สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค - ตอนที่ 47 อีกฟากของหน้าจอ
หลังจากผ่านอีเวนต์ยาวต่อเนื่องที่เริ่มมาจากการที่ชั้นโดนจับ ในที่สุดชั้นก็กลับมาถึงโรงเรียนสักที
พอกลับมาถึง พวกทหารและอัศวิน รวมถึงสต๊อกโกะก็ก้มหัวให้ชั้น ทำท่าคุกเข่าขอโทษ และสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อชั้นยิ่งกว่าเดิม ชั้นก็เลยตอบไปว่าไม่ต้องคิดมาก
ก็เป็นของเก๊อ่ะนะ ถึงในใจชั้นจะเรียกพวกนี้ว่าเป็นคนทรยศ แต่ถ้าว่ากันจริงๆแล้ว จะเรียกพวกนี้ว่าเป็นคนทรยศก็คงไม่ถูก
ตั้งแต่แรกแล้ว คนที่อัศวินพวกนี้ควรจะรับใช้น่ะไม่ใช่ชั้น เพราะงั้นจะมาลาออกเพราะชั้นไรงี้คงจะไม่ดี
ไม่รู้ทำไม สต๊อกโกะบอกว่าไม่สามารถถือดาบที่เป็นสัญลักษณ์ขององครักษ์ส่วนตัวได้อีกแล้ว ตอนนี้เธอเลยจะใช้ดาบคุณภาพดีเล่มอื่นแทน
เจ้าตัวบอกเองว่า “ดาบเล่มนี้หนักเกินไปสำหรับตัวดิฉันในตอนนี้” สงสัยจะหนักจริงๆนั่นแหละ
หลังจากกลับมาถึงโรงเรียน ในที่สุดวันหยุดฤดูหนาวอันแสนสงบก็เริ่มขึ้นสักที
หลังวันหยุดจบลง ก็จะเป็นทัวร์นาเมนต์ข้ามสายชั้น จากนั้นก็จะเป็นการต่อสู้กับแม่มดในท้ายที่สุด
ต้องคิดถึงเรื่องอายุขัยที่เหลือของชั้นด้วย ความรู้เกี่ยวกับเกมของชั้นมีอยู่แค่ภายในปีนี้ ชั้นต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน
แถมต้องเสริมพลังพวกเวอร์เนลด้วย เพื่อจะได้ลดธงตายลงให้น้อยที่สุดก่อนที่จะพวกเขาลงใต้ดิน
บทบาทของเจ้าพวกนี้คือการลดพลังเวทย์ของแม่มดให้เหลือน้อยที่สุดก่อนที่จะจับเธอขังในบาเรีย…เป็นสิ่งที่ชั้นไม่สามารถทำเองได้
ลำบากเลยแฮะ เพิ่งโม้ไปว่า “ชั้นทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว(มั่นหน้า)”กับเวอร์เนลไปหมาดๆเอง
แต่อันนี้ชั้นทำคนเดียวไม่ได้อ่ะ ต้องให้ใครสักคนไปตัดกำลังแม่มดก่อนเพื่อไม่ให้เธอหนี
อุหวา อุหวา เอาไงดีล่ะเนี่ย?
จะให้บอกว่า “ทำไม่ได้อ่ะ มาช่วยทีสิ เฮลป์มี!” หลังจากพูดไปขนาดนั้นนี่คงขายหน้าแย่
หรือจะตัดเวอร์เนลออกจากแผนดี?
ไม่ได้หรอก ไม่มีเวอร์เนลคงจะไม่ได้
เราต้องทำให้เธอใช้พลังเวอย์จนหมดก๊อก จากนั้นชั้นก็จะดูดพลังเวทย์รอบๆมาให้หมดเพื่อกันไม่ให้เธอฟื้นพลังกลับมาได้ เป็นการตัดทางหนีของแม่มด
คนที่ทำแบบนั้นได้จะต้องแข็งแกร่งพอที่จะกดดันแม่มด แต่ก็ห้ามเป็นอัศวินตัวจริงเสียงจริงเพราะแม่มดจะระแวงเอาได้
ถ้าต้องเลือกใครสักคนจากหมู่นักเรียนหรืออาจารย์…เวอร์เนลถือว่าเหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ความสามารถของเขาไม่แพ้อัศวินของแท้เลย
แหงล่ะ ยังไงเขาก็ล้มแมรี่ที่มีความสามารถทัดเทียมกับอัศวินมาแล้วนี่นา ก็ถือเป็นเรื่องปกติ
ถึงจะยังเทียบกับเลย์ล่าไม่ได้ แต่เลย์ล่าน่ะเป็นถึงองครักษ์ส่วนตัวของเซนต์ ไม่ควรเอามาเทียบกันแต่แรกแล้ว
แถมเขายังมีพลังความมืดที่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่แม่มดได้อีก ตัดเขาออกจากกลุ่มไปจะทำให้กำลังรบลดลงไปเยอะเลย
ถ้าตัดเวอร์เนลออก คนที่สามารถสร้างความเสียกายแก่แม่มดได้ก็จะเหลือแค่เอเทอร์น่า…แต่ชั้นไม่อยากให้เธอเข้าร่วมกับการต่อสู้ครั้งนี้เลย กลัวเธอจะถูกเปลี่ยนเป็นลาสต์บอสเอาน่ะสิ
ในตอนนี้พลังของเธอยังไม่ถูกค้นพบ ซึ่งจริงๆก็คงดีกับเธอมากกว่าล่ะนะ
ถ้าเอเทอร์น่าแสดงพลังออกมา มันจะกลายเป็นเดธแฟล็กเอาล่ะสิ…
เพราะงี้แหละคงถอนเวอร์เนลที่น่าจะเป็นกำลังสำคัญที่สุดออกไม่ได้
คงต้องไปขอโทษก่อนล่ะมั้ง
ต้องพูดไงล่ะเนี่ย?
ชั้นต้องรีบไปขอโทษก่อนที่มันจะเริ่มแค้นชั้นเพราะถูกหาว่าเป็นภาระ…
ระหว่างที่คิดอย่างนั้น ชั้นก็เดินไปที่สนามฝึก
ก็เหมือนกับสนามกีฦฬาในโรงเรียนนั่นแหละ ก็เห็นนักเรียนบางคนวิ่งจ๊อกกิ้ง บางคนก็ง่วนอยู่กับการใช้ดาบฟาดหุ่น
ชั้นหยุดดู เผื่อเห็นใครที่พอจะใช้งานได้ในการต่อสู้บ้าง แต่…อ่า ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นชัดแฮะว่าพวกเวอร์ฌนลที่ระดับสูงกว่าแค่ไหน
ใครที่อ่อนกว่าตัวประกอบเอนี่ไม่ควรค่าแก่การพิจารณาด้วยซ้ำ
ก็ใช่ว่าทุกคนจะกากอะไรขนาดนั้นนะ
ชั้นเห็นนักเรียนคนนึงที่ดูมีแววอยู่ ใช้ดาบคล้ายกับเล่มที่ชั้นให้เวอร์เนลไปเลย ถือว่าน่าชื่นชมที่ไม่เสียสมดุลจากการเหวี่ยงดาบใหญ่ขนาดนั้น
อย่างกับเวอร์เนลไม่มีผิด
…ไม่ดิ นั่นมันเวอร์เนลนี่หว่า
โอเค ถอยทัพ
“ชะ ช้าก่อนครับท่านเอลริส!”
แย่ล่ะ ชั้นโดนเห็นเข้าแล้ว วิ่งไวชะมัดเลยแก
เวอร์เนลที่วิ่งเร็วกว่าท ี่คิดมาถึงชั้น แล้วก็มองตาชั้นด้วยสีหน้าจริงจัง
แย่ล่ะ ยังโกรธที่โดนชั้นดูถูกอยู่เหรอ?
ไม่มีใครชอบที่จะถูกเรียกว่าเป็นภาระสินะ
ช่วยไม่ได้ ชั้นจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ขอโทษละกัน
เออ จะใหญ่ไม่ใหญ่ ชั้นก็ถือเป็นฝ่ายผิดร้อยเปอร์เซนต์นั่นแหละ
“เกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านี้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ”
หืม? ชั้นยังไม่ทันได้ขอโทษเลยนิ?
ก็กะจะทำแล้ว แต่เวอร์เนลก้มหัวขอโทษตัดหน้าชั้นก่อน
ไม่เข้าใจ ทำไมอ่ะ?
ลองเรียงดีๆ เวอร์เนลอุตว่าห์มาเพื่อช่วยชั้นที่ถูกขัง ไม่สนว่าตัวเองจะโดนข้อหากบฏรึเปล่า
ถึงชั้นจะบอกราชาให้ยกโทษให้กับเขาทีหลังก็เถอะ แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่เจ้าหมอนี่มาช่วยชั้นทั้งที่ตัวเองต้องลำบาก
จากนั้นในสงครามที่เมืองหลวง เวอร์เนลก็เอาตัวมาบังชั้นจากเจ้าอีกา
ถึงต่อให้ไม่มาช่วยชั้นก็ไม่เป็นไรก็เถอะ-แต่กับคนที่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชั้นแบบนั้น ชั้นกลับด่าเขาไปว่าเป็นแค่ภาระ
มาลองคิดดูดีๆ ชั้นนี่คือเลวฉิบหายวายวอดเลยนะเนี่ย
เพราะงั้น…ก็ไม่น่ามีอะไรให้เวอร์เนลต้องขอโทษนี่?
“ผมได้ยินมาจากเอเทอร์น่าแล้วก็คนอื่นๆแล้วล่ะครับ ว่าในตอนนั้นผมตายไปแล้วจริงๆ”
โอ้ เรื่องนั้นเอง ก็ควรจะสำนึกบุญคุณที่ชั้นช่วยชีวิตไว้สินะ
“ผมพยายามจะช่วย แต่กลับทำได้แค่เป็นคนที่ถูกช่วย…พยายามจะปกป้องท่านแบบไม่ลืมหูลืมตา…ผมคงจะหลงระเริงในตัวเองมากเกินไปสินะครับ”
อื้ม
ดูเหมือนว่าเวอร์เนลจะคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด จริงๆเขาน่าจะตอกหน้าชั้นกลับว่า “อุตส่าห์มาช่วย แล้วท่าทีแบบนั้นมันอะไรกัน!”ไรงี้มากกว่านะ
ถ้ามองอย่างเป็นกลาง ก็จะดูออกได้ทันทีว่าใครที่ผิด
ก็เหมือนว่าผู้กล้าถูกส่งไปช่วยเจ้าหญิงจากจอมมาร อุตส่าห์บากบั่นมาจนถึงลาสต์บอสได้สำเร็จ แต่พอมาถึงก็พบว่าเจ้าหญิงจัดการจอมมารเสร็จไปแล้ว แถมยังโดนด่าว่า “มาช้าเกินอ่ะ แถมเลเวลก็น้อย ชั้นไม่อยากได้ความช่วยเหลือจากแกหรอกนะ”
เป็นชั้นนี่หักแผ่นเกมทิ้งไปแล้ว
…เออ จริงสิ ยังไม่ได้ขอบคุณเลยนี่นา
ในชีวิตก่อนชั้นก็เป็นอย่างนี้ตลอด
ลืมที่จะพูดขอบคุณ เพราะคิดว่าบอกไปแล้ว
สงสัยชั้นจะคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจได้โดยที่ไม่ต้องใช้คำพูดล่ะมั้ง เพราะงี้แหละมีแฟนกี่ทีก็จบกันไม่สวยตลอด
อาจจะไม่ใช่จังหวะที่ถูกนัก แต่ก็คงต้องพูดตอนนี้แหละ
“ไม่จ้ะ ชั้นต่างหากล่ะจ๊ะที่สมควรต้องขอโทษ เวอร์เนลคุงแล้วก็คนอื่นๆอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชั้น แต่ชั้นกลับพูดเรื่องโหดร้ายแบบนั้นใส่เธอ ชั้นจะกลับไปทบทวนตนเองอีกครั้งจ้ะ ยกโทษให้ด้วยนะ”
การขอโทษแบบเป็นทางการสุดๆ
อย่ามองกล้อง โค้งเอวเล็กน้อยเพื่อความสวยงาม ใส่คำว่า”จะกลับไปทบทวนตนเอง”ลงไปด้วย
การโค้งนี่ถือเป็นอาวุธสุดยอดของชาวญี่ปุ่นจริงๆนั่นแหละ
พวกที่ทำแบบนี้บนทีวีน่ะไม่มีใครจริงๆใจกันหรอกนะเออ
มันจะไปมีได้ยังไงล่ะ? ชีวิตก็แบบนี้แหละ
บอกว่าจะทบทวนตนเองก็เหมือนกับบอกว่า เดี๋ยวจะคิดดูอีกทีนั่นแหละ ไม่น่าเชื่อทั้งคู่
“อย่าเลยครับ! ไม่มีอะไรที่ท่านเอลริสจะต้องขอโทษเลย…”
เวอร์เนลนี่ไม่เป็นคนดีเกินไปหน่อยเหรอ?
อย่างน้อยบอกว่า “ก็ยกโทษให้ละกัน” แบบนั้นก็ได้มั้ง
“แล้วก็ที่เธอมาช่วยชั้นน่ะ…ชั้นดีใจมากเลยจ้ะ ขอบคุณจริงๆนะ เวอร์เนลคุง”
นี่พูดจากใจจริงนะ เพราะชั้นไม่ได้คิดว่าจะมีใครมาหรอก
ตอนที่มาถึงกัน ก็ยอมรับแหละว่าชั้นด่าเจ้าพวกนี้ไปนิดหน่อยในใจน่ะ บอกว่าให้ดูบรรยากาศบ้างไรงี้
ถึงอย่างนั้นชั้นก็ซาบซึ้งที่มีคนอุตส่าห์ทำเพื่อชั้นถึงขนาดนี้นะ
ไม่รู้ทำไมเวอร์เนลถึงก้มมองข้างล่าง เหมือนจะคิดอะไรอยู่
โอ้ย มีไรนิ?
เขายกหัวขึ้นมาหลังจากผ่านไปสักพัก แล้วก็พูดด้วยแววตาจริงจังมาก
แกนี่ทำหน้าจริงจังบ่อยนะเนี่ย?
“ท่านเอลริสครับ…ถึงผมจะยังอ่อนแอ แต่…ผมจะต้องแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าตอนนี้ และกลายเป็นอัศวินที่คู่ควรกับท่านให้ได้สักวันหนึ่ง…ผมจะแข็งแกร่งขึ้นครับ!”
อ๊ะ เอ โอเค๊?
ไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้มั้ง เป็นนักเรียนระดับหัวกะทิแล้วนี่นายน่ะ เหลือแค่ทำข้อเขียนให้ดีหน่อยก็กลายเป็นอัศวินหวานหมูแล้ว
เอาจริงๆถึงตอนนั้นชั้นก็ไม่น่าจะเป็นเซนต์แล้วล่ะ–น่าจะกลายเป็นเอเทอร์น่าแทนไปแล้ว
แต่ก็พยายามเข้าล่ะ
“เธฮจะต้องแข็งแกร่งขึ้นได้แน่นอนจ้ะ ก็เวอร์เนลคุงนี่นา”
ให้กำลังใจไปงั้นแหละ ถ้าเวลเยอะพอนี่อาจจะถึงขั้นโซโล่แม่มดได้เลยก็ได้นะ แล้วชั้นก็จะได้จัดการที่เหลือได้ง่ายๆ แบบนั้นแข็งแกร่งขึ้นไวๆก็ดี
โอเค คืนดีเรียบร้อย!
อ้า ดีละ ดีละ ไม่งั้นนี่ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะขอความร่วมมือยังไงดี ตอนนี้ก็เหลือแค่รอให้เวอร์เนลและผองเพื่อนพร้อมสู้ จากนั้นก็ส่งไปใต้ดิน
ชัยชนะอยู่ไม่ไกลแล้ว!
.
นั่นเป็นสิ่งที่เธอคนนั้น(เอลริส)คิด
แค่เขา – ฟุโดว นิอิโตะ – เห็นภาพบนจอ ก็พอจะรู้ได้แล้วว่าตัวเขาอีกคนหนึ่งคิดอะไรอยู่ เขาจึงได้แต่กลั้นหัวเราะ
ถ้าไม่รู้ว่าข้างในเป็นตัวชั้น นี่ก็คงจะเป็นฉากระหว่างตัวเอกและนางเอกที่ดีฉากนึงเลย
ในฉากที่มีโรงเรียนในยามพระอาทิตย์ตกดินเป็นฉากหลัง เวอร์เนลสาบานว่าตัวเองจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้แก่เอลริสที่ยิ้มให้แก่เขา เป็นฉากที่เห็นได้บ่อย
แต่เพราะเขารู้ว่าเอลริสนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเขา…ไม่สิ เพราะว่าตัวเขาฝั่งนี้ไม่ได้ไปเกิดใหม่ด้วย ต้องบอกว่าทางฝั่งนั้นต่างหากที่เป็นตัวจริง…ก็คงบอกได้ว่าเป็ตัวตนที่ห่างไกลจากคำว่านางเอกเป็นโยชน์ล่ะนะ
“เพราะอีเวนต์นี้ไม่ได้เกิดในรูทอื่น ทำเอาตกใจเลยตอนเวอร์เนลตายน่ะ แต่…ดันรอดมาได้แฮะ ว่าไปแล้ว รูทนี้นี่ปฏิบัติกับเอเทอร์น่าอย่างกับเธอเป็นอากาศเลยนะเนี่ย”
ฟุโดวยิ้มขมขื่น การที่นางเอกโปรดของเขาอย่างเอเทอร์น่าถูกเมินนี่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆเหมือนกัน
เพราะนี่เป็นเกมจีบสาว การที่นางเอกจะมีบทน้อยในรูทของคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ก่อนหน้านี้มันควรจะมีนางเอกคนนึงที่ชื่อลีน่า โทมัส แต่หลังเธอถูกเอลริสรักษาอาการป่วยให้จนหายดีก็หายจากเนื้อเรื่องไปเลย
มีความเป็นไปได้ที่ในรูทหนึ่งจะมีโอกาสที่ไม่ได้เจอกับนางเอกคนใดสักคนเลยทั้งรูท
ถึงอย่างนั้นเอเทอร์น่าก็ยังจะมีบทในทุกรูทเนื่องจากสถานะของเธอที่เป็นเซนต์ของโลกนั้น แต่บทของเธอน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดในรูทนี้เนื่องจากบทของเอลริสในใหญ่เกินไป
แต่เพราะแบบนั้น ก็ต้องบอกว่าโอกาสที่เอเทอร์น่าจะได้พบกับแฮปปี้เอนดิ้งก็เป็นไปได้ในโลกนี้
“ก็นะ…ข้างในเป็นตัวชั้นนี่นา เพราะงั้นก็คงช่วยไม่ได้…ถ้าชั้นเป็นคนฉลาดนี่ป่านนี้ก็คงรวยตั้งแต่อยู่ฝั่งนี้ไปแล้ว”
เอลริสน่ะค่อนข้างจะโง่ ไม่ต้องให้พูดดังไป เขาเองน่ะรู้ดีอยู่แล้ว ก็ตัวเองนี่นา
ถ้าจะให้ฟุโดวเป็นคนพูดเอง ก็คงต้องบอกว่า “เป็นแค่ชั้นแท้ๆ ทำได้ไม่เลวนี่”
ใช่ ทำได้ไม่เลวเลย ถ้าดูแค่จากวีรกรรม เธอก็นับเป็นยอดคนที่สร้างปาฏิหาริย์มากมายที่ใครก็ทำไม่ได้
แต่…ก็ยังมีข้อเสียอยู่หลายจุด เธอคิดน้อยเกินไปในบางครั้ง
อีเวนต์ล่าสุดก็เหมือนกัน ทั้งที่รู้แล้วแท้ๆว่าอายุขัยเหลือไม่เยอะ แต่ก็ยังจะมาเล่นเป็นเจ้าหญิงที่ถูกจับอีก
จริงอยู่ที่โอกาสที่แม่มดจะไม่รู้ว่าเอลริสไม่อยู่ในสถาบันแล้วนั้นมีต่ำมาก แต่เก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะแบบนั้นเอลริสก็ควรจะกลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถึงทุกอย่างจะจบด้วยดี…แต่นั่นก็ต่อเมื่อมองแค่ผลลัพท์เท่านั้น
พลาดก้าวเดียวอาจทำให้ทุกอย่างพังเลยก็ได้
ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าวิญญาณถูกยกส่วนงั้นหรือ…?
“สำหรับเรื่องที่เอเทอร์น่าบทหายแล้ว ที่เหลือก็ถือว่าช่วยไม่ได้ล่ะมั้ง ไม่มีข้อมูลมากพอก็จริง แต่ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่ารูทเอเทอร์น่าและรูทเอลริสไม่สามารถเกิดขึ้นได้พร้อมกัน”
เจ้าโง่ทางฟากนั้นอาจจะความทรงจำขาดหายไปบ้าง ตอนที่เอลริสไปเยี่ยมสถาบันในวันนั้น รูทเอเทอร์น่าก็ได้หายไปตั้งแต่ก่อหน้าอนนั้นแล้ว เพราะว่ารูทเอลริสสามารถเข้าได้ด้วยโหมด New Game เท่านั้น ในขณะที่รูทเอเทอร์น่าสามารถเข้าได้ด้วยรูท New Game+ เท่านั้น
ตั้งแต่ที่เลือกรูทเอลริส ก็ไม่มีทางที่จะย้ายไปรูทเอเทอร์น่าได้อีกแล้ว ถึงสลับด้านเองก็ไม่ต่างกัน
จากการตรวจสอบของฟุโดวแล้ว ถึงจะยังสามารถเปลี่ยนรูทได้ในระหว่างรูทเอลริสไปรูทแมรี่หรือรูทเลย์ล่าแทน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไปเป็นรูทเอเทอร์น่า
ฉะนั้นความพยายามของเจ้าโง่(เอลริส)ที่อยากจะจับคู่เวอร์เนลและเอเทอร์น่าเพื่อนำไปสู่แฮปปี้เอนดิ้งก็เป็นไปไม่ได้แต่แรกแล้ว
…อย่างน้อยถ้าข้อมูลในเกมนี้เป็นจริงล่ะก็นะ
ฟุโดวเริ่มคิดลึกขึ้น เนื้อหาของเกมนี้…เป็นจริงทั้งหมดจริงๆหรือ?
เขาตั้งคำถามนี้จากอีเวนต์หนึ่งที่เขาเห็น
ในการต่อสู้ปกป้องเมืองหลวง หลังจากสู้กับบอสอีกาเสร็จ เวอร์เนลก็จะสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องเอลริสและตายไป
หลังจากนั้นเอลริสก็จะชุบชีวิตเวอร์เนลขึ้นมา แต่…ถ้าหากค่าความชอบของเธฮสูงพอล่ะก็ เอลริสก็จะใช้ปากทำ CPR ให้กับเวอร์เนล เมาท์ทูเมาท์
—ตัวชั้นจะทำแบบนั้นจริงๆงั้นเหรอ?
ถ้านี่เป็นวิธีเดียวและไม่มีทางเลือกอื่น ก็ยังเป็นไปได้ที่เขาจะฝืนใจทำ
การช่วยชีวิตตัวเอกต้องมาก่อน คงจะไม่มีใครมาบอกว่า “ถ้าอีกฝ่ายเป็นตัวผู้ก็ไม่ต้องไปCPRมันหรอก!”
แต่ถ้ามีตัวเลือกอื่น แน่นอนว่าเขาจะไม่จูบผู้ชายด้วยกันเด็ดขาด ฟุโดว นิอิโตะคือผู้ชายที่มีรสนิยมทางเพศเป็นเส้นตรง
ถึงอย่างนั้น ถ้าค่าความชอบถึง เอลริสก็ยอมที่จะทำCPRถึงแม้ว่าจะมีเวทมนตร์ที่สามารถใช้แทนกันได้
ราวกับว่าเธอต้องการเอง…ใช้การ”ช่วยชีวิต”เป็นข้ออ้างเพื่อจะได้เมาท์ทูเมาท์กับตัวเอก
ฉากนี้ทำให้แถบคอมเมนต์ระเบิดเลยล่ะ
ถ้าคนที่ไม่รู้ความจริงอาจจะคิดว่านี่เป็นฉากที่สวยงามก็ได้
เป็นฉากที่เหมือนกับหลุดมาจากหนัง แต่สำหรับฟุโดวแล้ว ฉากนี้มันดูปั้นแต่งขึ้นมาเห็นๆ
เป็นฉากที่ถูกสร้างขึ้นมาเพราะว่านี่เป็นเกมจีบสาว เพื่อเปลี่ยนฉากที่ดูจะไม่โรแมนติกให้มันโรแมนติกให้ได้
“อุก…ขัก…”
รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างขึ้นมาถึงคอ ฟุโดวรีบเอามือปิดปากตัวเองไว้
หลังจากที่หยุดไอ เขาก็พบเลือดสีแดงอยู่บนฝ่ามือนั้น
ฟุโดวหยิบผ้าที่เตรียมไว้แล้วขึ้นมาเช็ด มุมปากของเขาเผยอเล็กน้อย
“คงจะเหลือเวลาไม่นานแล้วสินะ…แต่ก่อนที่จะไป คงต้องทำสิ่งที่ชั้นทำได้ที่นี่ก่อน”
เขาลุกออกจากที่นั่งเพื่อเดินไปยังประตูหน้า
ไม่มีอะไรเหลือให้เขาทำบนโลกนี้มากแล้ว เขาต้องจัดการเรื่องส่วนตัวทีละเรื่องให้เสร็จ
มีเงินเก็บอยู่ราวๆสามสิบล้านเยน ก็ถอนออกมาและทำพินัยกรรมอะไรเรียบร้อยแล้ว
ถ้าปล่อยไว้ในธนาคารก็อาจมีปัญหาโดนแช่แข็งบัญชีอะไรแบบนั้นก็ได้ เขาจัดให้มรดกถูกส่งต่อให้แม่และน้องสาวของเขาครึ่งต่อครึ่ง
ประกันชีวิตก็เรียบร้อยแล้ว ถ้าเขาตายครอบครัวก็จะได้เงินหลายสิบล้าน แต่ยิ่งกว่านั้น เขาอยากจะรู้ความเกี่ยวพันระหว่างโลกทางฝั่งนี้และอีกฟากหนึ่ง
ดูเหมือนว่า…มันจะเชื่อมต่อกัน
เกมนี้ถูกเปลี่ยนไปตามการกระทำของเอลริสก็จริง ถึงอย่างนั้นเกมก็ยังเป็นแค่เกม
มันเป็นแค่ตัวอักษร ภาพประกอบ เพลงประกอบ และโปรแกรม ไม่ใช่ว่ามีอีกโลกหนึ่งอยู่หลังจอนั้นจริงๆเสียหน่อย…ใครๆก็คงรู้เรื่องนั้น
ข้อมูลก็ยังเป็นข้อมูล…คนในโลกสามมิติไม่สามารถเข้าไปยังโลกสองมิติได้ โลกในเกมนั้นก็ไม่ควรมีจริง
แต่ตัวชั้นอีกคนหนึ่งได้ไปเกิดใหม่ในโลกของ บุปผานิรันดร์ร่วงโรย นี่เป็นความจริง และชั้นก็ได้คุยกับเอลริสจากฝั่งนั้นจริงๆ…
อย่างน้อยที่สุด เธอก็ไม่ใช่ตัวตนที่ถูกสร้างจาก CG
เพราะแบบนั้น แทนที่เธอจะอยู่ในโลกของเกม ต้องบอกว่าเกมนั้นถูกเปลี่ยนให้เข้ากับโลกนั้นเสียมากกว่า…
เขายังไม่หยุดสงสัย
นี่เอลริสไปเกิดใหม่ในโลกของบุปผานิรันดร์จริงๆ หรือแค่เกิดใหม่ในโลกที่”คล้าย”กับบุปผานิรันดร์เฉยๆ
หรือจะเป็นกลับด้านกัน ตั้งแต่แรกแล้ว”โลกความเป็นจริง”และเกมบุปผานิรันดร์ร่วงโรย อาจจะเป็นแค่สิ่งที่สะท้อนภาพจากโลกนั้นก็ได้
คล้ายกันแต่ก็แตกต่าง
สิ่งที่ยุ่งยากจริงๆไม่ใช่แค่ตัวเกมที่เปลี่ยนไป แต่การรับรู้ของผู้คนที่เปลี่ยนไปตามการกระทำของเอลริสต่างหาก
ตัวเกมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ใครๆก็รับรู้เช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นแล้ว…
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?
เขาไม่เชื่อในพระเจ้า แต่ถ้าจะมีใครที่เปลี่ยนความเป็นจริงได้แบบนี้ ก็คงมีแต่เทพเจ้าหรือปีศาจเท่านั้นแหละ
ถ้าจะมีใครสักคนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…ก็คงมีแต่คนสร้างเท่านั้นแหละ ฟุโดวคิดเช่นนั้น
“ผู้สร้าง…’โปรเจ็คท์ อัตติโม่ เกม โปรดักชั่น’ ที่อยู่ก็…เดินทางด้วยรถไฟคงสักสามชั่วโมง”
เป็นสิ่งที่ต้องทำก่อนจะตาย
ถ้าเอลริสในอีกฟากหนึ่งกำลังพยายามโง่ๆในแบบของตัวเอง ตัวเขาทางฝั่งนี้เองก็เช่นกัน
ด้วยความมุ่งมั่นนั้น ฟุโดวกลืนอาเจียนที่ติดอยู่ในลำคอกลับลงไป
เขาเสิร์ชเสื้อโค้ทของตัวเองที่เอาไว้ใส่ตอนไปด้านนอก เขาพบมันอยู่บนพื้นห่างจากจุดที่ปกติเขาจะแขวนไว้
“…จำไม่ได้ว่าเอาไว้ตรงนี้นะ แปลกแฮะ ความทรงจำชั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรด้วย…”
เขาเอียงคอเล็กน้อยให้กับปรากฏการณ์ที่เสื้อโค้ทย้ายที่ได้เอง เอาเถอะ เขาอาจจะย้ายที่มันเองแล้วก็ลืมก็ได้
เขาไม่ได้ใช้ยาระงับปวดที่หมอให้มา ถ้าเขากินไปก็จะทำให้รู้สึกง่วงจนคิดอะไรไม่ออก แน่นอนว่าเขาก็ยังคงรู้สึกถึงอาการเจ็บปวดทรมาณเป็นระยะ…ถึงอย่างนั้นฟุโดวก็ยังยิ้มอย่างไร้ความกลัว
“เหอะ…ดูไม่ได้เลยนะ”
มองตัวเองในกระจก เขาก็รู้สึกขำตัวเอง
ผิวซีดอย่างกับศพ แก้มซูบผอมอย่างกับซอมบี้
อย่างน้อยที่สุดเขาก็ล้างหน้าสระผมแล้ว…แต่ก็คงพูดได้แค่ว่าสภาพนี้ห่างไกลจากคำว่าดูดีไปมาก
ถึงอย่างนั้น ตาของเขากลับเป็นประกายด้วยความสุขจากการที่ค้นพบสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้
นี่ต่างจากตอนที่เขาแค่รอเฉยๆจนถึงวันตาย ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน แต่เขาก็พบสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้ และนั่นกลายมาเป็นเหตุผลในการใช้ชีวิตของเขา
“เอาล่ะ…ไปเจอพระเจ้ากันเถอะ รอรับของฝากจากชั้นได้เลยนะเอลริส ตัวชั้นที่อีกฟากหนึ่ง”
มองไปยังคอมพิวเตอร์ที่ยังคงเปิดอยู่…เขาพูดกับเอลริสบนหน้าจอ ฟุโดวออกเดินทางไปยังสถานที่อันเป็นจุดหมาย: บริษัทเกมผู้ผลิต”บุปผานิรันดร์ร่วงโรย”