สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค - ตอนที่ 21 ผู้สมรู้ร่วมคิด
หลังจากที่ใช้พวกปีศาจเป็นกระสอบทรายจนหนำใจแล้ว ชั้นก็กะจะลอบกลับเข้าห้องแล้วทำเหมือนว่าไม่เคยออกมา
ถ้าโดนเลย์ล่าเจอเข้าให้ว่าออกไปอาละวาดข้างนอกโดยไม่บอกเธอก่อน มีหวังโดนบ่นจนหูชาแหงๆ
ชั้นเป็นพวกที่ชอบดุด่าว่ากล่าวคนอื่นนะ แต่ไม่อยากโดนกับตัวเองเลย โดยเฉพาะตอนที่รู้อยู่แก่ใจว่าคนที่ด่ามันพูดถูกแล้ว
ก็คือชอบอยู่ในจุดที่ได้เปรียบน่ะ เข้าใจมั้ย
ตูน่ะอยู่จุดสูงสุด! พวกที่เหลือน่ะก็แค่ขี้ข้า!
“ท่านเอลริส…?”
หวะ?! โดนเจอตัวเข้าแล้ว???
ชะ-ช้าก่อนสต๊อกโกะ! เอาเป็นว่าใจเย็นก่อนแล้วค่อยๆคุยกันดีกว่านะ ไม่ได้หนีไปอาละวาดซักหน่อยนึง! แค่ออกมาเดินเล่นเอง!
ชั้นหันกลับไปปฏิเสธด้วยความตื่นตระหนก แต่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่เลย์ล่า เป็นเวอร์เนลแทน
โอ้ นายเองเหรอ อย่าทำให้ตกใจแบบนี้ดิ
“ทำอะไรอยู่เหรอครับ? ท่านทำอย่างกับแอบใครอยู่เลย…หรือว่าเป็นเลย์ล่าซัง?”
ถูกเผง
ไอ้หมอนี่จริงๆแล้วฉลาดกว่าที่ตาเห็นนะเนี่ย?
จะว่าไป ทำไมแกถึงมาเพ่นพ่านอยู่ในสถาบันตอนกลางค่ำแบบนี้ล่ะ? นี่มันหยุดฤดูร้อนแล้วนา
ส่วนชั้นน่ะอาศัยอยู่ที่นี่ ก็เลยถือว่าอยู่ได้
โรงเรียนนี้มีอยู่ห้าชั้น แต่ชั้นที่ห้ามีสำหรับรับแขกผู้มีเกียรติเท่านั้น เป็นส่วนที่หรูหราเอาไว้รับรองคนใหญ่คนโตอย่างเช่นราชาจากประเทศต่างๆตอนที่เดินทางมาที่นี่ ห้องส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้ใช้งานในยามปกติ
ชั้นก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าต้องไปพักอยู่ในหอพักหญิงแทน เอาจริงๆอยากได้แบบนั้นมากกว่าด้วยซ้ำ แต่แน่นอนว่าถูกปฏิเสธเลยต้องมาอยู่ชั้นนี้แทน
เลย์ล่าที่เป็นองครักษ์จะยืนประจำการอยู่หน้าห้อง ถึงจริงๆเธอจะไม่เคยเข้ามาในห้องเลยก็เถอะ
ส่วนพวกองครักษ์จะมีห้องของตัวเองอยู่ที่ชั้นล่าง
จริงๆแล้วไม่ต้องยืนกันประตูอยู่ตลอดก็ได้นะ ไปเดินเล่นบ้างก็ได้ แต่ไม่ว่าจะบอกเธอไปกี่ครั้งก็ดดนตอบว่า ไม่! ตลอดเลย
พอแล้ว…ไปนอนซะ…ไปนอน…!
ชั้นต้องผ่านเลย์ล่าที่ยืนจังก้าอยู่ตรงนั้นเข้าห้องไปให้ได้
ตอนแอบออกมาน่ะมันง่ายๆ ยังไงเลย์ล่าก็เป็นมนุษย์ จะให้เธออยู่ตรงนั้นตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก
ชั้นก็เลยแอบหนีออกมาได้ตอนที่เธอไปพักผ่อนอยู่
เพราะว่าเลย์ล่าเป็นองครักษ์เพียงคนเดียวที่ชั้นพามาด้วย นักเรียนที่มีผลการเรียนดีคนอื่นๆก็จะมารับหน้าที่เฝ้าระวังให้ในช่วงที่เธอไปพัก
ความจริงแล้วชั้นต้องพาองครักษ์มาด้วยมากกว่านี้ แต่ชั้นก็บอกไปว่าไม่จำเป็น
อัศวินคือกำลังรบอันทรงคุณค่าในโลกนี้ จะส่งมาปกป้องคนคนเดียวให้เปลืองทำไม
เอลริสคนเก่ายกอัศวินมาด้วยทั้งโขยง ทำให้หลายที่มีกำลังป้องกันลดลง
ตั้งแต่แรกแล้วองครักษ์น่ะไม่จำเป็นสำหรับชั้นอยู่แล้ว แถมที่นี่ก็เป็นสถาบันฝึกสอนอัศวิน ถึงจะยังไม่โตเต็มที่ แต่พวกนักเรียนที่นี่น่ะก็ยังเป็นกำลังรบได้ โรงเรียนนี้เลยปลอดภัยซะยิ่งกว่าที่ปราสาทอีก
ถึงอย่างนั้นเลย์ล่าก็ไม่ยอมโดนทิ้งไว้ เลยต้องพามาด้วย…ก็นะ คนเราจะให้ยืนที่เดิมทั้งวันก็คงไม่ไหว เลยต้องสลับทำหน้าที่กับพวกนักเรียนแทน
ชั้นเลยแอบออกมาได้ตอนที่เธอไม่อยู่
ก็ไม่ใช่ว่าพวกนักเรียนที่มาแทนอู้งานอะไรหรอก แต่พวกนี้น่ะถ้าเทียบกับเลย์ล่าแล้วก็ยังอ่อนเกินไป
อย่างแรกเลยพวกเขาหันหลังให้กับประตู
แน่นอนว่าถ้าคนที่ถูกเฝ้าอยู่ในห้อง คนที่เฝ้าก็ต้องมองทางฝั่งตรงข้าม
จะให้มายืนจ้องประตูหันหลังให้ทางเดินมันก็ดูจะแปลกเกินไป
ด้วยเวทย์ลม ทำให้ชั้นสามารถแอบออกมาได้โดยไม่มีเสียงประตูเปิดปิด
ถ้าเป็นเลย์ล่าก็จะรู้ตัวไปแล้ว ทั้งที่ไม่มีกระทั่วแรงสั่นเพราะใช้เวทมนตร์ปิดไว้แล้วแท้ๆ ก็ยังจะรู้อีกว่าชั้นอยู่ตรงนั้น
ชั้นใช้เวทย์แสงทำให้ตัวเองล่องหน ถ้าไม่ไปชนกับยามเข้าก็ไม่โดนจับได้หรอก
ชั้นร่ายเวทย์”ตอบกลับอัตโนมัติ”ไว้ที่ประตู ถ้าสมมติว่าเลย์ล่าถามประมาณว่า”ยังอยู่รึเปล่า” ก็จะตอบไปโดยอัตโนมัติว่า “อยู่ค่า” โดยใช้เสียงของชั้นเอง
ถ้าไม่มีเหตุฉุกเฉิน องครักษ์ก็จะไม่สามารถเข้าห้องเจ้านายโดยไม่ได้รับอณุญาตได้
แต่ตอนขากลับนี่สิลำบาก เพราะเลย์ล่ากลับมาประจำการที่หน้าประตูแล้ว ทำให้แอบเข้าไปได้ยาก
อีกเรื่องคือการจะแอบเข้าทางหน้าต่างนั้นเป็นไปไม่ได้
เพราะว่าหน้าต่างของที่นี่เป็นแบบที่ไม่สามารถเปิดได้ถ้าไม่พังมันทิ้งไงล่ะ
ไม่อย่างนั้นชั้นคงหนีเข้าหนีออกทางหน้าต่างไปแล้ว
ช่างชั้นก่อนเถอะ นายมาทำไรที่นี่ล่ะเวอร์เนล?
“ผมเพิ่งกลับมาจากการนำหนังสือไปคืนที่ห้องสมุดน่ะครับ”
เหหห เป็นคำตอบที่สมเป็นเด็กนักเรียนนะเนี่ย
ก็นะ ได้ยินว่ามีการบ้านปิดเทอมด้วนี่ เพราะอย่างนั้นห้องสมุดก็น่าจะเปิดในช่วงวันหยุดให้เด็กมายืมหนังสือไปอ่านกัน
“แล้วท่านเอลริสล่ะครับ?”
กิคุ!
ชั้นก็…แบบว่า นะ
ประมาณว่าเดินเล่นล่ะมั้ง?
มันก็มีบ้างใช่มั้ยล่ะตอนที่อยากออกมาเดินเล่นคนเดียวน่ะ ใช่มะ? ใช่มะ?
ตอนนี้ก็เลยคิดอยู่ว่าจะแอบเข้าห้องยังไงไม่ให้เลย์ล่าเห็น
พอบอกไปแบบนั้น เวอร์เนลก็เสนอความช่วยเหลือที่คาดไม่ถึงมาให้
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมช่วยไหมครับ? แค่คอยดึงดูดความสนใจเลย์ล่าซังก็พอแล้วใช่มั้ยครับ?”
โอ้ว จริงดิ! ช่วยได้เยอะเลย! เอ็งนี่คนดีนะเนี่ย!
สมกัยเป็นพระเอก!
เมื่อคิดแผนได้แล้ว ก็เลตส์โกไปดึงดูดความสนใจเธอซะ
ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงเลย์ล่าจะดูพึ่งพาได้แบบนั้น เธอก็ยังเป็นสต๊อกโกะอยู่วันยังค่ำ
โดนจับได้อ่ะ
สุดท้ายก็ชั้นกับเวอร์เนลก็โดนจับได้แล้วก็โดนดุทั้งคู่
ชิ เวลาแบบนี้ล่ะทำตัวเป็นเลย์ล่าไปได้ เป็นแค่สต๊อกโกะแท้ๆ
แผนที่วางไว้น่ะไม่เลวหรอก
เวอร์เนลจะทำทีไปชวนเลย์ล่าคุยเพื่อดึงเธอออกห่างจากเวอร์เนล ส่วนชั้นก็แอบเข้าห้องไปในจังหวะนั้น
เป็นแผนที่สมบูรณ์แบบ ติดอย่างเดียวคือมันเป็นไปไม่ได้
…ก็คือว่า ชั้นห้าเนี่ยมันถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่ส่วนตัวของชั้นไปเรียบร้อยแล้ว ถ้านักเรียนธรรมดาอย่างเวอร์เนลจู่ๆมาที่นี่ก็จะกลายเป็นคนน่าสงสัยไปโดยปริยาย
ถ้าเป็นเลย์ล่าเวอร์ชั้นเกมก็จะการป้องกันต่ำกว่านี้มากน่ะนะ
สมัยที่เป็นเกมเอลริส(ตัวจริง)ก็มักจะมาเยี่ยมที่โรงเรียนนี้ แล้วก็พักอยู่ที่ชั้นห้าเหมือนกับตัวชั้น
เลย์ล่าก็ทำหน้าที่อารักขาเอลริส(ตัวจริง)เหมือนกัน…ถ้าเป็นในเกมเวอร์เนลจะสามารถมาคุยกับเลย์ล่าที่ชั้นนี้ได้เพื่อเพิ่มค่าความชอบ
ถ้าปล่อยไว้เวอร์เนลจะโดนเลย์ล่าอัดเพราะนึกว่าเป็นผู้บุกรุก ชั้นเลยช่วยไม่ได้ต้องเปิดเผยตัวออกมา เวอร์เนลเลยรอดจากการเป็นอาชญากรไป ถึงจะยังโดนด่าเป็นเพื่อนชั้นก็เถอะ
โทษนะเวอร์เนล…ทำให้โดนลูกหลงไปซะได้ โทษทีละกัน
แต่ก็นะ
ได้เล่นอะไรโง่ๆแบบนี้กับเพื่อนทำให้รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กเลย สนุกอยู่เหมือนกัน
ตอนเด็กๆชั้นเนี่ยทำอะไรบ้าๆกับเพื่อนแถวบ้านไว้เยอะเลยล่ะ
มิตรภาพงี่เง่าระหว่างลูกผู้ชายนี่ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ
…มาคิดดูดีๆ นี่ชั้นกลายเป็นพวกโดดเดี่ยวไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?
ตอนเด็กๆยังมีเพื่ออยู่เลยแท้ๆ สงสัยโตขึ้นมาคนรอบข้างเลยเริ่มรู้ตัวว่าชั้นเป็นคนแปลกแค่ไหน…เอาเหอะ
ขอบใจนะเวอร์เนล สนุกมากเลยล่ะ
คราวหน้าก็มาเล่นอะไรที่จะไม่โดนจับได้…หมายถึงทำแล้วไม่โดนดุด้วยกันเถอะ
อ๊ะ ใช้คำลงท้ายที่ดูเป็นกันเองกว่านี้หน่อยก็ไม่เป็นไรมั้ง
ปกติก็เรียกแบบนี้ในใจแหละ แต่ตอนพูดนี่ชั้นจะเรียกเขาว่า เวอร์เนลซัง ตลอดเลย ตั้งแต่นี้ไปนายคือ เวอร์เนลคุง แล้วกันนะ
คราวหน้าเอาใหม่นะ เวอร์เนลคุง
.
—สำหรับเวอร์เนลแล้ว นี่เป็นความบังเอิญที่น่ายินดี
ด้วยความที่เป็นนักเรียนของสถาบัน ถึงแม้จะเป็นช่วงวันหยุดก็มีงานที่ได้รับมอบหมายจำนวนมาก
วิถีอัศวิน ชื่อของเซนต์ทุกคนในอดีตและวีรกรรมของพวกเธอ ประวัติศาสตร์โลก…ส่วนมากก็เกี่ยวข้องกับพวกแม่มด บันทึกสงคราม พวกเรื่องในอดีตทั้งหลาย
แล้วก็ยังมีวรรณกรรม คณิตศาสตร์ มารยาททั่วไป การเอสคอร์ทสุภาพสตรี มารยาทบนโต๊ะอาหาร ความรู้ในฐานะคนรับใช้
นักเรียนทุกคนต้องเรียนเรื่องพวกนี้ทั้งหมด
ถ้าอยากจะเป็นอัศวิน แค่พลังน่ะไม่เพียงพอหรอก ต้องมีความรู้พวกนี้ด้วย
อัศวินน่ะไม่ใช่แค่ต่อสู้ หน้าที่ของพวกเขาคือคุ้มกันและให้การช่วยเหลือเซนต์
อัศวินของเซนต์น่ะต้องมีความสามารถยิ่งกว่าพวกที่ทำงานรับใช้ราชา นักเรียนจึงต้องเรียนรู้และสามารถใช้งานจริงเรื่องพวกนี้ได้ภายใน 3 ปี
และที่สำคัญที่สุด ก็คือความต้องการที่จะพัฒนาตัวเองของนักเรียน
วันหยุดฤดูร้อนไม่ได้มีไว้ให้นักเรียนพักผ่อน
ถ้าเอาแต่พัก ยังไงก็ไม่มีทางได้รับตำแหน่งอัศวินไปครอง
อัศวินคือผู้ปกป้องเซนต์ บุคคลที่สำคัญที่สุดสำหรับมนุษยชาติ
จะมาทำตัวเอื่อยเฉื่อยไม่ได้ ถ้าไม่ระวังตัว เซนต์อาจถูกแม่มดหรือปีศาจลอบสังหาร เรื่องพรรค์นั้นไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้โดยเด็ดขาด
ถ้ามันเกิดขึ้น ก็จะเป็นเหมือนสองยุคก่อนเอลริส…เพราะเซนต์ของยุคสมัยนั้นตาย ทำให้ยุคมืดของมนุษยชาติยาวขึ้นอย่างที่ไม่ควร
จะมาทำตัวสบายๆเพราะว่าเป็นวันหยุดฤดูร้อนไม่ได้เด็ดขาด…คนแบบนั้นไม่ควรเก็บไว้ในสถาบัน
ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงนั้นเป็นเรื่องสำคัญ หากไม่สามารถส่งงานได้ภายในกำหนดก็จะถูกไล่ออกทันที
เอาเวลาว่างไปทำอะไร หรือพยายามแค่ไหนเพื่อที่จะอยู่เหนือกว่าคนอื่น ทางสถาบันจะจับตาดูเรื่องเหล่านี้อย่างใกล้ชิด
แต่เวอร์เนลไม่รู้เรื่องพวกนั้นหรอก เขาเพียงแค่ต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องเซนต์ เรื่องอื่นจะยังไงก็ช่าง
อย่างไรเสีย คนที่เขาไล่ตามอยู่นั้นคือเอลริส เซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
เช่นนั้นแล้ว แค่ความพยายามในระดับธรรมดาไม่มีทางส่งเขาให้ไปอยู่เคียงข้างเธอได้
เพราะอย่างนั้นเขาจึงยืมหนังสือที่จำเป็นมาจากห้องสมุดใหมากที่สุด และตะลุยทำการบ้านทุกอย่างให้เสร็จภายในวันแรกของวันหยุด
เขาอยากจะใช้วันหยุดที่เหลือฝึกฝนให้ได้มากที่สุด
หลังจากที่นำหนังสือไปคืนที่ห้องสมุดแล้ว ในตอนที่เขากำลังจะกลับหอพักไปฝึกต่อ… เขาก็พบกับเอลริสกำลังทำตัวลับๆล่อๆ
“ท่านเอลริส…?”
“ฟุอ๊าา?!”
เมื่อถูกเขาเรียกขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เธอตกใจมากจนส่งเสียงร้องน่ารักที่ปกติจะไม่เคยได้ยินออกมา
ส่วนมากแล้วเธอจะดูสงบอยู่ตลอด ด้านนี้ของเซนต์จึงดูแปลกใหม่สำหรับเขา
เพราะได้มองไปยังสีหน้าของเธอที่คนส่วนมากไม่มีทางจะเคยเห็น เวอร์เนลจึงรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นอยู่เล็กน้อย
“อะ-อ๊า เวอร์เนลซังนี่เอง ตกใจหมดเลยค่ะ…”
“ทำอะไรอยู่เหรอครับ? ท่านทำอย่างกับแอบใครอยู่เลย…หรือว่าเป็นเลย์ล่าซัง?”
เอลริสเกร็งขึ้นเมื่อได้ยินเวอร์เนลถามอย่างนั้น ดูเหมือนเขาจะเดาถูก
ในระหว่างที่คิดว่าจะเปลี่ยนเรื่องอย่างไรดี เอลริสก็ถามกลับมาที่เขา
“แล้วทำไมเวอร์เนลซังถึงมาอยู่ที่นี่หรือคะ?”
“ผมเพิ่งกลับมาจากการนำหนังสือไปคืนที่ห้องสมุดน่ะครับ แล้วท่านเอลริสล่ะครับ?”
“ชั้นออกมา…เดินเล่นน่ะค่ะ นานๆทีก็รู้สึกว่าอยากจะออกมาเดินคนเดียวบ้าง อะไรแบบนั้น…ตอนนี้ก็เลยคิดอยู่ว่าควรจะทำอย่างไรดีให้กลับไปได้โดยไม่ถูกเลย์ล่าจับได้…เพราะว่าชั้นแอบออกมาตอนที่เธอไปพักผ่อนน่ะค่ะ
เอลริสตอบคำถามของเวอร์เนลพร้อมกับหลบสายตา
เธอมักจะมีองครักษ์คอยตามติดเธอไปทุกที่ตลอดเวลา
เป็นเรื่องปกติเมื่อลองคิดว่าเธอเป็นคนที่สำคัญแค่ไหน แต่ก็คงทำให้รู้สึกอึดอัดบ้างในบางครั้ง
ถึงแม้เธอจะเป็นเซนต์ ก็ยังมีด้านแบบนี้เหมือนกัน
เธอมักจะให้ความรู้สึกว่าอยู่ห่างไกลเหลือเกิน ในตอนนี้เขาได้เห็นแล้วว่าเธอเองก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน เขายินดีที่ทำให้รู้สึกได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมช่วยไหมครับ? แค่คอยดึงดูดความสนใจเลย์ล่าซังก็พอแล้วใช่มั้ยครับ?”
“เอ๋? จะดีเหรอคะ? …ไม่รู้จะลำบากคุณหรือเปล่า บางครั้งเลย์ล่าก็จริงจังเกินไปสำหรับเรื่องแบบนี้…”
“ไม่ต้องห่วงครับ ไม่ลำบากเลย นี่เป็นหน้าที่ของอัศวินอยู่แล้วในการให้ความช่วยเหลือเซนต์เมื่อเธอต้องการ…ถึงผมจะยังเป็นแค่เด็กฝึกหัดก็เถอะ”
ทั้งสองคนเดินอย่างระมัดระวังจนมาถึงชั้นที่ห้า
หยุดอยู่ห่างจากห้องรับรองแขกไปไม่เท่าไหร่ เลย์ล่ายืนคุ้มกันอยู่หน้าประตูห้องด้วยท่าทีขึงขัง
เลย์ล่า สกอตต์…เธอเป็นคนที่เวอร์เนลนับถือ ในความหมายที่แตกต่างจากเอลริส
ตำแหน่งที่เลย์ล่าถือครองอยู่ในตอนนี้ เป็นตำแหน่งที่ทุกคนที่เคารพรักเอลริสตั้งเป้าไว้
เธอคือคนที่สนิทและใกล้ชิดเซนต์ที่สุด ตำแหน่งสูงสุดในฐานะอัศวิน
เวอร์เนลนับถือเลย์ล่า แต่ก็อิจฉาเธอเช่นกัน
ตำแหน่งที่เธอถือครองอยู่คือตำแหน่งที่เขาวาดฝันไว้
ถึงอย่างนั้นนั่นก็เป็นแค่อนาคต เขาในตอนนี้นั้นเป็นเพียงนักเรียนธรรมดา
สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือการส่งท่านเอลริสกลับห้องที่มีอัศวินที่แข็งแกร่งผู้นั้นคอยคุ้มกันอยู่
“ท่านเอลริส ผมจะดึงดูดความสนใจของเธอเอาไว้นะครับ ในระหว่างนั้น…”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ในตอนที่เธอฟังคำแนะนำของเวอร์เนล เอลริสก็หลุดขำออกมาเบาๆ
“ท่านเอลริส?”
“อ๊ะ ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่น่าสนุกน่ะค่ะ ได้ทำแบบนี้ด้วยกัน ทำให้รู้สึกเหมือนกับเด็กๆเลย ถ้าชั้นมีเพื่อนล่ะก็ อาจจะได้เล่นสนุกด้วยกันแบบนี้ก็ได้”
นั่นเป็นรอยยิ้มที่สมวัยของเด็กสาว แตกต่างจากรอยยิ้มที่ราวกับเทพธิดาซึ่งได้เห็นประจำ
เวอร์เนลรีบหันหน้ากลับไปมองตรง
…อันตรายจริงๆ
เขาเกือบลืมที่จะหายใจและหัวใจหยุดเต้นมันตรงนั้นเลย
ถ้ามองรอยยิ้มของเธอนานขึ้นอีกนิดล่ะก็ เขาอาจจะแข็งเป็นหินไปแล้วก็ได้
“อะ- เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น… ผมไปล่ะครับ”
เวอร์เนลก้าวไปข้างหน้าในขณะที่พูดเช่นนั้น
แต่นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเซนต์ นักเรียนใหม่มาที่นี่จึงดูน่าสงสัย
เวอร์เนลโดนจับในทันที แต่เอลริสเปิดเผยตัวเพื่อไม่ให้เรื่องบานปลายไปกว่านี้ อย่างไรก็ตาม แผนนี้ก็ล้มเหลว
และทั้งสองคนก็ถูกเลย์ล่าดุไปตามระเบียบ
___
“โดนดุจนได้ค่ะ”
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ถูกเลย์ล่าต่อว่าไปพอสมควร
ถูกดุต่อเนื่องกันตั้งหลายสิบนาทีกว่าเลย์ล่าจะปล่อยทั้งสองคนไป เอลริสก็มองมาที่เวอร์เนล
“ขอโทษนะเวอร์เนลซัง ที่ทำให้เธอต้องมารับเคราะห์ไปด้วยเลย”
“ไม่เป็นไรครับ เพราะนี่เป็นความคิดของผมเอง..ฮะฮะ”
สุดท้ายแล้ว เวอร์เนลก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้
เรื่องนี้ทำให้เวอร์เนลหดหู่เล็กน้อย จนกระทั่งเอลริสกระซิบพูดกับเขาเบาๆ
“แต่ว่าชั้นสนุกมากเลยนะ ถ้ามีครั้งหน้า ก็มาทำอะไรที่ไม่ทำให้โดนดุกันดีกว่านะคะ”
“ครั้ง หน้า…?”
“ถ้าเธอไม่รังเกียจล่ะก็”
“มะ–ไม่มีปัญหาใดๆเลยครับ! อย่างแน่นอน!”
เวอร์เนลรีบโพล่งออกมา เอลริสยิ้มอย่างพอใจ ก่อนที่จะถูกเลย์ล่าพากลับเข้าห้อง
ก่อนที่ประตูจะปิด เธอหันมาอีกครั้ง
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ… เวอร์เนลคุง”
ประตูปิดลงทันทีที่เธอพูดเช่นนั้นออกมา เขาไม่สามารถเห็นเอลริสได้อีก
เวอร์เนลตัวแข็งไปชั่วครู่ ก่อนที่เลย์ล่าจะโบกมือไล่เขาให้ไปไกลๆ เขากลับมามีสติอีกครั้งแล้วจึงเดินลงบันไดจากไป
คำสุดท้ายของเอลริสวนอยู่ในความคิดขิงเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เวอร์เนลคุง… ไม่ใช่เวอร์เนลซังที่เหมือนกับคนแปลกหน้าอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นเวอร์เนลคุง
นี่เป็นหลักฐานว่าเขาก้าวหน้าขึ้นแล้ว เขาในตอนนี้นั้นใกล้ชิดกับเธอมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
ในระหว่างทางกลับหอ…เวอร์เนลดีใจเป็นอย่างมากจนกระโดดยกหมัดร้องไชโย