สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค - ตอนที่ 32 ความกังวล
คนทรยศฝ่ายครูใหญ่ทุกคนถูกพวกทหารควบคุมตัวไปหลังเหตุการณ์จบลง
พวกคนที่ถูกหลอกรวมถึงไอน่าก็ถูกพาตัวไปเช่นกัน แต่ดูเหมือนจะถูกปล่อยตัวออกมาหลังสอบปากคำเสร็จ
เหตุการณ์ทั้งหมดน่าจะคลี่คลายลงแล้วแท้ๆ แต่ขาของพวกเวอร์เนลกลับหนักอึ้ง แค่จะหอบตัวเองกลับหอพักได้ก็เต็มกลืนแล้ว
เป็นเพราะความจริงอันโหดร้ายที่พวกเขาได้ยินระหว่างการต่อสู้
ตัวตนที่แท้จริงของแม่มดคือเซนต์…หากเซนต์ปราบแม่มดลง เซนต์คนนั้นก็จะกลายเป็นแม่มดคนต่อไป
แค่นี้ก็เป็นที่น่าตกตะลึงสำหรับพวกเวอร์เนลเกินพอแล้ว แต่สำหรับผู้ใหญ่อย่างเลย์ล่าและซัปเปิ้ลจะยิ่งไปกว่านั้นอีก
เลย์ล่ามีอายุได้ 20 ปี เธอเกิดในยุคที่สงบสุขจากผลงานของอเล็กเซีย
สามปีหลังจากนั้น…17 ปีก่อนเวลาปัจจุบัน แม่มดก็ถือกำเนิดขึ้น…ไม่สิ อเล็กเซียถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นแม่มด และสุดท้ายความสงบนั้นก็ถูกทำลายลง แต่ถึงอย่างนั้นเลย์ล่าก็ได้ใช้ชีวิตวัยเด็กสามปีในยุคสมัยที่สบสุข ทำให้เธอถูกเลี้ยงดูมาด้วยจิตใจที่อ่อนโยน
ซัปเปิ้ลมีอายุ 25 ปี ทำให้เขาต้องประสบกับยุคสมัยของแม่มดรุ่นก่อนหน้าอเล็กเซียมาก่อน เป็นยุคที่เซนต์รุ่นก่อนอเล็กเซียเสียชีวิตด้วยเงื้อมมือของปีศาจ เป็นกลียุคแห่งความมืดมิดที่ยาวนานถึงสี่สิบปี
เป็นเพราะว่าซัปเปิ้ลเติบโตมาในยุคสมัยเช่นนั้น ทำให้เขารู้สึกขอบคุณยุคสมัยอันสงบสุขยาว 5 ปีที่เซนต์เป็นผู้นำมาให้ นี่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เขาเริ่มเคารพบูชาตัวตนเช่นนั้นขึ้นมา
ถึงแม้หัวใจของเขาในตอนนี้จะทุ่มเทให้กับเอลริสเท่านั้น แต่ผู้ที่เป็นจุดเริ่มต้นความศรัทธาของเขานั้นคืออเล็กเซีย
การที่เซนต์คนนั้นกลายมาเป็นแม่มด…แน่นอนว่าต้องส่งผลกับเขาไม่น้อยเลย
เอลริสเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเซนต์มาตั้งแต่อายุ 10 ปี และเธอก็สามารถเปลี่ยนให้ยุคสมัยนี้สงบสุขพอๆกับยุคสมัยที่ไม่มีแม่มดได้มายาวนานถึง 7 ปี
ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเซนต์คนไหน ก็สามารถสร้างยุคที่สบสุขได้เพียง 5 ปีเท่านั้น
พอมาลองคิดถึงข้อมูลที่พวกตนมีแล้ว นั่นน่าจะเป็นจุดสูงสุดที่เซนต์จะสามารถต่อต้านพลังแม่มดไม่ให้ตกลงสู่ความบ้าคลั่งได้
แต่เอลริสสามารถสร้างยุคสมัยที่สงบสุขได้นานถึงเจ็ดปี ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย
แค่นั้นก็มากพอที่จะเรียกเธอว่าเซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
แต่ถ้าเซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ถูกเปลี่ยนเป็นกายนะที่เลวร้ายที่สุดล่ะ
ด้วยพลังของเอลริส ถ้าเธอกลายเป็นแม่มดล่ะก็…มันก็จะเป็นอย่างที่ดิแอสพูด จะไม่มีใครชนะเธอได้อีก
ถึงจะมีเซนต์คนถัดไปปรากฏตัว ยุคสมัยแห่งความมืดนี้ก็จะไม่มีวันจบลง
เป็นกลียุคที่ในท้ายที่สุดก็จะหยุดลงก็ต่อเมื่อมนุษยชาติสูญพันธุ์ไปแล้ว
นี่จึงเป็นเรื่องที่ประหลาดสำหรับเวอร์เนลมาก
ถึงแม้ดิแอสจะตั้งมั่นขนาดนั้นว่าเอลริสห้ามเป็นผู้ปราบอเล็กเซียเด็ดขาด แต่ทำไมท่าทางของเขาถึงเปลี่ยนไปในตอนสุดท้ายล่ะ
นั่นเป็นเพราะว่าเอลริสกระซิบอะไรบางอย่างกับเขาและแสดงฝ่ามือของเธอให้ดู
หลังจากนั้น เขาก็พูดอะไรอย่าง “เจ้าอาจจะเปลี่ยนแปลงวังวนแห่งชะตากรรมของเซนต์และแม่มดได้”จากนั้นก็สลบลงโดยที่ศีรษะหนุนตักของเอลริสอยู่
ซัปเปิ้ลอิจฉาสุดๆไปเลย เวอร์เนลเองก็อิจ…ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องแบบนั้น
อะไรกัน? อะไรกันที่ดิแอสเห็น? อะไรกันที่เขาได้ยิน?
เซนต์จะกลายเป็นแม่มด และถ้าเอลริสกลายเป็นแม่มด เธอก็จะเป็นแม่มดที่ไร้เทียมทานและไม่มีวันถูกปราบลงได้
นั่นเป็นเหตุผลที่ดิแอสพยายามหยุดเธอ แล้วอะไรกันล่ะที่เปลี่ยนความคิดของเขา?
…ไม่เข้าใจเลย
แต่อย่างน้อย เอลริสก็น่าจะแสดงหรือพูดอะไรที่สามารถ”โน้มน้าว”ดิแอสได้
นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอน
เมื่อไม่มีฝ่ายครูใหญ่อีก แม่มดจึงสูญเสียดวงตาภายในสถาบันไป
เธออาจจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ตราบเท่าที่ซัปเปิ้ลสามารถใช้นกสตีลสื่อสารกับแม่มดได้ เขาก็จะสามารถทำทีเป็นครูใหญ่และดึงข้อมูลจากแม่มดมาส่งต่อให้เอลริสได้
ที่เหลือก็แค่หาว่าแม่มดอยู่ที่ไหน
เพียงเท่านั้น ชัยชนะของเอลริสก็อยู่เพียงเอื้อมมือแล้ว
แต่…ถ้าเอลริสชนะ สิ่งที่รอทุกคนอยู่ก็มีแต่ความสิ้นหวัง
จะดีเหรอ?
จะดีจริงๆเหรอถ้าปล่อยให้เอลริสปราบแม่มดน่ะ?
คงสภาพในปัจจุบันไว้ก็พอแล้วนี่?
ความคิดต้องห้ามนั้นฝังลึกอยู่ในสมองของทุกๆคน
.
พวกของครูใหญ่ถูกจับซักที เท่านี้ก็ไม่มีสายของแม่มดแล้ว
ชนะละ ไปอาบข้าวกินน้ำ เอ๊ย อาบน้ำกินข้าวดีกว่า
แต่ถึงตอนนี้ชั้นจะฮึกเหิมแค่ไหน ก็ยังตรงไปใต้ดินทันทีไม่ได้
ยังไม่แน่ชัดว่าจะไม่มีสายลับของแม่มดหลงเหลืออยู่เลย ตอนนี้ต้องระวังไว้ก่อน
แล้วถึงจะไม่มีสายลับ ถ้าแม่มดตรวจจับชั้นได้ที่ใต้ดิน เธอก็จะหนีไปทันที
สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนตราบเท่าที่จัดการเรื่องเวทย์เทเลพอร์ตของเธอไม่ได้
จนถึงตอนนี้ชั้นก็ศึกษามาทุกวิธีแล้วนะ แต่ก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะเอาไงดี
มันจะมีเวทย์สุดโกงที่สามารถกันการแยกตัวเป็นสสารได้ด้วยเหรอ?
ถ้านี่เป็นโลกแฟนตาซีเต็มตัวก็ว่าไปอย่าง นี่ดันเป็นโลกเกมจีบสาวน่ะนะ เลยดูจะไม่มีวิธีกันได้เลย
แต่ขนาดชั้นไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ยังกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานได้นะเนี่ย
ไม่มีไรทำเลยตอนนี้ ชั้นเลยมาทำเค้กกำพุดดิ้ลเอาไว้เป็นสินบนให้พวกราชวงศ์จากหลายๆประเทศ
ในโลกนี้มีวัฒณธรรมอยู่แค่ประมาณยุโรปยุคกลาง แต่ก็ดีพอที่บ้านเมืองจะไม่สกปรกหรือเต็มไปด้วยขยะ
แต่พวกขนมนี่ถือว่ายังไม่พัฒณานะ
การผลิตน้ำตาลจนถึงยุคก่อนนั้นมีผลผลิตอยู่เพียงหนึ่งในสิบ มันเพิ่งจะมีการผลิตน้ำตาลขึ้นมากก็ในยุคชั้นเนี่ยแหละ
เตาอบถือเป็นอภิสิทธิ์ของชนชั้นสูง ราชวงศ์ หรือโบสถ์แห่งเซนต์ มีแต่คนพิเศษเท่านั้นที่จะได้กินของอย่างขนม
เพราะอย่างนี้ประเพณีด้านขนมหวานในโลกนี้ถึงไม่ก้าวหน้า ขนมหวานที่ว่าก็แค่ขนมปังจุ้มน้ำผึ้งหรือน้ำตาลเท่านั้นเอง
สำหรับคนจากยุคสมัยใหม่อย่างชั้น เรื่องนี้ถือว่ายอมรับไม่ได้ เพราะอย่างนี้ชั้นถึงได้สร้างพุดดิ้งหรือเค้กครีมที่สามารถทำได้โดยใช้ส่วนผสมพื้นๆเอาไว้กินเอง แต่ชั้นก็แจกจ่ายออกผ่านทางพวกองครักษ์เป็นสินบน มันกลายเป็นที่นิยมในหมู่ราชวงศ์พอตัวเลยล่ะ
ชั้นกลั้นหัวเราะแทบแย่ตอนที่พระราชาคนนึงพูดว่า “มันนุ่มเหลือเกิน ราวกับกำลังทานเมฆอยู่เลย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้ทานเมฆ!” เมฆ…เมฆเรอะ ถ้าอยากกินเมฆขนาดนั้นก็ไปเคี้ยวน้ำแข็งซะไป[*เมฆคือหยดน้ำควบแน่น ฉะนั้นถ้าอย่างกินเมฆก็ให้ไปกินน้ำแข็งซะ เหมือนๆกันแหละ]
เพราะเจ้าราชาคนนั้น เค้กที่ชั้นทำเลยไม่ถูกเรียกว่าเค้ก แต่ดันได้ชื่อบ้าๆอย่าง”คลาวด์”มา
ชื่ออย่างเห่ยเลย นั่นมันชื่อของไอหนุ่มผมทองถือดาบยักษ์เดินไปมาไม่ใช่เหรอ?[*คลาวด์ สไตรฟ์จากไฟนอลแฟนตาซี 7]
จากนั้นพุดดิ้งก็ถูกเปลี่บนชื่อเป็น”เมานท์”เพราะมันดูเหมือนภูเขา
ชื่อกากๆทั้งนั้นเลย พวกราชวงศ์ก็กล้าพูดเข้าไปได้นะว่า “อยากกินภูเขาและเมฆจังเลย” บ้ากันรึไงพวกแก?
เพราะแบบนั้นขนมที่ชั้นทำถึกถูกเรียกว่า “ขนมหวานแห่งเซนต์” และมีเพียงพวกชนชั้นสูงสุดเท่านั้นที่มีสิทธิ์กินได้
แน่นอนว่าชั้นไม่เคยเผยแพร่สูตรไปหรอก เค้าเรียกการผูกขาดเว้ย
ตูไม่ใช่พวกตัวเอกต่างโลกแบบทั่วไปนา จะเอาสูตรนี้ลงหลุมไปกับตูเองนี่แหละ
การติดสินบนนี้น่ะมันมีเหตุผลอยู่
พวกราชาราชินีในโลกนี้น่ะรู้ถึงชะตากรรมของเซนต์อยู่แล้ว
เอาจริงๆ ปราสาทเซนต์นี่แหละถูกออกแบบไว้เพื่อคุมขังเซนต์ที่เพิ่งกลับมาจากการปราบแม่มด
ปกติก็เป็นแค่ปราสาทหรูหราทั่วไป แต่แค่กดปุ่มจึ๊กเดียว มันก็จะถูกเปลี่ยนเป็นคุกโหมดในทันที
นอกจากนี้ยังมีการเพาะพันธุ์ปีศาจเอาไว้ใต้ดินปราสาทอย่างลับๆด้วย
ทำไมน่ะเหรอ ก็เพื่อเอาไว้ฆ่าเซนต์ไงล่ะ
มีการยืนยันแล้วว่าปีศาจสามารถฆ่าเซนต์ได้
เพราะแบบนั้น ไม่ว่าตอนนี้พวกราชวงศ์ของแต่ละประเทศจะทำตัวเป็นมิตรแค่ไหน ทันทีที่แม่มดถูกปราบลง พวกเขาก็จะกลายเป็นศัตรูไปทันที
พอรู้แบบนั้น ชั้นเลยกะจะใช้ฝีมือปลายจวักในการติดสินบนอีกฝ่าย
ถ้าชั้นจัดการแม่มดเสร็จแล้วก็ตายตาม แบบนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร นี่ถือเป็นแค่ประกันเอาไว้ตอนที่ชั้นถูกเปิดเผยว่าเป็นของเก๊แล้วโดนประหารหรือเนรเทศเฉยๆ
ถ้าชั้นโชว์ฝีมือด้านอาหารที่ไม่เกี่ยวกับการเป็นเซนต์ล่ะก็ บางทีชั้นอาจจะยังโดนไว้ชีวิตเพราะฝีมือด้านการครัวก็ได้
ยังไงเวลาในชีวิตชั้นก็เหลือไม่มากอยู่แล้ว ไม่อยากเสียเวลาไปกับการเป็นนักโทษอ่ะ
ไม่ว่าใครก็อยากใช้ชีวิตอย่างหรูหราจนถึงตอนจบใช่มั้ยล่ะ
พอทำสินบนเสร็จ ก็มีใครบางคนเคาะประตู จากนั้นเลย์ล่าก็เข้ามาหลังจากที่ชั้นตอบไปว่า “เข้ามาได้ค่า”
หายากนะเนี่ยที่เธอจะเข้าห้องมาแล้วไม่พูดอะไร
มีไรล่ะ? หรือว่าโดนกลิ่นขนมเรียกมาจ๊ะแม่สาวน้อย
รอแป๊ปนะ มีแบ่งส่วนของเธอไว้ให้
อ๊ะ แย่ล่ะ ไม่พอ สงสัยต้องแบ่งออกจากส่วนของชั้นเองมั้งเนี่ย
“ท่านเอลริสคะ…ดิฉันมีบางอย่างที่อยากจะถามท่านค่ะ”
โอ๋? ไรอ่ะ? สัดส่วนทรีไซส์ของชั้นเหรอ?
โทษนะ ไม่เคยวัดอ่ะ เลยไม่รู้
เอ๊ะ…ไม่ใช่เหรอ?
“ท่านเอลริสคะ ท่านต้องการที่จะปราบแม่มดจริงๆหรือคะ?”
แน่นอน
จะถามเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วแบบนั้นไปทำไม
ถ้าแม่มดไม่ถูกปราบ แล้วมันจะเป็นแฮปปี้เอนดิ้งได้ไงล่ะ?
…ไม่ดิ จริงๆก็มีแหละ รูทที่สามารถนับเป็นแฮปปี้เอนดิ้งได้โดยไม่ต้องปราบแม่มด”
อย่างที่เคยบอกไป อเล็กเซียเองก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่สามารถจีบได้ในเกม เพราะอย่างนั้นจึงมีรูทอเล็กเซียอยู่
รูทนั้นจะเน้นไปที่การพาเธอหนีจากชะตากรรมของการเป็นแม่มดและนำเธอไปสู่ความสุขที่แท้จริง
แน่นอนว่าลาสต์บอสของรูทนี้คือเอเทอร์น่า ที่ตอนจบก็จะตาย เป็นเด็กที่น่าสงสารจริงๆ
แต่รูทนี้มันยากอ่ะ ชั้นเลยไม่ค่อยได้เอามันมาคิดมากเท่าไหร่
ครูใหญ่ดิแอสขออย่างไรความรับผิดชอบให้ชั้นช่วยอเล็กเซียไว้ แต่เอาจริงๆชั้นก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นหรอกนะ
“เซนต์ที่ปราบแม่มดจะกลายเป็นแม่มดคนต่อไป…นี่คือสิ่งที่ครูใหญ่กล่าวไว้…และท่านเอลริสก็รู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ดิฉันไม่คิดหรอกนะคะว่าท่านตั้งใจที่จะกลายเป็นแม่มดน่ะค่ะ ช่วย…ช่วยตอบดิฉันทีเถอะค่ะ…! หรือว่า…ท่าน…ตั้งใจที่จะปลิดชีวิตตัวเองหลังจากที่ปราบท่านอเล็กเซียแล้วใช่ไหมคะ!?”
พอได้ยินเลย์ล่าพูดแบบนั้น ชั้นก็ยิ้มกว้าง
เกือบถูกแล้วจ้า! เกือบแล้วจริงๆ แต่พลาดไปแค่นิดเดียว
มันไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่พลังของแม่มดที่ไหลเข้ามาจะเป็นตัวฆ่าชั้นเอง
จากนั้นชั้นก็จะใช้ชีวิตในโลกหน้าตามสไตล์นีทอย่างสุขสบาย
ทุกคนอาจจะคิดว่าชั้นใส่ใจชีวิตตัวเองน้อยไปรึเปล่า แต่ชั้นก็รู้ตั้งนานแล้วล่ะนะว่าแนวคิดของตัวเองไม่เหมือนชาวบ้านเค้าน่ะ
ตราบเท่าที่การรับรู้ยังอยู่ จะอยู่หรือจะตายก็ไม่ได้ต่างกันขนาดนั้นสำหรับชั้น
“หายไปจากโลก” กับ “ความตาย” น่ะมันต่างกัน…สิ่งที่ชั้นกลัวมากกว่าก็คือการสูญเสียตัวตนของตัวเองไป ฉะนั้นตราบเท่าที่ชั้นยังรู้ตัวอยู่ว่าตัวเองเป็นใคร แค่ตายน่ะมันเรื่องจิ๊บๆ
ชีวิตในโลกเก่าชั้นก็ไม่เลวร้ายอะไร ชั้นใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่นเน็ต เล่นเกม กับอ่านไลท์โนเวลจนถึงวันตาย
ชั้นน่ะเป็นคนแบบนั้นนั่นแหละ จะว่าสติไม่สมประกอบก็ได้นะ
“ช่วยบอกดิฉันทีเถอะค่ะ…ดิฉัน…ไม่สิ หรือว่าเหล่าองครักษ์ที่รับใช้เซนต์จะเป็นฝ่ายที่ผลักดันพวกเธอไปสู่ความตายอย่างนั้นหรือคะ…?”
ตอนที่เห็นเลย์ล่าที่น้ำตานองหน้า ชั้นก็ได้แต่คิด
บอกเธอได้มากแค่ไหนกัน?
อย่างแรกเลย จะอธิบายทุกอย่างให้เธอฟังน่ะมันยังเร็วเกินไป
ถ้าชั้นบอกว่าเป็นตัวปลอมล่ะก็ อาจมีความเป็นไปได้ที่ข้อมูลจะรั่วไหลจนนำไปสู่ฉาก “ยัยนั่นเป็นเซนต์ตัวปลอม! ประหารเธอซะ!”ก็ได้
ถึงชั้นมั่นใจว่าเลย์ล่าจะอุบเงียบไว้ แต่ก็อย่างที่เค้าว่า ปากคนเราน่ะมันปิดไม่สนิทตลอดหรอก
จริงๆถึงชั้นจะโดนเปิดโปงว่าเป็นตัวปลอมแล้วคืนตำแหน่งให้เอเทอร์น่าก็ไม่ได้คิดมากอะไรหรอก
นั่นน่ะเป็นเรื่องที่ควรเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่นั่นต้องเอาไว้ท้ายสุด
เลย์ล่ามาจากตระกูลที่รับใช้เซนต์มาหลายชั่วอายุคน และเธอก็ภูมิใจกับมันมาก
การที่เธอรู้ว่าคนที่เธอควรปกป้องจะต้องตายคงทำให้เธอเจ็บปวดสินะ
ในตอนนี้เธอขาจุดประสงค์ในฐานะอัศวินไป
เพราะแบบนั้นชั้นถึงเช็ดน้ำตาเธอซะ แล้วก็พูดเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เธอ
“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะเลย์ล่า ผู้ที่รู้เรื่องนี้ในหมู่อัศวินมีไม่มากนักหรอก กระทั่งพวกที่รับใช้กษัตริย์โดยตรงเองก็ตาม ชั้นเองก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นหรอกจ้ะ ที่รู้มาได้ก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ”
ความรู้จากเกมไงล่ะ!
ความรู้จำพวกนี้มันเหนือว่าสูตรโกงทุกประเภทนั่นแหละ
และชั้นก็จะใช้ความรู้นี้ให้คุ้มเลย
“ชะตากรรมของเซนต์และแม่มด…จะเปลี่ยนได้จริงๆหรือคะ…? ไม่มีทางอื่น…ที่จะสามารถช่วยเซนต์ได้จริงๆหรือคะ…?”
“ไม่จ้ะ สิ่งนั้นน่ะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะแบบนั้นชั้นจึงอยู่ที่นี่ไงล่ะ”
จริงๆแล้วก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมชั้นถึงมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก
แต่คิดว่ามันเป็นเพราะความมุ่งมั่นของชั้นไรงี้มันจะดีต่อใจมากกว่า
ใช่แล้ว ชั้นจะนำเกมนี้ไปสู่แฮปปี้เอนดิ้งให้จงได้
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะเลย์ล่า เซนต์ของเธอจะไม่ตายอย่างแน่นอน ชั้นจะหยุดวังวนที่โหดร้ายนี้เอาไว้ในยุคนี้”
“จะ-จริงหรือคะ…? เป็นไปได้จริงๆหรือคะที่จะสามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนเป็นแม่มดได้โดยยังมีชีวิตรอด!?”
“มีสิจ๊ะ แต่ชั้นยังอธิบายเนื้อหาโดยละเอียดไม่ได้ ถึงกระนั้น…กรุณาเชื่อในตัวชั้นด้วยเถอะจ้ะ”
สีหน้าของเลย์ล่าดูดีขึ้นมาก เธอรีบเช็ดน้ำตาของตัวเองออก
ไม่ได้โกหกนะเออ
เซนต์จะไม่ตายหรือกลายเป็นแม่มด
ก็นะ ยังไงเลย์ล่าก็แคร์ชั้นอยู่พอสมควรเลย ถ้าชั้นตายไปเธอก็น่าจะมีน้ำตาไหลบ้างแหละ แต่แป๊ปๆก็ทำใจได้เองน่า
ต่างจากชั้นที่ดูดีแค่เปลือกนอก เซนต์ของแท้น่ะเป็นเด็กดีตัวจริงเลยล่ะ
ชั้นก็รู้สึกผิดเหมือนกันนะที่ต้องหลอกเธอมาตั้งนาน
เจ้านายของเลย์ล่าสมควรที่จะเป็นเอเทอร์น่า และเป็นคนที่เธอตั้งใจที่จะรับใช้มาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว
แต่เธอกลับต้องมารับใช้ของเก๊ที่ภายในเป็นผู้ชาย แบบนั้นมันรังแกกันชัดๆ
ต้องให้สาวน้อยมากความสามารถอย่างนี้มารับใช้ขยะแบบชั้น มันทำให้มโนธรรมขนาดเท่าเม็ดงาในใจชั้นเจ็บเหมือนกันนะเออ
เพราะอย่างนั้นชั้นถึงอยากให้เธอได้รับใช้เจ้านายตัวจริงที่ดีกว่าชั้น
“อย่าห่วงเลยจ้ะ ชั้นจะทำให้อนาคตข้างหน้ากลายเป็นแฮปปี้เอนดิ้งที่ทุกคนจะมีความสุขให้ได้เลย”
แผนชั้นน่ะไร้ข้อผิดพลาด!
เรียกชั้นว่า “ซึมเศร้าเบรกเกอร์ เอลริส” ได้เลย