สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค - ตอนที่ 68 การฝึกบนเกาะ
และแล้วก็มาถึงฟุกุเทนซะทีเด้อ
เพราะอยู่ห่างจากโลกภายนอกพอสมควร ต้องนั่งเฟสติน่า เลนเต้มาตั้งชั่วโมงกว่าจะถึง
ที่นี่คือฐานที่มั่นสุดท้ายของปีศาจในฟิโอริแห่งนี้
คนที่มาด้วยกันกับชั้นมีแค่เลย์ล่าและอัศวินฝึกหัดอีกแปดคน
เพราะว่าเจ้าแว่นโรคจิตห้อยตามมาด้วย เลยต้องมอบตำแหน่งสปายแม่มดให้ลุงฟ็อกซ์สวมรอยแทนชั่วคราว
เผื่อไว้ก่อน ชั้นเลยให้เจ้าแว่นโรคจิตส่งข้อความทิ้งไว้ให้แม่มดว่าแผนการของเจ้าหมึกเป็นไปได้ด้วยดี ตอนนี้เซนต์ถูกแม่มดตัวปลอมดึงความสนใจไปได้
เพราะแบบนั้นเจ้าหมึกเลยยังกลับไปไม่ได้เพราะต้องคอยควบคุมแม่มดตัวปลอมเอาไว้…ส่วนทางเซนต์ก็อยู่ในระหว่างเตรียมตัวออกจากสถาบันเพื่อไปไล่ตาม
ชั้นเอาเจ้าเต่ามาด้วย ให้คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของแม่มดไว้ให้ดีๆ
แม่มดยังไม่รู้เรื่องที่ชั้นเดินทางออกห่างจากโรงเรียนมาแล้ว แต่ถึงรู้ก็คงดีใจยกใหญ่แล้วก็เลือกจะซ่อนตัวใจ้สถาบันต่อ แต่ก็ต้องเอาเจ้าเต่ามาด้วยให้มั่นใจไว้ก่อน
อีกอย่างนึง พวกกลุ่มของเวอร์เนลดูจะตกใจมากที่โหรผู้โด่งดังคนนั้นดันเป็นเต่าไปซะได้ ก็แหงล่ะนะ
“ที่นี่คือสุดขอบโลก…ไม่สิ อีกด้านหนึ่งของโลก ฟุกุเทน สินะคะ”
เลย์ล่าพูดกับตัวเองเหมือนต้องการจะทำให้แน่ใจ
ฟุกุเทนถือว่าอยู่อีกซีกโลกนึง เป็นด้านตรงข้ามของของทวีปที่เราอาศัยอยู่
จนถึงก่อนหน้านี้ไม่นาน คนในโลกนี้ยังเชื่อกันอยู่เลยว่าโลกแบนน่ะ
เพราะอย่างนั้นฟุกุเทนจึงถูกเรียกว่าเป็น “สุดขอบโลก”
เป็นสถานที่ที่ห่างไกลจากอารยธรรมอื่นๆที่สุดในโลก โดยเฉพาะในโลกที่การเดินทางยังไม่พัฒนาน่ะนะ
ผู้คนส่วนใหญ่จะคิดเกี่ยวกับฟุกุเทนว่า “ก็รู้นะว่ามีที่นี่อยู่ แต่ก็ไม่เคยไปหรอก” แบบนั้นแหละ
เพราะอย่างนี้ที่นี่จึงเป็นสถานที่เดียวที่ปีศาจยังไม่ถูกปราบและยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง
ถ้าปีศาจที่อยู่ที่นี่โดนกวาดล้างหมดไป ที่เหลือทั้งหมดก็คงมีแต่พวกปีศาจที่อาศัยอยู่กับแม่มดใต้ดินนั่นแหละ
“แต่ว่า…จะว่ายังไงดีล่ะ ที่นี่เป็นเหมือนดินแดนร้างเลยนะคะเนี่ย”
ไอน่าหันไปรอบๆ วิวทิวทัศน์เบื้องหน้าก็เป็นตามที่เธอพูดเลย
พื้นดินแตกระแหง หิน ทราย ภูเขาเรียงกันสุดลูกหูลูกตา แทบไม่มีสีเขียวปนอยู่เลย
ดินของที่นี่แห้งจนแทบไม่มีชิ้นดี เหมือนกับโดนดูดน้ำออกไปซะหมด
นี่ไม่ใช่แค่ระดับของที่รกร้างแล้ว อย่างกับดินแดนแห่งความตายมากกว่า
“นี่ไม่ใช่ทิวทัศน์ที่แปลกใหม่เลย ที่ทวีปใหญ่เองก็เป็นเช่นนี้จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว”
ไอ้แว่นโรคจิตพูดเหมือนกำลังคิดถึงบางอย่าง
อย่างที่มันพูดเลย ตอนที่ชั้นเพิ่งจะเริ่มกลายเป็นเซนต์ก็เจออะไรประมาณนี้แหละ
ชั้นใช้เวทมนตร์เพื่อพรวนดินแบบวงกว้าง ดึงน้ำออกมาจากแหล่งน้ำใต้ดิน ฝังเมล็ดลงดินแล้วใช้เวทย์รักษาเร่งโตให้มีพืชผุดขึ้นมา เรียกว่าใช้พลังเวทย์เข้าว่านั่นแหละ
ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าถ้ามนุษย์โดนเวทย์รักษาแบบแรงขนาดนั้นเข้าไปจะเป็นอะไรมั้ย
ก็ไม่เคยลองอ่ะนะ
ชั้นเคยใช้วิธีนี้กับปีศาจลิงตัวนึง ทำให้มันแข็งแหร่งขึ้นอย่างมากในช่วงเวลานึง แต่ก็ไม่เคยใช้กับมนุษย์ด้วยกันเอง
ก็ยังสู้อะไรชั้นไม่ได้อ่ะนะ
แต่มันก็ดูน่ากลัวอ่ะนะ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยใช้อีกเลย
“ตราบเท่าที่ปีศาจยังไม่สูญสิ้นไป ภาพเช่นนี้ก็จะยังคงอยู่ ไม่ว่าจะปลูกต้นไม้ไปเท่าไรก็จะถูกทำลายด้วยปีศาจ มนุษยชาติอาจจะทำร้ายธรรมชาติไว้ก็จริง…แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรเลย ปีศาจในทางกลับกันน่ะ เป็นศัตรูของธรรมชาติและโลกอย่างแท้จริง การทำลายเป็นสิ่งเดียวที่พวกมันสามารถทำได้…”
เลย์ล่าพูดด่าพวกปีศาจแบบไม่ยั้งปากเลย คงจะเกลียดพวกมันมาก
ก็อยากจะแก้ต่างให้พวกมันบ้างน่ะนะ ยังไงซะพวกมันก็เป็นแค่สัตว์ที่โดนเปลี่ยนไปด้วยพลังของแม่มด จะเรียกว่าเป็นเหยื่อเหมือนกันก็ได้
แต่ให้ชั้นที่เป็นศัตรูอันดับของพวกมันมาแก้ต่างให้นี่ก็ดูไม่ใช่ที่ใช่มั้ยล่ะ
ไงก็เหอะ มาหาปีศาจที่แกร่งๆไปเป็นเป้าฝึกกันดีกว่า
“โปรเฟตะคะ ที่เกาะแห่งนี้มีปีศาจที่อยู่ในระดับชั้นสูงหรือมหามารหรือเปล่าคะ?”
“อุมุ ก็มีตัวที่ดูจะเก่งๆอยู่ไม่น้อยเลยนะ มีหมึกกล้วยตัวใหญ่อยู่ห่างออกไปประมาณห้ากิโลเมตรทางใต้น่ะ”
ก่อนหน้านี้ก็หมึกยักษ์ ตอนนี้มาหมึกกล้วย…รู้งี้เตรียมน้ำจิ้มซีฟู้ดมาด้วยน่าจะดีนะเนี่ย
ไงก็เถอะ หมึกกล้วยตัวใหญ่นี่น่าจะยุ่งยากพอสมควรเลย
เพราะว่ามันอาศัยอยู่ใต้ทะเลเป็นหลัก วิธีการต่อสู้ของมันก็ต้องต่างจากพวกปีศาจที่มาจากสัตว์บกอยู่แล้ว
ถ้าเป็นอย่างเจ้าหมึกยักษ์ที่ขึ้นมาอยู่บนบกก็ว่าไปอย่าง ต้องบุกลุยเข้าถิ่นมันไปนี่ลำบากน่าดู
แต่ถ้าของยากแบบนี้ล่ะก็ น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีกับพวกเวอร์เนลได้นะ
ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวชั้นก็แก้ปัญหาให้เองแหละ ไม่ต้องห่วงเลย
“ขอถามเพื่อความมั่นใจนะคะ แต่จะไม่มีใครเดือดร้อนถ้าเราปราบปีศาจตนนี้ไปใช่ไหมคะ?”
“อืม–คิดว่าไม่นะ เพราะว่าเจ้านี่ก็ดูจะมีค่าหัวอยู่ด้วย”
พอได้ยินที่ชั้นถามเจ้าเต่าไป พวกเวอร์เนลก็ทำหน้าเหมือนจะบอกว่า “ไม่มีใครเดือดร้อยกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้วป่ะ?”
ก็นะ ใช้สามัญสำนึกคิดก็คงอย่างนั้นแหละ
มีปีศาจแบบนั้นอาศัยอยู่ในทะเลใกล้ๆนี่ ทั้งปลาทั้งหอยก็น่าจะโดนจับกินไปซะเยอะ ขนาดสาหร่ายยังเสียหายไม่น้อยเลย
แถมทำให้ออกเรือประมงไม่ได้อีก คิดดูก็มีแต่เสียกับเสียแต่เรื่องแบบนี้น่ะ จะมาคิดเองเออเองไม่ได้นา
อาจจะมีใครใช้เจ้าหมึกตัวนี้เป็นส่วนนึงของอาชีพในการประกอบชีวิตก็ได้
จะไปจัดการมันโดยพละการนี่มันอาจเป็นปัญหาเอาทีหลังก็ได้นะ
แต่ถ้าถึงขนาดมีค่าหัวนี่ก็คงไม่มีปัญหาอะไรแหละ
“ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เราก็ไปกันเถอะค่ะ”
เอาล่ะ งั้นก็มาเริ่มการฝึกซ้อมกันเลยดีกว่า
.
พอมาถึงหาดปุ๊บ ก็เจอเจ้าหมึกตัวเบิ้มนั่งส่ายหนวดไปมาอยู่ ทำท่าเหมือนจะบอกว่า “มาช้าจริง”
มันไม่คิดจะหนีหรือซ่อนเลยแฮะ
มันแค่ส่ายหนวดขึ้นลงไปเรื่อย ตัวลอยตุ๊บป่องอยู่เกยหาด
ขนาดนี่…ถ้ารวมความยาวหนวดด้วยก็สี่สิบเมตรเห็นจะได้
เคยได้ยินในข่าวว่าที่ซานตาโมนิก้าเองก็เคยมีการจับหมึกตัวใหญ่กว่า 49 เมตรได้เหมือนกัน ตอนแรกก็นึกว่าข่าวปลอม แต่มาคิดดูดีๆนี่อาจจะจริงก็ได้นะเนี่ย
ถ้าเอามากินนี่ จะเลี้ยงได้ซักกี่คนกันนะ?
แต่ที่ชั้นสงสัยจริงๆก็คืองวงที่ติดอยู่กับหน้ามันนี่แหละ
อะไรวะเนี่ย? คิเมร่าพันธุ์ผสมระหว่างหมึกกับช้างเรอะ?
“ยะ…ใหญ่มากเลย”
“ฮึ ก็มีดีแค่ขนาดเท่านั้นแหละ”
ตัวประกอบเอดูจะกระวนกระวายพอสมควร ในขณะที่ด็อกคุงยังดูจะมั่นใจอยู่
โอ้ ไบท์คุงนี่เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย
แมนคุงตั้งท่าโจมตี แล้วก็หัวเราะ
“แค่ผมคนเดียวก็เหลือแหล่แล้ว อย่าเข้ามายุ่งล่ะ ถ้าเป็นเจ้านี่ล่ะก็ ผมใช้พลังแค่ 60 เปอร์เซนต์ก็เกินพอ”
ไม่ดิเฮ้ย ใช้ 100 เปอร์เซนต์สิวะ
ในขณะที่คิดอย่างนั้น ด็อกคุงก็ตรงเข้าโจมตีเจ้าหมึก
ทันทีที่ลงน้ำไป ความเร็วของเขาก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ยกขาขึ้นทีมีเสียงป๋อมแป๋ม
จากนั้น—ก่อนที่จะได้เงื้อหมัดด้วยซ้ำ หนวดของเจ้าหมุกก็เข้าโจมตี ส่งครั๊นช์คุงลอยไป
“กุว้าาาา!!”
ไอ้หมาขี้แพ้จอดไปแล้วเว้ย!
ช่วยไม่ได้ ชั้นเลยต้องใช้เวทย์ลมลดแรงกระแทกจากการตก
หมาขี้แพ้สมฉายาเลยว่ะ
ยังไม่ทันได้ดูฝีมือแกเลยนะเนี่ย
เจ้าหมึกเลิกสนใจด็อกคุงแล้วหันหนวดมาทางชั้นแทน
อะไร จะเล่นเทนทาเคิลเพลย์รึไง? ไปหาสาวน้อยน่ารักคนอื่นแทนสิเว้ย
เอเทอร์น่างี้ ไอน่างี้ แมรี่งี้ ฟิโอร่าก็ได้ แล้วก็ถึงจะไม่รู้ว่ายังจะนับเป็นสาว’น้อย’ได้รึเปล่า ก็ยังมีเลย์ล่าอีกคน
ถ้าให้ดูล่ะก็ยินดี แต่ถ้าจะให้เจอเองนี่ก็ขอผ่านแบบไวจี๋เลยเหอะ
ชั้นสร้างบาเรียออกมาลวกๆ ป้องกันหนวดของมันไว้ได้
“ท่านเอลริส! เฮ้ย แกน่ะ คู่ต่อสู้ของแกอยู่ทางนี้!”
เวอร์เนลยกดาบใหญ่ขึ้นพร้อมพุ่งเข้าหาเจ้าหมึก
ถึงมันจะยังนับว่าอยู่ในทะเล แต่ก็เป็นจุดที่เท้ายังพอยืนถึงได้
แต่ถึงดาบของเวอร์เนลจะยาวแค่ไหน ก็ยังต้องลงน้ำไปโจมตีอยู่ดี
เด๊่ยวก็กลายเป็นเหมือนไบท์คุงหรอก…หรือว่าตัวเอกคนนี้จะมีแผนอะไร
“IKANZOU!!”[มาจาก อิกะ=หมึก โซ=ช้าง ก็คือช้างหมึก แต่ยังมีอีกความหมายว่า ไม่ได้นะ”
เจ้าหมึกคำรามออกมาพร้อมส่ายหนวด
ทำไมร้องแบบนั้นอ่ะ…?
แต่เวอร์เนลก็ไม่เสียจังหวะ ใช้ดาบของเขาตัดหนวดออกไปได้จำนวนหนึ่ง
สมเป็นตัวเอกจริงๆ ฝีมือคนละชั้นกับหมาขี้แพ้เลย
คนอื่นๆในปาร์ตี้ก็้เริ่มโจมตีเหมือนกัน บ้างก็ยิงลูกธนูหรือเวทย์จากระยะไกล บ้างก็ตามเวอร์เนลเข้าโจมตีระยะประชิด
โอ—สมกับเป็นอาวุธที่ตูสร้างเองจริงๆ จัดซะเจ้าหมึกยับเลยนะเนี่ย
ปิดท้ายด้วยการที่เอเทอร์น่ายิงเวอย์แสงใส่ เปลี่ยนเจ้าหมึกให้กลายเป็นสีดำเกรียม
สมกับเป็นพลังของเซนต์ สู้กับปีศาจได้ดีจริงๆนั่นแหละ
ถึงจะพลังเวทย์ไม่มาก แต่ก็ประสิทธิภาพไม่เลวเลย
เจ้าหมึกใช้พลังเฮือกสุดท้ายคิดจะโจมตีชั้น แต่ก็โดนเวอร์เนลขวางไว้ ก่อนที่มันจะแน่นิ่งไป
“เป็นพลังที่วิเศษจริงๆ…ไม่ด้อยไปกว่าเซนต์รุ่นก่อนๆเลยนะคะเนี่ย”
อุ๊ย
พอได้ยินเลย์ล่าประเมิณพลังของเอเทอร์น่า ทำเอาแก้มชั้นกระตุกหน่อยๆเลย
ก็นะ ก็เธอเป็นเซนต์ตัวจริงนี่นา
“หากท่านเอลริสไม่ใช่เซนต์คนปัจจุบันล่ะก็ เธอคงจะถูกเข้าใจว่าเป็นเซนต์ของยุคสมัยนี้ไปแล้วนะคะเนี่ย”
“…นั่นสินะจ๊ะ”
พูดแบบนี้นี่ไม่ใช่ว่ารู้อะไรใช่มั้ยเลย์ล่า?
นี่คือสงสัยชั้นรึยังเนี่ย?
มีความคิดประมาณว่า “หรือว่าเธอไม่ใช่เซนต์ตัวจริงกันนะ?” ผุดขึ้นมาบ้างป่าววะ?
ชั้นมีพลังความมืดที่ได้มาจากเวอร์เนลเมื่อสามปีที่แล้ว ทำให้ใช้พลังที่”มีแค่เซนต์เท่านั้นที่จะมีได้”
สมมติว่าถ้าเซนต์มีพลังโจมตีอยู่ที่ 100 การโจมตีที่ใช้แค่พลังเวทย์ 1 หน่วยก็จะทำดาเมจกับแม่มดได้ 100 ดาเมจแบบตรงๆ
ในทางกลับกันพลังโจมตีของชั้นอยู่ที่ 10 ถ้าจะทำดาเมจให้แม่มดได้ก็ต้องใช้พลังเวทย์กว่า 100 หน่วย
“แต่นี่ถือว่าผิดคาดจริงๆค่ะ หากปีศาจระดับนี้ยังไม่อาจเป็นคู่มือที่เหมาะสมให้ได้ ถ้าเช่นนั้นการฝึกนี้ก็ดูจะไม่สร้างผลมากนัก”
“อุมุ…”
ต้องหาวิธีอื่นแล้วมั้งเนี่ย
เอเทอร์น่าพลังตื่นนี่ก็ดีอยู่หรอก แต่ได้เปรียบในการต่อสู้กับปีศาจมากเกินไปจนมันง่ายแล้วเนี่ย
มันก็เป็นเรื่องดีที่นี่แสดงให้เห็นว่าเอเทอร์น่าจะเป็นกำลังหลักในการต่อสู้ได้จริงๆ
แต่ก็ไม่รู้ว่าในการต่อสู้กับแม่มดจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทุกคนมีประสบการณ์มากกว่านี้
“…ริส …โอ…เอลริส…”
เงียบดิ๊ คนเค้ากำลังใช้ความคิดเนี่ย
ใครวะ นี่ใครกำลังพูดอยู่เนี่ย?
“นามของเราคืออัลเฟรีย…เรากำลังสื่อสารกับเจ้า เซนต์รุ่นปัจจุบันอยู่…”
หืมม เข้าใจล่ะ อัลเฟรียสินะ?
เป็นตัวตนที่โผล่มาแค่ชื่อในเกม แล้วไง เซนต์คนแรกมีธุระอะไรกับชั้น…
เซนต์คนแรก อัลเฟรีย!!??
ไม่ใช่ว่าตายไปนานแล้วหรอกเหรอ? แล้วทำไมถึงมาคุยกับชั้นได้ล่ะเนี่ย?
ไม่ดิ…ยิ่งกว่านั้น…โกหกน่า…
“เจ้าอาจจะตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่เป็นเพราะว่าเจ้าได้ทำการปัดเป่าความมืดในโลกออกไปเป็นจำนวนมาก ทำให้เสียงของเราส่งมาถึงเจ้าได้ ที่จริงเราควรจะสามารถติดต่อเจ้าได้ตั้งนานแล้ว แต่ว่า…ไม่สิ คงจะเป็นเพราะว่าพลังของเราอ่อนลง อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะว่าเจ้ามายังเกาะแห่งนี้ ทำให้การสื่อสารนี้เป็นไปได้”
เสียงกระจ่างใสดังขึ้นในหัวของชั้น
แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่ชั้นคนเดียวที่ได้ยิน เพราะคนอื่นๆไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
ใช่…ขนาดเอเทอร์น่ายังไม่ได้ยินเลย
“ไม่รู้ทำไมการติดต่อเจ้าถึงได้ยากเย็นนัก? และดูเหมือนว่าจะคงอยู่ได้ไม่นานด้วย แต่ก็มีเรื่องที่จะต้องคุยกับเจ้าให้ได้ ช่วยมาหาเราหน่อยได้ไหม? ตัวเราอยู่ที่สุสานแห่งเซนต์คนแรก ภายในเกาะแห่งนี้นี่ล่ะ…”
พอพูดถึงตรงนี้ สายก็ดับไป
เพราะงี้ไงถึงบอกให้ชาร์จมือถืออยู่ตลอดน่ะ
แต่ว่า เซนต์คนแรกเหรอเนี่ย? ฮะ…ก็มีเรื่องให้คิดอยู่เยอะนะ ว่าทำไมชั้นถึงได้ยินเสียงของเซนต์คนแรก หรือว่าทำไมสุสานของเธอถึงอยู่ที่นี่ แต่ที่สำคัญที่สุด…
…เซนต์คนแรก…แยกเซนต์ตัวจริงกับตัวปลอมไม่ออกอ่ะ…
ได้ไงฟะ…นี่เซนต์ตัวจริงอย่างเอเทอร์น่าก็ยืนหัวโด่อยู่ข้างๆชั้นเนี่ย