สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค - ตอนที่ 37 เซนต์(เก๊)ผู้ถูกคุมขัง
เอาล่ะ แบบนี้จะเอายังไงดีล่ะเนี่ย?
ในระหว่างที่ถูกล้อม ชั้นก็จิบชาดำพร้อมคิดหาทางออกในสถานการณ์แบบนี้ไปด้วย
…อย่าบอกนะว่าในชานี่มียานอนหลับผสมอยู่ด้วยน่ะ?
ชั้นก็มีวิธีป้องกันพิษอยู่หรอกนะ หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือป้องกันจากสถานะผิดปกติทุกชนิด ยาแบบนี้เลยใช้ไม่ได้ผลกับชั้นหรอก
ด้วยเวทย์น้ำ ชั้นสามารถชำระล้างสิ่งผิดปกติทุกอย่างในตัวได้อย่างง่ายๆ พิษก็ไม่เว้น
เวทย์ความมืดก็จะช่วยป้องกันไม่ให้พวกพิษหรือไวรัสเป็นอันตรายต่อตัวชั้นอยู่แล้วด้วย
ก็ใช่ว่าชั้นจะเคยเอาไปทดสอบกับพวกไวรัสจากพวกหนังไซไฟอะไรแบบนั้นหรอกนะ ก็น่าจะพอไหวมั้ง?
“…นี่หมายความว่าอย่างไรกันคะ?”
ชั้นแสดงตัวว่ายังไม่ตระหนกกับสถานการณ์นี้ และมองไปรอบๆ
พวกที่ล้อมชั้นอยู่ในตอนนี้คือทหารจากทุกประเทศ…มีกระทั่งพวกอัศวินปนอยู่ด้วยแฮะ แถมยังเป็นองครักษ์ของชั้นเองด้วย
อะไรเนี่ย นี่ชั้นโดนทรยศเหรอ? นี่เสน่ห์ผู้นำชั้นตำขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?
นี่ชั้นโดนองครักษ์ทุกคนนอกจากเลย์ล่ากับฟ็อกซ์ทรยศเลยนะเว้ย! นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะ
“พวกเราเสียใจที่ต้องทำเช่นนี้จริงๆขอรับท่านเอลริส แต่พวกเรา…”
“พวกเราจะไม่ขอให้ท่านให้อภัย…แต่ถึงอย่างนั้น…เราก็ไม่อยากเสียท่านไป”
ชั้นจ้องไปที่พวกองครักษ์ที่พยายามหาข้อแก้ตัวมาพูด
ปากบอกไม่อยากให้ชั้นตาย…แต่ก็น่าจะรู้(ไม่หมด)อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าชั้นจะตายถ้าปราบแม่มดน่ะ แล้วยังจะมาสมัครเป็นอัศวินที่ส่งเซนต์ไปตายอีก
ไว้ค่อยด่าพวกมันทีหลัง ตอนนี้ต้องหาทางออกให้ได้ก่อน
องครักษ์สิบคน อัศวินยี่สิบกว่าคน แล้วก็ทหารธรรรมดาอีกเป็นกระตัก
…ก็นะ ชั้นน่าจะน็อคพวกเขาสลบได้โดยไม่ฆ่า คงใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาที
ถ้าชั้นคิดจะฆ่าก็คงใช่เวลาไม่ถึงวิด้วยซ้ำ แต่คงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น
“องค์ราชาไอส์ คุณกล่าวว่าความสงบสุขจะยังคงอยู่ตราบที่ชั้นยังมีชีวิต ฉะนั้นชั้นจะขอถาม… สำหรับคนที่สามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้ คุณคิดจริงๆหรือคะว่าคนแค่นี้จะสามารถหยุดชั้นได้น่ะ?
มีคนแค่นี้ ชั้นกวาดด้วยเวทย์แสงตู้มเดียวก็จบแล้ว
ชั้นร่ายเวทย์ป้องกันไว้แล้ว พวกมันคิดจะทำอะไรก็ไม่เป็นผลกับชั้นหรอก
เอาจริงๆเพราะพวกเขาคิดว่าชั้นเป็นเซนต์ตัวจริง ก็คงไม่คิดว่าจะสามารถสร้างรอยขีดข่วนให้ชั้นได้แต่แรกแล้ว
แต่ไอส์มันยังดูมั่นใจมากอยู่เลย รอยยิ้มไม่เคยหลุดออกจากใบหน้านั้น
“แน่นอนว่าข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นหรอกขอรับ แต่หากเป็นคนสนิทของท่านก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
พอพูดจบ เขาก็หันไปหาเลย์ล่า
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เลญืล่าเอาแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ในขณะที่มีดาบพาดคอเธออยู่
เฮ้ย สต๊อกโกะ!
ทำอะไรของเธอเนี่ย ทำไมโดนจับง่ายๆแบบนั้นล่ะ?
“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอให้ท่านตกลงต่อคำขอของพวกเราโดยไม่ต่อต้านด้วยขอรับ…เราเองก็ไม่อยากจะเป็นศัตรูกับท่านเช่นกัน พวกเราแค่ต้องการ…ใช่แล้ว ต้องการให้ท่านใส่ใจกับความปลอดภัยของตัวเองมากขึ้นก็เท่านั้นเอง”
ถึงน้ำเสียงจะยังดูสุภาพ แต่ฟังดูก็รู้แล้วว่าจะไม่ฟังคำปฏิเสธใดๆทั้งสิ้น
บอกว่าไม่อยากเป็นศัตรูกับชั้นแท้ๆ แต่การกระทำนี่ไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะแกเนี่ย…
“ข้าไม่คิดว่านั่นจะเป็นเรื่องที่แย่ต่อท่านหรอกนะขอรับ เราแค่ต้องการให้ท่านอยู่อย่างสงบไปตลอดชีวิตก็เท่านั้น…อย่างไรก็คงดีกว่าให้ท่านเสียชีวิตในการต่อสู้กับแม่มดอย่างแน่นอน ท่านจะถูกเคารพบูชา มีอำนาจ มีความสุขสบาย แถมยังมีชีวิตรอดต่อไปอีก ไม่ว่าดูอย่างไรก็มีแต่ข้อดีมิใช่หรือ?”
ข้อดีเหรอ?….ถ้าแค่สำหรับชั้นคนเดียว จะว่างั้นก็พอได้ล่ะนะ
แต่นั่นมันก็แค่โยนงานให้เซนต์รุ่นต่อไปจัดการแทนไม่ใช่รึไง?
ถ้าแม่มดไม่ถูกปราบจนกว่าชั้นจะตาย คนรับภาระก็จะเป็นเซนต์รุ่นถัดไปแทน
ไม่มีอะไรคลี่คลายทั้งนั้น ก็แค่เลื่อนเวลาออกไปเท่านั้นเอง
ถ้าอย่างนั้นให้ชั้นไปทำลายไอ้วัังวนเฮงซวยนี่ซะจะดีกว่านา
ชั้นว่า…เจ้านี่มันแค่พยายามจะใช้ชั้นในฐานะสัญลักษณ์มากกว่า
หรือก็คือ ถ้าตอบตกลงไป สิ่งที่รอชั้นอยู่ก็คอการโดนจับขังอยู่ในปราสาทตลอดชีวิต
เอาจริงๆ จะตกลงไม่ตกลง อีฝ่ายก็ดูจะไม่ได้รอคำตอบอยู่แล้วอ่ะนะ
“ก็…ถือว่าช่วยทบทวนการตัดสินใจให้ดีด้วยเถอะขอรับ เจ้าตรงนั้นน่ะ พาเธอไปส่งที่ห้องซะ ให้ความเคารพเธอด้วย”
“ขอรับ…ท่านเอลริส กรุณาตามกระผมมาเถอะขอรับ กระผมจะพาไปที่ห้อง”
องครักษ์จะมาพาตัวชั้นไปส่งที่ห้องตามคำสั่งของราชาไอส์
ถ้าต้องการชั้นจะน็อคเขาสลบแล้วหนีไปก็ได้…แต่เพราะสต๊อกโกะจังโดนจับเป็นตัวประกันไว้อยู่ คงทำอะไรวู่วามไม่ได้หรอก
ถ้าเอาจริง จะทำให้ทุกคนสลบไป แล้วก็ชิงตัวสต๊อกโกะจากนั้นค่อยหนีก็ยังได้ แต่ว่า…
ก็ใช่ว่าคนอื่นๆจะมีเจตนาร้ายอะไรกับชั้นขนาดนั้น ตอนนี้แค่นั่งเฉยๆรอไปก่อน เดี๋ยวโอกาสมันก็มาเอง
จะเงียบไว้แล้วกัน
“ไม่จำเป็นค่ะ ชั้นรู้ดีว่าห้องตัวเองอยู่ตรงไหน”
ชั้นลุกขึ้นก่อนจะเดินกลับห้องที่ถูกเปลี่ยนเป็นที่คุมขังไปซะแล้ว
ชั้นได้ยินเสียงล็อกด้านนอกจากหน้าประตู
ว่าแล้วว่าต้องเป็นงี้
ไม่ใช่แค่ประตู ขนาดหน้าต่างยังถูกกันไว้อย่างหนาเลย
มองออกไปด้านนอกก็เห็นยามเดินเพ่นพ่านกันห้องนี้ไว้เต็มไปหมด
ถ้าชั้นทำลายหน้าต่างออกไปก็จะถูกเห็นทันที
ชั้นเดินห่างจากหน้าต่างแล้วตรวจสอบห้อง
ห้องนี้สภาพดูดี สะอาด และสะดวกสบาย
เตียงเป็นแบบมีหลังคา ขนาดโต๊ะดื่มน้ำชาก็ยังดูหรูหรา
ก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าปราสาทเซนต์นี้มีจุดประสงค์ไว้เพื่อกักขัวเซนต์ แต่ก็ไม่นึกเลยว่าสักวันจะถูกเอามาใช้กับตัวเอง
ประตูกับหน้าต่างคงไม่ได้ แบบนั้นทางออกเดียวที่เหลือก็คงเป็นปล่องไฟ
แต่แน่นอนว่าปล่องไฟของห้องนี้ไม่ใ่ขนาดที่มนุษย์ผู้ใหญ่จะสามารถลอดผ่านได้
ถ้าเป็นเด็กก็ว่าไปอย่าง ก็ใช่ว่าใครจะลอดเข้าออกไม่ได้เลย
ชั้นรวมพลังเวทย์เพื่อยิงกระสุนภูตออกไปทางปล่องไฟ
มันผ่านปล่องและหลังคาออกไปถึงข้างนอก
โทษนะ แต่ชั้นไม่คิดจะเล่นบท นกน้อยในกรงทอง ให้พวกแกหรอก
แต่อีกฝ่ายก็คงรู้ว่าชั้นจะหนีไปในทันทีที่ได้สต๊อกโกะมา เพราะงั้นก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย
เป็นการต่อสู้แบบยืดยาวสินะเนี่ย
โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีอีเวนต์อะไรใหญ่ๆเกิดขึ้นที่โรงเรียน ฉะนั้นถึงชั้นไม่อยู่ก็คงไม่มีปัญหาอะไร
ต้องสงบเสงี่ยมไว้ก่อนในช่วงนี้
.
ตั้งแต่ที่เอลริสเดินทางออกจากสถาบันก็ผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว
ถูกบอกไว้ว่าเธอจะไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำของแต่ละประเทศ แต่นั่นก็ควรจะจบไปนานแล้ว ต่อให้รวมเวลาไปกลับก็ไม่ควรใช้เวลาขนาดนี้
ตำแหน่งจัดงานคือปราสาทเซนต์ ซึ่งอยู่ห่างออกจากสถาบันไปไม่มาก ใช้เวลาเดินทางแค่ประมาณสามชั่วโมง
ที่อยู่ใกล้กันแบบนี้ก็เพราะว่าสถานฝึกฝนอัศวินเวทมนตร์อัลเฟรียมีไว้ฝึกเหล่าอัศวินที่รับใช้เซนต์
พวกที่เรียนจบมาในระดับหัวกะทิก็จะได้งานในทันที
เพราะแบบนั้นสถาบันจึงถูกตั้งขึ้นให้ใกล้กับส่วนที่ไม่ขึ้นตรงกับประเทศใดซึ่งปราสาทเซนต์ตั้งอยู่
การที่เธอไม่ได้กลับมาทั้งที่ผ่านไปแล้วถึงสัปดาห์หนึ่งจึงถือว่าแปลกมาก
หรือว่เธอตั้งใจที่จะออกจากโรงเรียนและกลับไปอยู่ที่ปราสาทเซนต์แบบถาวรกันนะ?
ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ตั้งแต่แรกการที่เซนต์อย่างเธอมาอยู่ที่สถาบันก็แปลกมากแล้ว
แต่เวอร์เนลรู้ดี เพราะว่าก่อนที่เธอจะไป เธอยังพูดอยู่เลยว่า “อีกไม่นานก็กลับมา”
ถึงเธอจะกลับไปอยู่ที่ประสาทเซนต์ แต่คนอย่างเธอจะแค่ไปแบบไม่ลาแบบนี้หรือ?
“แปลกมาก”
ตอนนี้เป็นตอนเย็นหลังจากที่ทุกคนเพิ่มจะจบคาบเรียนสุดท้ายของวัน
เวอร์เนลกำลังคุยอยู่กับกลุ่มเจ้าประจำ
เวอร์เนล เอเทอร์น่า จอห์น ฟิโอร่า แมรี่ ไอน่า และกระทั่งซัปเปิ้ล ที่กำลังสั่นเป็นสันนิบาตลูกนกจากการที่ได้ได้เห็นเอลริสมาถึงหนึ่งสัปดาห์
พวกเขามารวมตัวกันในห้องเรียนที่ว่างเปล่าเพื่อคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอลริส
“หรือว่าเธอถูกโจมตีโดยพวกโจรและปีศาจ…?”
“ถึงจะเป็นอย่างนั้น ทั้งท่านเอลริสและเลย์ล่าซังก็น่าจะสามารถจัดการกับพวกมันได้อย่างง่ายๆนี่นา แล้วก็ควรจะมีข่าวออกมาแล้วด้วย”
เอเทอร์น่ายกตัวอย่างความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา แต่ก็โดนจอห์นปัดตกไป
ถ้าจู่ๆเซนต์ก็หายตัวไปจริงๆ ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะัไม่รู้เรื่องนั้นแล้ว
แต่ละประเทศคงส่งกำลังทั้งหมดที่มีออกไปตามหาเธอกันจ้าละหวั่น
แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวจากประเทศใดเลย มันเงียบจนแปลกเกินเสียด้วยซ้ำ
อย่างน้อยที่สุด ก็ไม่มีประเทศไหนที่ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น เซนต์หายไปแล้วถึงหนึ่งสัปดาห์ แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดจากทางสถาบันเลย นักเรียนคนไหนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นักเรียนทั้งหลายจึงพากันห่วงที่เอลริสจู่ๆก็หายตัวไป
แต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆออกมา นี่มันน่าสงสัย
“อาจารย์ครับ ครูใหญ่ว่ายังไงบ้าง…”
“เขาเอาแต่พูดอยู่แค่คำเดียวอย่างกับคนบ้าว่า ‘ไม่ต้องเป็นห่วง’ ไม่มีการอธิบายอะไรเพิ่มเติมแก่คณะผู้ฝึกสอนเลย บอกแค่ว่าประเทศทั้งหลายจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“จากกลายประเทศ?”
“ใช่แล้ว ที่เซนต์ไปเข้าร่วมคืองานประชุมระหว่างกษัตริย์ และจากนั้นก็มีการประกาศออกมาจากประเทศนั้นๆ คงคิดได้แค่ว่านี่เป็นฝีมือของประเทศใดประเทศหนึ่งหรือไม่ก็ทุกประเทศรวมกัน”
ประเทศทั้งหลายวางแผนเพื่อจับเซนต์ ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ ประโยคนี้ก็คงถูกปัดตกไปด้วยเสียงหัวเราะ
แต่นั่นไม่ใช่อีกแล้ว
ในการต่อสู้กับดิแอส พวกเวอร์เนลได้รับรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเซนต์และแม่มด
เรื่องที่ปราสาทเซนต์ถูกสร้างไว้เพื่อเป็นที่คุมขังเซนต์…เรื่องที่ทุกประเทศรวมหัวกันทรยศอเล็กเซีย พวกเขารู้มาหมดแล้ว
“พวกพระราชาจับตัวท่านเอลริสไป…? ทำไมล่ะ? ไม่ใช่ว่าเธฮปราบแม่มดไปแล้วและกำลังจะกลายเป็นแม่มดคนต่อไปเสียหน่อย ทำไมถึงมาจับเธอตั้งแต่ตอนนี้กัน?”
“…นั่นก็ น่าจะเป็นเหตุผลหลักที่พวกเขา…จับตัวเธอไปนั่นล่ะ”
ฟิโอร่าถามคำถามอย่างกระวนกระวาย ส่วนแมรี่ก็ตอบสิ่งที่เธอคิดออกมา
แมรี่พูดต่ออย่างใจเย็น
“ต่อให้ไม่ต้องกำราบแม่มด…โลกก็สงบสุขอยู่แล้ว…แม่มดตนนั้น…หวาดกลับเซนต์จนไม่กล้าออกมาสร้างความวุ่นวาย…ถ้าแบบนั้น แทนที่จะปราบเธอไป…ปล่อยไว้เป็นแบบนี้…จะไม่ดีกว่าหรือ?”
“โหดร้าย…แทนที่จะปล่อยให้ท่านเอลริสกลายเป็นแม่มด พวกราชาคิดว่าปล่อยสถานการณ์ปัจจุบันให้เป็นอย่างเดิมน่าจะดีกว่า ก็เลยจับเธอไปขังอย่างนั้นหรือ?”
“….คิดว่าอย่างนั้นนะ”
ไม่สามารถปฏิเสธการคาดการณ์ของแมรี่ได้เลย
ใช่แล้ว แทนที่จะปล่อยให้เอลริสต้องกลายเป็นแม่มด สู้คงสถานการณ์ปัจจุบันไว้จะดีกว่า
เพราะยังมีแม่มดอยู่ จะให้เรียกว่าเป็นความสงบสุขอย่างแม้จริงก็คงไม่ได้
แต่ถึงกระนั้น “ความสงบสุขที่ไร้ซึ่งแม่มด”ก็อยู่ได้เพียงแค่ไม่กี่ปี
ในขณะที่ “ความสงบสุขจากเอลริส”จะอยู่ต่อไปตลอดช่วงชีวิตของเธอ
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทิ้งความสงบนั้นไปเพื่อปราบแม่มดเลย
“…แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยอมรับเรื่องที่จับเธอไปขังไว้โดยไม่สนความสมัครใจของเธอไม่ได้หรอกนะ นั่นมันไม่ถูกต้อง แบบนั้นก็เหมือนว่าท่านเอลริสเป็นแค่เครื่องมือให้คนอื่นใช้น่ะสิ”
การที่เอลริสถูกขังอยู่แบบนี้อาจจะดีกว่าก็ได้
แต่นั่นก็ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมือนกัน
เวอร์เนลไม่รู้หรอกว่าตัวเลือกใดที่ถูกหรือผิด
แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปได้
“ตอนนี้นี่ก็ยังเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น เราต้องไปถามคนที่รู้รายละเอียดในเรื่องนี้…ท่านพ่อโดยตรง”
ไอน่าพูดแบบนั้นพร้อมกับลุกขึ้นยืน
วิสเคานท์ฟ็อกซ์ที่มารับตำแหน่งครูใหญ่แทนที่ดิแอสคือพ่อของเธอ
ถ้าเป็นลูกสาวของตัวเอง วิสเคานท์ฟ็อกซ์อาจจะยอมบอกอะไรบ้างก็ได้
เวอร์เนลเห็นด้วยกับการตัดสินใจของไอน่า
“ใช่แล้ว ไปถามเขาถึงเรื่องนี้กันเถอะ มาคุยกันตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เราต้องไปหาความจริง”
ถ้าการคาดเดาของพวกเราพลาดเป้าก็คงจะดีไป
นั่นถือเป็นกรณีที่ดีที่สุดแล้ว
แต่ถ้าพวกราชาทั้งหลายพยายามจะชิงอิสรภาพไปจากท่านเอลริสเพื่อประโยชน์ของตัวเอง…
อย่างน้อยที่สุด เขาก็จะสู้ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นราชาของประเทศต่างๆก็ตาม
เวอร์เนลสาบานในเรื่องนั้นอย่างเงียบๆ