มี เป็นความสุขในชีวิตชัดๆ
เหมือนกับที่จอมมารตนหนึ่งเคยกล่าวไว้ เมาสุราใดไม่เท่ามัวเมาในพลัง เห็นด้วยมากๆ[จอมมารเวิร์นจากไดตะลุยแดนเวทมนตร์]
รู้แหละว่าเป็นเรื่องไม่ดี แต่การล่าพวกกระจอกนี่มันส์ฉิบเป๋งเลย
ไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดอย่างภาคภูมิใจ…แต่ชั้นน่ะเป็นประเภทที่ยิ่งได้รังแกคนที่อ่อนแอกว่าก็จะยิ่งได้ใจ แต่มันมีคำกล่าวอยู่นี่ “คนแปลกจะไม่รู้ว่าตัวเองแปลก” ฉะนั้นชั้นที่รู้ว่าตัวเองแปลกจึงไม่ใช่คนแปลกไงล่ะ เป็นคนเจ๋งต่างหาก
ต้องขอโทษพวกมอนสเตอร์ด้วยนะ โทษที มอนสเตอร์ ยกโทษให้ด้วย อ่ะ ขอโทษและ เอากระสุนเวทย์ไปแดก!
เตะพวกมอนสเตอร์กลิ้งเป็นลูกขนุนด้วยเวทมนตร์…อา ช่างรู้สึกดีอะไรขนาดนี้…
นี่ล่ะวิธีระบายความครียดชั้นหนึ่ง
ทำแบบนี้ไปนานๆเข้าก็มีคนถาม “ทำไมถึงทำแต่อะไรแบบนี้?” ก็เลยตอบไปลวกๆ “ชั้นเองก็เศร้าที่ต้องทำแบบนี้ แต่มันเเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจะปกป้องทุกคน(ชูหมัด)”
พวกทหารซึ้งจนร้องไห้เลย(555)
และเผื่อถึงเวลาที่ชั้นจะต้องคืนตำแหน่งเซนต์ให้เอเทอร์น่า จึงจำเป็นจะต้องสร้างชื่อเสียงและผลงานของตำแหน่งเซนต์ให้มากเท่าที่จะมากได้
ชั้นเป็นตัวปลอมของเซนต์ตัวปลอมเอลริส เรียกได้ว่าเป็นตัวปลอมซ้ำซ้อน ไม่มีอะไรจริงอยู่เลย!
ในตอนจบ ถ้าชั้นคืนตำแหน่งให้กับเอเทอร์น่า สิ่งที่รอชั้นอยู่คงไม่พ้นโทษประหารแน่ๆ
เป็นเรื่องดีแล้วล่ะ ถือว่าชดใช้กับเนื้อเรื่องในเกมที่เอเทอร์น่าต้องรับผลกระทบจากชื่อเสียที่เซนต์ตัวปลอมสร้างไว้
ในทางกลับกัน ถ้าชั้นสร้างชื่อเสียงที่ดีไว้ให้เยอะๆ ตอนเซนต์ตัวจริงกลับมาก็จะได้อานิสงค์ไปด้วย
หรือพูดง่ายๆ งานการกุศลไงล่ะ
ก็อยากจะใช้ความรู้ยุคสมัยใหม่ของชาติก่อนมาช่วยอ่ะนะ แต่น่าเสียดายที่ชั้นมันโง่ ของแบบนั้นน่ะไม่มีหรอก ที่ทำได้ก็แค่เดินทางไปหลากหลายเมืองหรือหมู่บ้าน แล้วก็ใช้เวทย์รักษาฮีลคนป่วยหรือคนเจ็บทุกคนที่เห็น
มาเป็นหนูลองยาซะ! เอาไปกิน เวทย์รักษา!
หืมม…นั่นมัน…
โอ้ เด็กคนนี้น่ารักแฮะ ตรงสเป็คเลย
แต่เธอมีแผลเป็นบนหน้าด้วย น่าสงสารจัง
เพราะฉะนั้น…ไปเลน เวทย์รักษา! ทีนี้ก็ตกหลุมรักชั้นซะ
แล้วก็โดนถามอีกละ “ทำไมถึงทำแบบนี้” ก็เลยตอบส่งๆไปว่า “อย่างน้อยก็อยากจะช่วยคนเท่าที่ทำได้ อ๊ะ ของรางวัลขอเป็นรอยยิ้มแล้วกันนะจ๊ะ(ชูหมัด)”
เด็กคนนั้นซึ้งจนร้องไห้เลย(555)
หลังจากนั้นชั้นก็ได้เจอกับตัวเอก เวอร์เนลคุง
เนื้อเรื่องจะเริ่มขึ้นตอนที่เวอร์เนล เอเทอร์น่า และเอลริสอายุได้ 17 ปี
ก่อนหน้านั้นมันจะมีอีเวนต์เล็กๆเกิดขึ้นกับเวอร์เนลในช่วงเวลาแถวๆนี้
เป็นแค่ฉากแฟลชแบ็คในเกมก็จริง แต่เวอร์เนลถูกเศษเสี้ยววิญญาณของแม่มดฝังอยู่ในร่างกายโดยอุบัติเหตุ ทำให้เขาสามารถใช้พลังความมืด(หัวเราะ)ได้
และในตอนที่เขาอายุ 14 ปี พลังความมืด(หัวเราะ)ในตัวเขาก็ถูกปลุกขึ้น แล้วเริ่มออกอาละวาด
คุ…ทุกคนถอยไป! สงบลงสิ…พลังความมืดที่ผนึกอยู่ในแขนขวาของข้า!
และแล้วบุตรชายของขุนนางบ้านนอกอย่างเวอร์เนลก็ถูกขับไล่ออกจากตระกูล ได้แต่เพียงคิดว่าตัวเองนั้นถูกปฏิเสธและเป็นคนที่ไร้ค่า
หลังจากเร่ร่อนอยู่พักหนึ่งเขาก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านของเอเทอร์น่าและได้พบกับเธอ แต่ด้วยความกลัวว่าจะทำร้ายคนอื่นที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก ทำให้เขาต้องพยายามสะกดพลังของตัวเองไว้
ซึ่งก็ถือว่าโชคร้าย เพราะถ้าเวอร์เนลใช้พลังความมืด(หัวเราะ)ตั้งแต่ต้นล่ะก็ เนื้อเรื่องเกมก็จะสั้นลงอย่างมาก และเดธแฟล็กส่วนใหญ่ของเหล่านางเอกก็จะถูกหักทิ้งตั้งแต่ต้นเรื่อง กว่าเขาจะก้าวข้ามความกลัวและกล้าที่จะใช้พลังของตัวเองได้ ก็ทำเอาผู้เล่นหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยเลย
ยังไงก็ตาม พลังความมืด(หัวเราะ)ในตัวของเวอร์เนลนี่แหละที่เป็นกุญแจสำคัญให้แม่มดสามารถถูกกำราบได้โดยไม่ใช้พลังของเซนต์
ก็มันพลังของแม้มดเองน่ะนะ จะตัดผ่านการป้องกันของเธอไปได้ก็ปกติ
มาเตรียมพร้อมดักรอเวอร์เนลอยู่บนเส้นทางจากหมู่บ้านที่ขับไล่เขาออกมา ชั้นต้องมาคอยปลอบและให้กำลังใจ(แบบส่งๆ)ตัวเอกคุงที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง คอยนั่งฟังแกบ่นเรื่องที่ตัวเองช่างไร้ค่าไร้ความหมาย บลาบลาบลา
พอทำแบบนั้น เวอร์เนลคุงก็พูดประมาณว่า “ผมจะไม่มีวันได้เจอกับแฮปปี้เอนดิ้งสินะ?” ราวกับว่าเขาเดาตอนจบของเกมได้เลย ทำให้ชั้นน้ำตาไหลพอคิดถึงฉากจบสุดรันทดนั่น แววว่…
ถึงจะไม่อยากกอดผู้ชายก็เถอะ แต่สถานการณ์แบบนี้ก็คงช่วยไม่ได้ มารับอ้อมกอดของสาวสวย(เฉพาะภายนอก)ไปสิ จากนั้นชั้นก็ตอบไปประมาณว่า “ถ้าอย่างนั้น ชั้นจะทำให้เธอได้พบกับแฮปปี้เอนดิ้งอันสุดแสนวิเศษให้ได้เลย”
ถ้าคิดซะว่านี่เป็นการทักทายแบบชาวตะวันตก ดาเมจทางด้านจิตใจก็จะน้อยลงมาก
เอ้า ดีใจซะสิที่ถูกกอดจากสาวน้อยน่ารักน่ะ! ถึงข้างในจะเป็นเศษสวะก็เถอะ
เวอร์เนลคุงซึ้งจนร้องไห้เลย(555)
ในช่วงที่คุยกันอยู่นี้ ชั้นก็ดูดเอาพลังความมืด(หัวเราะ)ที่เวอร์เนลคุงควบคุมไม่ได้มา เท่านี้ก็สู้แม่มดได้แล้ว นี่ชั้นจะกลายเป็นมหาเทพนักเวทย์ยิ่งไปกว่านี้อีกได้มั้ยเนี่ย!?!
เออ แต่เพราะชั้นไม่ใช่ทั้งเซนต์หรือแม่มด พอทำแบบนี้แล้ว อายุขัยก็ลดลงฮวบๆเลย แต่รู้อะไรมั้ย ยิ่งชีวิตของสวะตัวนี้สั้นลงเท่าไหร่ ชั้นก็ยิ่งเข้าใกล้แฮปปี้เอนดิ้งขึ้นเท่านั้น คุ้มสุดๆ
ยะฮู้! ยะฮู้!
ที่เวอร์เนลคุงไม่เป็นอะไรก็คงเป็นเพราะพลังตัวเอกล่ะมั้งนะ ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ
เห็นว่าจริงๆเป็นเพราะว่าบรรพบุรุษของเวอร์เนลมีความเกี่ยวข้องกับแม่มดทำให้เค้ามีภูมิคุ้มกัน อะไรประมาณนี้มั้ง? เหมือนเคยเห็นโปรไฟล์แว้บๆ
อ๊ะ แทนที่จะให้ของรางวัลเป็นเครื่องราง ชั้นให้จี้ห้อยคอที่ชั้นสร้างไป
จริงๆคนสร้างคือช่างฝีมือในปราสาทน่ะนะ ที่ชั้นทำก็แค่ลงอาคมไว้เฉยๆ
อาคมที่ใส่ไว้จะส่งผนึกพลังของเขาให้ใช้ได้แค่บางส่วน ปกปิดกลิ่นอาย ป้องกันการอาละวาด และยังทำให้การควบคุมดีขึ้นด้วย
เพราะว่าแม่มดจะตามกลิ่นอายของพลังที่ไหลออกมาจากเวอร์เนลโดยไม่รู้ตัวมาจนถึงหมู่บ้าน แล้วก็ส่งลูกสมุนมาตามรังความอยู่ตลอด ก็ต้องเอาให้แน่ใจว่าเรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้น
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ชั้นจะฝังความหวัง ความแค้น และแรงใจทั้งหมดลงไปในคำอวยพรนี้
นายต้องทำให้เอเทอร์น่ามีความสุขให้ได้นะ! อย่าลืมนะ รูทเอเทอร์น่านะเว้ย!
ชั้นอยากจะเห็นแฮปปี้เอนดิ้ง!