สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค - ตอนที่ 36 เหล่ากษัตริย์เริ่มเคลื่อนไหว
การเตรียมการเพื่อปราบแม่มดของเซนต์เก๊ เริ่มต้น!
แผนการเพื่อป้องกันการเทเลพอร์ตของแม่มดได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยในฝันนั้น
ขอเรียกว่า “ปฏิบัติการสุญญากาศ”
เริ่มแรก ส่งคนลงไปสู้กับแม่มดใต้ดินให้เธอใช้พลังเวทย์จนหมด
คนพวกนั้นห้ามเป็นอัศวินตัวจริงอย่างเลย์ล่า ถ้าแม่มดรู้ตัวขึ้นมาว่าชั้นหาตัวเธอเจอแล้ว เธอก็จะหนีไปทันที ยัยขี้ขลาดเอ๊ย!
ต้องทำให้เธอคิดว่าคนพวกนั้นเป็นแค่ “นักเรียนกับอาจารย์ที่หลงผ่านมาโดยบังเอิญ”
จากนั้นแม่มดก็จะระแวงว่าข้อมูลจะรั่วไหล และใช้พลังที่มีเพื่อกำจัดผู้บุกรุกให้หมด
ถึงเนื้อในจะเป็นยังไง เธอก็ยังเป็นแม่มด ถึงจะขี้ขลาดแค่ไหน เธอก็ยังเป็นลาสต์บอส
นักเรียนธรรมดาน่ะไม่ได้หรอก ส่งไปก็ตายเปล่า
ถ้าเป็นในเกม ปาร์ตี้ของเวอร์เนลจะสามารถจัดการเธอได้ และถ้าเป็นโหมดนิวเกมพลัส เวอร์เนลคนเดียวจะโซโล่เธอได้ด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องคิดไว้ก่อนว่านี่จะเป็นการต่อสู้ที่ลำบากมาก
แล้วจะทำยังไงล่ะ? คำตอบมันก็ง่ายๆ
ทำให้พวกเวอร์เนลแข็งแกร่งขึ้นมากๆ…มันก็แค่นั้น
ชั้นเลยฝากฝังให้ลุงฟ็อกซ์และเลย์ล่าช่วยฝึกพวกเขาให้อย่างลับๆ
ที่ต้องเป็นความลับก็เพื่อไม่ให้นักเรียนคนอื่นคิดว่านี่เป็นสองมาตรฐาน
และ…เผื่อว่าจะมีตัวละครแบบแมรี่ที่แข็งแกร่งซะยิ่งกว่าอัศวินทั่วไปทั้งที่ยังเรียนอยู่ ต้องลองดูพวกปี2กับปี3ดีๆด้วย
ไหนๆก็ไหนๆทางเราก็ได้การควบคุมข้อมูที่จะถูกส่งไปให้แม่มดมาตั้งแต่ที่ดิแอสโดนจับ เพราะแบบนั้นคงต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ซักหน่อย
ตอนนี้คนที่เธอติดต่ออยู่ด้วยไม่ใช่ครูใหญ่คนเก่า แต่เป็นไอ้แว่นโรคจิตแทน
ตอนนี้เราถึงสามารถรู้ได้ว่าแม่มดคิดจะทำอะไร และเธอต้องการที่จะไหว้วานดิแอสเรื่องอะไรบ้าง
แต่อีกฝั่งเป็นไอ้แว่นโรคจิตนี่นะ…ต่อให้เป็นมันก็คงไม่ทำข้อมูลรั่วไหลไปให้แม่มดหรอกมั้ง…มั้งนะ?
ดูเหมือนว่าแม่มดพยายามที่จะให้ลูกน้องของเธอปลอมตัวเป็นแม่มดและไปอาละวาดในที่ไกลๆเพื่อล่อชั้นออกห่างจากโรงเรียน
และเราก็จะใช้เรื่องนี้ ชั้นให้ไอ้แว่นโรคจิตหาข้ออ้างไปบอกว่าชั้นออกจากโรงเรียนไปแล้ว
บอกข้อมูลปลอมไปด้วยว่าชั้นยังไม่รู้ที่อยู่ที่แน่ชัดของแม่มด
ก็…ซักประมาณนี้มั้ง
รอให้พวกเวอร์เนลฝึกจนพอ หานักเรียนคนอื่นที่ดูพอจะใช้งานได้ แค่นั้นแผนนี้ก็ใกล้สำเร็จแล้ว
ถ้าเป็นในเกม เวลาช่วงหลังวันหยุดฤดูร้อนไปจนถึงวันหยุดฤดูหนาวจะนับเป็นองก์ที่สองของเนื้อเรื่อง ที่จะโฟกัสไปกับการต่อสู้เพื่อโค่นเซนต์เอลริสเป็นหลัก แต่เพราะชั้นไม่ได้ไปทำอะไรชั่วๆที่ไหน ตอนนี้เลยถือเป็นช่วงที่สงบสุข
ของจริงจะเริ่มตั้งแต่หลังวันหยุดฤดูหนาวไป
ในช่วงนั้นแม่มดจะส่งมือสังหารมาลอบฆ่าเซนต์ตัวจริงที่เพิ่งเปิดตัว เอเทอร์น่า และถ้าเลือกตัวเลือกผิดก็จะทำให้นางเอกบางคนตายได้
แต่ในโลกนี้ที่ชั้นน่าจะยังเป็นเซนต์(ปลอม)ต่อไป ก็น่าจะทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปเหมือนกัน
…ในระหว่างที่คิดเรื่องอย่างนั้น ชั้นก็มาอยู่ในรถม้าแล้ว
ตอนนี้ชั้นต้องกลับจากสถาบันมาสู่ปราสาทเซนต์
เพราะว่าพวกผู้นำประเทศต่างๆจะมีงานเลี้ยงรวมตัวกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์อะไรเทือกนั้น แล้วชั้นก็ถูกเชิญไปด้วย
ปราสาทเซนต์ไม่ได้อยู่ในการปกครองของประเทศใด ทำให้เป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดกับการจัดงานประเภทนี้
ทำไมชั้นต้องถูกเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงที่จัดในปราสาทตัวเองด้วยล่ะ?
มันแบบว่า “อา พวกเราจะจัดงานปาร์ตี้กันน่ะ นายจะเข้าร่วมก็ได้ แต่ที่จัดจะเป็นที่บ้านนายนะ” อะไรแบบนั้นเลย
ไม่ใช่ชั้นถูกเชิญดิ ชั้นต้องเป็นเจ้าภาพไม่ใช่เรอะ
เอาจริงๆช่างชั้นแล้วไปจัดงานที่ประเทศเล็กๆซักแห่งแทนได้มั้ยอ่ะ
อาา น่ารำคาญว่ะ
ต้องมายิ้มฝืดๆคุยแล้วก็กินข้าวกับพวกตาแก่หัวสูงนี่มันสนุกตรงไหนกัน?
ชั้นบอกพวกเวอร์เนลว่าไปแป๊บเดียวก็กลับมา แต่ตอนนี้ตูอยากกลับไปแล้วเนี่ย
ในงานเลี้ยงกับพวกเบื้องบนนี่ชั้นต้องปั้นหน้าเป็นเซนต์หนักกว่าปกติอีก เหนื่อยอ่ะ
พอมาถึงปราสาท ชั้นก็สั่งให้พวกคนรับใช้ไปเตรียมตัวให้พร้อมรับแขก แล้วก็เตรียมอาหารด้วย
มีคนขอมา ชั้นเลยจะทำเค้กก้อนยักษ์ที่ตกแต่งด้วยวิปครีม
เพราะใช้เวทมนตร์ช่วยเลยทำเสร็จเร็ว แต่ก็ขี้เกียจทำอ่ะเอาจริงๆ
เพราะชั้นไม่ยอมแบ่งสูตรให้ใคร ชั้นเลยให้ใครมาเป็นลูกมือไม่ได้
หลังจากเตรียวพร้อมเรียบร้อยแล้ว พวกกษัตริย์จากประเทศต่างๆก็ค่อยๆมาถึงกันทีละคนสองคน
“ไม่ได้พบกันนานนะขอรับท่านเอลริส ท่านยังงดงามเช่นเคยเลย”
คนที่พูดแบบนี้คือไอส์ ราชาของราชอาณาจักรบิลเบอรี่ ชื่อออกจะเท่ แต่จริงๆก็เป้นแค่ตาแก่บ้ากล้ามนั่นแหละ
สถาบันเวทมนตร์ตั้งอยู่ในราชอาณาจักรบิลเบอรี่ เลยถือว่าเป็นประเทศที่มีอำนาจการต่อรองสูงพอสมควรเลย
เวนต์ไม่ได้ขึ้นตรงกับประเทศใดก็จริง แต่พวกอัศวินที่ปกป้องเซนต์ส่วนใหญ่แล้วขึ้นตรงกับราชอาณาจักรบิลเบอรี่ ฉะนั้นอาณาจักรนี้จึงมีอำนาจในตัวเซนต์มากกว่าที่อื่น
อำนาจการต่อรองสูงงั้นเหรอ ถ้าเทียบก็คงประมาณอเมริกานั่นแหละ
ชั้นดูไม่เคยออกเลยว่าตาแก่คนนี้คิดอะไรอยู่ ชั้นเลยไม่ค่อยชอบเขาเท่าไร
ข้างหลังเขาคือพวกเจ้าชายของอาณาจักร มีตั้งแต่อ้วนไปหล่อไปหนุ่มน้อยโชตะ
แต่สายตาพวกมันนี่โคตรน่าขยะแขยงเลย ว่าไงดี ปิดตัณหาไว้ไม่มิดเลยนะพวกอกเนี่ย
แต่เจ้าพวกนี้ก็ยังนับเป็นราชวงศ์ของอาณาจักร
หมู่บ้านที่ชั้นเกิด…หรือถ้าพูดก็คือหมู่บ้านที่เอเทอร์น่าเกิดก็อยู่ในอาณาจักรบิลเบอรี่ เวอร์เนลด้วย เอาจริงๆพวกตัวละครสำคัญส่วนใหญ่ในเกมก็เป็นคนบิลเบอรี่นั่นแหละ
แต่เลย์ล่ามาจากอาณาจักรอื่นนะถ้าชั้นจำไม่ผิด
“ขอคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นขอรับท่านเอลริส นี่คือกุหลาบเวทย์น้ำเงินที่ประเทศของเราเป็นผู้ปลูก เป็นดอกไม้ที่สวยสดเหมาะสมกับคนงามเช่นท่าน กรุณารับไว้ด้วยเถิดขอรับ”
ราชาจากประเทศไหนไม่รู้ให้ดอกไม้แปลกๆชั้นมา ได้ยินว่าราชาคนก่อนตายไว ลูกชายถูกแต่งตั้งเป็นกษัตริย์แทนตั้งแต่อายุยังน้อย แต่นั่นไม่สำคัญหรอก
“โฮ่โฮ่โฮ่ ท่านเอลริสไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ”
คนที่หัวเราะนี่ก็ราชาจากประเทศไหนไม่รู้อีกคน
ยิ้มซะกว้างขนาดนั้น แต่ตาแกไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลยนะ
“นี่ลีออน ชั้นอยากกินคลาวด์เร็วๆแล้วล่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เห็นด้วยเลยจ้ะเอลลี่ที่รัก”
คู่รักที่เพิ่งเข้ามาก็มาจากประเทศอื่นอีก ดูเหมือนจะเป็นคู่แต่งงานใหม่ล่ะมั้ง
คนที่กลายเป็นราชินีในตอนนี้ดูเหมือนจะเคยเป็นสามัญชนมาก่อน แต่ผ่านเรื่องหลายอย่าง เธอก็ได้ตำแหน่งราชินีมาครอง ส่วนคู่หมั้นคนเก่าของเจ้าชายที่น่าจะได้เป็นราชินีก็โดนเนรเทศออกไป นี่มันพล็อต”นางร้ายโอโตเมะเกม”ใช่ป่ะ?
ผิดจักรวาลแล้วเด้อ นี่มันโลกเกมจีบสาวนะ ไม่ใช่เกมจีบหนุ่ม
นอกเรื่องหน่อย แต่ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจของประเทศนั้นใกล้จะพินาศเต็มทนแล้ว
ให้”คนที่ไม่เคยถูกสั่งสอนเรื่องพวกนี้มาก่อนมาเป็นราชินีของประเทศ”ก็คงจะประมาณนี้แหละ
“ว้าว- ข้าเคยได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับความงดงามของท่านมาก่อน แต่ก็ไม่นึกว่าจะถึงเพียงนี้! ว่าอย่างไรบ้าง? สนใจมาร่วมดื่มกับข้าในคืนนี้ไหม…”
ตาลุงที่เข้ามาจีบชั้นทันทีที่เจอหน้ามีผมขาวผูกเป็นจุกไว้
ชุดที่เขาสวมคล้ายคลึงกับชุดแบบญี่ปุ่น…ไม่หรอก นี่มันชุดญี่ปุ่นชัดๆเลย
เห็นว่ามาจากประเทศเกาะเล็กๆที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันออกเรียกว่า จาปอน
ในโลกแฟนตาซีนี่มักจะมีประเทศเลียนแบบญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกตลอดเลยแฮะ
“…ท่านเอลริสขอรับ ในวันนั้น พวกเราไม่รู้จะตอบแทนคุณท่านเช่นไรดี”
คนสุดท้ายที่เข้ามาคือราชาของราชอาณาจักรรูติน
ฮาโลฮาโล เป็นไรไป ทำไมทำหน้าเหมือนท้องผูกแบบนั้นล่ะ?
“ท่านเอลริส เกี่ยวกับการประชุมครั้งนี้น่ะขอรับ…ไม่ ไม่มีอะไรขอรับ”
เขาดูเหมือนอยากจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้บอกอะไรก่อนจะจากไปด้วยสีหน้าขมขื่น
ไรอ่ะ? คาใจนะเนี่ย
มาพูดให้อยากรู้แล้วก็จากไปนี่เป็นนิสัยที่ไม่ดีนา
.
งานเลี้ยงเป็นไปได้อย่างราบรื่น
นอกเหนือจากตอนที่ประเทศที่เศรษฐกิจใกล้พังมาขอความช่วยเหลือ แต่ก็โดนเปลี่ยนเรื่องไป ที่เหลือก็ถือว่าสงบสุขดี
พอมาถึงจุดๆนึง กษัตริย์ไอส์ก็พูดบางอย่างออกมา
“จะว่าไปแล้ว ท่านเอลริสขอรับ ข้าได้ยินมาว่าท่านไปที่สถาบันเพื่อตามหาแม่มด…ได้เบาะแสอะไรมาบ้างหรือเปล่าขอรับ”
“แม้จะไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปาก แต่จากหลักฐานที่มีอยู่ในตอนนี้ คาดว่าแม่มดจะยังหลบซ่อนอยู่ในสถาบันค่ะ”
เอาจริงๆก็พูดได้อย่างเต็มปากเลยล่ะ แต่จะขออุบไว้ก่อน
ไม่รู้ว่าจะยังมีสปายซ่อนอยู่ที่ไหนอีกมั้ย
ถ้าข้อมูลรั่วไหลไปถึงหูแม่มดนี่จะแย่เอา
“แสดงว่ายังไม่ถึงจุดที่ท่านจะปราบแม่มดสินะขอรับ ข้าล่ะยินดีจริงๆ”
ไม่ ไม่ดีดิ
โง่รึเปล่าแก?
“ท่านเอลริสขอรับ…ข้ามีคำแนะนำ คิดอย่างไรกับการยอมแพ้ที่จะกำราบแม่มดบ้างขอรับ?”
ไอ้แก่นี่พูดอะไรน่ะ!?
ถ้าแม่มดไม่โดนปราบก็ไม่มีแฮปปี้เอนดิ้งหรอกนะ
มีอีเวนต์แบบนี้อยู่ด้วยเหรอ?
…ไม่ ไม่มีสิ เอาจริงๆก็ไม่เคยมีจุดไหนในเกมที่เอลริสจะโดนเรียกมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้อยู่ด้วย
ตอนแรกก็นึกว่าเพราะชั้นต่างจากเอลริสในเกมเลยโดนชวนมา แต่ชักจะมีลางไม่ดีแล้วสิ
“…หมายความว่าอย่างไรหรือคะ?”
“ถึงแม้จะยังไม่ได้ปราบแม่มด ท่านก็ส่องสว่างเช่นนี้มากเพียงพอแล้ว ปราชาชนสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องหวาดกลัววันพรุ่ง โอกาสที่ปีศาจจะโผล่ออกมาลดต่ำลง แม่มดหลบหนีไปซ่อนตัว… ถนนหนทางที่เคยต้องเสี่ยงชีวิตทุกครั้งที่จะผ่านทางตอนนี้กลับสงบสุข ทุกอย่างเป็นเพราะฝีมือของท่าน”
อืมหืม ก็นะ เพราะภายในดันเป็นแบบนี้ เลยต้องทำวีรกรรมบังหน้าไว้เยอะๆล่ะนะ
แล้วไงอ่ะ?
“ข้าจึงคิดว่า แล้วทำไมเราถึงไม่ปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆล่ะ”
“แบบนั้นจะดีหรือคะ? ตราบเท่าที่แม่มดยังคงอยู่ ความมืดในโลกนี้ก็จะไม่หายไป”
“ถูกต้องแล้วขอรับ หากเป็นไปได้ การปราบแม่มดจะขจัดความมืดมิดทั้งหมดออก…นับเป็นวิธีที่สมบูรณ์ที่สุด แต่ทว่า ความสงบสุขนั้นก็อยู่ได้เพียงห้าปี ข้าขอพูดเลยว่าจะไม่มีเซนต์ที่ยอดเยี่ยมเช่นท่านโผล่มาอีกเป็นครั้งที่สอง ถ้าแบบนั้นแทนที่จะได้รับความสงบสุขแบบร้อยเต็มร้อยที่อยู่ได้เพียงห้าปี สู้เลือกความสงบสุขแบบเก้าสิบห้าเต็มร้อยที่จะคงอยู่ตราบเท่าที่ท่านยังมีชีวิตน่าจะดีกว่า…ข้าคิดเช่นนั้นขอรับ”
ตาแก่นี่พูดอะไรแปลกๆ
แค่ปล่อยแม่มดไปเพื่อให้สภาพในตอนนี้ยังคงอยู่ต่อไป?
พูดอะไรน่ะ? หัวแกเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย?
“ข้าไม่สามารถลงลึกในรายละเอียดได้…แต่เซนต์ที่ปราบแม่มดจะเสียชีวิตลง กระทั่งท่านเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นหรอกขอรับท่านเอลริส ท่านเป็นเซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง เซนต์คนอื่นสามารถทำให้โลกสงบสุขได้อย่างมากเพียง 5 ปี…เป็นเพียงช่วงที่รอให้แม่มดคนใหม่ปรากฏตัวและเซนต์คนใหม่ถือกำเนิด เป็นเพียงความสงบอันแสนสั้น แต่ท่าน…ทำให้โลกนี้สงบสุขมาได้แล้วเจ็ดปี…และความสงบสุขนี้จะยังคงอยู่ต่อไปตราบเท่าที่ท่านยังหายใจ หากเราเสียท่านไป ไม่ใช่จะเป็นเพียงความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่หายนะที่ใหญ่ยิ่งก็จะตามมา ฉะนั้นกรุณาฟังคำแนะนำของพวกเราทีเถิดขอรับ…ช่วยปล่อยแม่มดไว้ได้หรือไม่?
อุหวา พูดอะไรอันตรายแบบนั้นมาได้นะ
ราชาของประเทศเป็นคนมาบอกให้ไม่ต้องไปยุ่งกับแม่มดซะเอง
ก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจหรอกนะ
จากมุมมองของเขา ถ้าชั้นปราบแม่มด ชั้นก็จะกลายเป็นแม่มดคนต่อไป
หรือก็คือ”จะให้มาสู้กับแม่มดที่แข็งแกร่งขนาดนี้ก็บ้าแล้ว”ล่ะมั้ง
“…ในวันนั้น คุณรู้รึเปล่าคะว่าราชอาณาจักรรูตินน่ะเกือบจะล่มสลายแล้วนะคะ? ตราบเท่าที่แม่มดยังอยู่ เหตุการณ์เช่นนี้ก็จะต้องเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ”
“ใช่ขอรับ และท่านก็สามารถหยุดยั้งการล่มสลายนั้นไว้ได้ ท่านสามารถปกป้องพวกเขาได้ เพราะเช่นนั้นข้าจึงมั่นใจ ตราบเท่าที่เซนต์เอลริสยังอยู่ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปราบแม่มดเพื่อความสงบสุขเลย”
ไอส์ยิ้มแล้วพูดต่อ
“ข้าคิดว่าความสงบสุข”เก้าสิบห้าในร้อย”ส่วนนี่ช่างยอดเยี่ยม ในช่วงเวลาที่”สงบุสุข”ที่ไร้ซึ่งแม่มดและปีศาจ มนุษยชาติกลับต้องมาต่อสู้แก่งแย่งกันเอง ท่านรู้หรือไม่? ว่าสงครามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันล้วนเกิดขึ้นในยุคสมัยที่ไม่มีแม่มดน่ะ มนุษยชาติไม่มีวันเพียงพอกับความสงบสุข ร้อยในร้อยส่วน มนุษย์จะทำให้มันกลายเป็นแปดสิบในร้อยส่วน…ไม่สิ เจ็ดสิบในร้อยส่วน หรือกระทั่งหกสิบในร้อยส่วน แต่ในยุคสมัยปัจจุบันที่แม่มดยังคงอยู่…กลับมีความสงบสุขได้ถึงเก้าสิบห้าในร้อยส่วน นี่เป็นยุคสมัยที่สงบสุขที่สุดเท่าที่ข้าผู้นี้เคยประสบมาทั้งชีวิต ศัตรูร่วมของมนุษยชาติยังคงอยู่ ในขณะที่ความรู้สึกถึงอันตรายที่พวกเขามีก็ยังไม่ได้หดหายไป ภายใต้นามของเวนต์เอลริส ทุกๆคนเชื่อมั่นในวันพรุ่ง เชื่อมั่นว่าทุกอย่างเป็นไปได้หากร่วมมือกัน”
กษัตริย์ไอส์แบมือพร้อมกล่าวต่อไป
ว่าไงดี สมกับเป็นพระราชาจริงๆ สกิลในการหว่านล้อมนี่ใช้ได้เลย
เขาตบแต่งคำพูดของตัวเองให้ดูดี ทำให้คนฟังคิดว่า “อาจจะเป็นอย่างนัี้นก็ได้นะ”
“เก้าสิบห้าส่วนนั้นเพียงพอแล้ว…ไม่สิ เก้าสิบห้าส่วนนี่ล่ะดีที่สุดแล้ว! ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบก็ได้ เมื่อมันครบร้อยส่วน มนุษยชาติก็จะล้มเลิกที่จะใฝ่หาเพิ่มเติม แสงสว่างส่องผ่านทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ความมืดก็จะไม่มีวันหายไป…ใช่แล้ว เพราะมีเงามืดเล็กๆนั้นอยู่จึงทำให้แสงสว่างยิ่งดูงดงาม โลกนี้ไม่ได้ต้องการให้แม่มดโดนปราบ แต่ต้องการให้ท่านดำรงตำแหน่งเซนต์ต่อไปต่างหาก! ตราบเท่าที่ท่านอยู่ จะสิบปีหรือยี่สิบปี…ไม่ เป็นเพราะว่าท่านไม่แก่เฒ่า อาจจะเป็นได้ถึงหนึ่งร้อยปีเลยก็ได้!”
อาฮะ โอเค้
ดูเหมือนตาแก่คนนี้จะไม่เข้าใจจุดสำคัญสินะ
ก็ช่วยไม่ได้ที่ชั้นเป็นตัวปลอมล่ะมั้ง?
เขาเข้าใจผิดว่าที่ชั้นไม่เติบโตขึ้นเลยแปลว่าชั้นจะอายุยืน
ตรงกันข้ามต่างหาก อายุชั้นน่ะสั้นกว่าคนปกติซะอีก
ชั้นอยู่ได้อีกไม่ถึงปีด้วยซ้ำ…เรียกว่าแบตใกล้หมดแล้วก็ได้
ตั้งแต่แรกอายุขัยของคนในโลกนี้ก็ไม่ได้สูงอะไรอยู่แล้ว ยิ่งชั้นไปดูดซับพลังความมืดของเวอร์เนลมายิ่งแล้วใหญ่
ในโลกนี้ถ้ารวมโอกาสที่คนจะถูกปีศาจฆ่าตายเข้าไปด้วย อายุขัยโดยเฉลี่ยของประชากรจึงอยู่แค่ประมาณยี่สิบกว่าปี
ถึงไม่รวมเรื่องนั้น แต่เพราะความอดอยาก โรคระบาด ความหนาว ขาดสารอาหาร หรือตายตั้งแต่ยังเป็นทารก อายุเฉลี่ยก็ยังจะน้อยกว่าสามสิบปีอยู่ดี
ถ้าเป็นพวกขุนนาง ราชวงศ์หรืออัศวินก็ว่าไปอย่าง พวกนั้นอยู่ได้ถึง 50-60 ปีได้สบาย แต่อายุขัยเฉลี่ยโดยรวมก็ยังแย่เหมือนเดิม
แต่เป็นเพราะอะไรบางอย่างที่ชั้นทำไป ทำให้จำนวณทารกที่รอดชีวิตสูงขึ้นมาก…ก็ยังเทียบกับยุคสมัยใหม่ไม่ได้ล่ะนะ
เพื่อไม่ให้ไปกระตุ้นเขามากขึ้น ชั้นแค่ผงกหัวแบบไม่เชิงเห็นด้วยหรือปฏิเสธ
“เข้าใจแล้วค่ะ…มีความคิดเห็นแบบนั้นอยู่เหมือนกันสินะคะ จะนำไปพิจารณาค่ะ”
“พิจารณา? เท่านั้นคงไม่ได้หรอกขอรับ”
ชั้นพยายามให้เรื่องจบลงแบบสงบ แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ยอม
เขาเพียงแค่ดีดนิ้ว ทหารจำนวณมากก็เข้ามาล้อมรอบชั้นไว้
โอ้ย โอ้ย โอ้ย…จะทำขนาดนี้เลยเหรอ?
“ท่านเอลริส! พวกเราขอให้ท่านไม่ปราบแม่มดและดำรงตำแหน่งเซนต์ สัญลักษณ์แห่งความยุติธรรมต่อไป จนกว่าท่านจะหมดลมหายใจขอรับ! นี่คือสิ่งที่พวกเราพันธมิตรอาณาจักรเห็นพ้องกัน!
…เอ๋…
ต้องมาถูกขังในกรงทองจนอายุขัยหมดเนี่ยน้า…
ว่าไปแล้ว จำได้เลาๆว่าตาแก่คนนี้นี่แหละที่จับชั้นไปขังไว้ในรูทเอเทอร์น่าน่ะ
ชักจะเป็นปัญหาแล้วแฮะ