สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค - ตอนที่ 84 บุปผานิรันดร์ร่วงโรย
นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
ทุกอย่างมันควรจะจบลงไปแล้ว
แม่มดถูกผนึก นั่นควรจะเป็นตอนจบของเรื่องราวนี้
ทว่า พลังของเวอร์เนลกลับบ้าคลั่งขึ้นมาและทำทุกอย่างพังหมด
เรื่องนี้มีเหตุผลอยู่
จี้ห้อยคอที่คอยคุวบคุมพลังของเขาเอาไว้ตกออกไปในช่วงระหว่างการต่อสู้ และเพราะว่าแม่มดที่ถูกผนึกต้องการที่จะตาย จึงเป็นชนวนให้พลังของเวอร์เนลถูกกระตุ้นขึ้นมา
สำหรับเวอร์เนลในตอนนี้แล้ว นั่นไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปเลย
เป็นเพราะว่าความเกลียดชังที่เวอร์เนลมีต่อแม่มดนั้นมีอยู่สูง
ถ้าแค่ไม่มีเธอ เขาก็จะไม่ถูกครอบครัวของตัวเองทอดทิ้งราวกับเป็นขยะ
ถ้าแค่ไม่มีเธอ…เขาก็จะไม่ต้องพบกับเอลริสในวันนั้น และอายุขัยของเธอก็จะไม่ถูกบั่นทอนจากการดูดซับพลังของเขาเข้าไป
ด้วยจิตอาฆาตที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจนี้ ทำให้พลังเขาเข้ารุนแรงขึ้น และง่ายที่จะกระตุ้นมันออกมา
สุดท้ายมันก็ถูกเปลี่ยนเป็นหอก พุ่งทะลวงผ่านผนึกและหัวใจของอเล็กเซีย เป็นการปลิดชีพของเธอลงในที่สุด
สำหรับเวอร์เนลแล้ว นั่นน่ะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
พลังของแม่มดจะถูกส่งผ่านให้คนที่สังหารเธอ
เขารู้ดีว่าภาชนะที่ไม่เหมาะสมแก่การรับพลังนั้นจะเป็นอย่างไร เขาก็คงจะต้องตาย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรขนาดนั้น หรือต่อให้เขารอดมาได้แล้วกลายเป็นตัวตนที่ใกล้เคียงกับแม่มด ที่ตรงนั้นมีทั้งเอลริส อัลเฟรีย และเอเทอร์น่าอยู่ การจะควบคุมสถานการณ์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
โศกนาฏกรรมที่แท้จริงเริ่มขึ้นต่อจากนั้น
ในพริบตาที่อเล็กเซียกำลังจะถึงแก่ความตาย โซ่แห่งแสงที่ตรวนเธออยู่ก็ส่งแสงเรืองรองออกมา
นั่นคงเป็นการโจมตีปลิดชีพจากเอลริส
สำหรับเหตุผลนั้น…ไม่ใช่เรื่องยากที่จะคาดเดาเลย
หากปล่อยไว้ พลังแม่มดจะถูกส่งผ่านมายังเวอร์เนลและฆ่าเขา เธอจึงใช้ตนเองเป็นตัวแทนเพื่อช่วยเขาไว้
“ทะ ท่านเอลริส… ท่านทำอะไรลงไป!? เมื่อสักครู่ท่านทำอะไรลงไปกันคะ!?”
เลย์ล่าตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
โซ่นั้นก็แค่เปล่งแสงเท่านั้น เธออาจจะไม่ได้ใช้มันฆ่าแม่มดจริงๆก็ได้
ขอล่ะ ช่วยบอกทีเถอะว่ามันไม่จริง
เอลริสตอบคำถามที่เปี่ยมด้วยความกลัวนั้นกลับไป
“ชั้นได้ทำการสังหารท่านอเล็กเซีย เพราะเช่นนั้นพลังของแม่มดจึงจะถ่ายทอดมาสู่ตัวชั้นแทนค่ะ”
นั่นคือกรณีเลวร้ายที่สุด
ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดจะกลายมาเป็นผู้ชั่วร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
จากนั้นในอีกไม่กี่ปี เอลริสที่กลายเป็นแม่มดจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างและนำโลกนี้ไปสู่ความสิ้นหวัง
แต่สำหรับเวอร์เนลที่รู้ความจริงอยู่แล้ว…ความสิ้นหวังที่เขามีอยู่ในตอนนี้มันแตกต่างกัน และทุกคนที่นี่ก็กำลังจะได้รับรู้ความสิ้นหวังนั้นเช่นกัน
“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ ชั้นจะไม่กลายเป็นแม่มดหรอก”
เมื่อได้เห็นรอยยิ้มเช่นนั้นของเอลริส สีหน้าของเลย์ล่าก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย
นั่นเป็นข่าวดี แสดงว่าเธอได้เตรียมแผนฉุกเฉินเผื่อสำหรับสถานการณ์นี้เอาไว้แล้วสินะ
ใช่แล้ว เธอก็บอกมาตั้งแต่แรกแล้วนี่ว่าเธอจะไม่กลายเป็นแม่มด
มันมีวิธีที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตา…และทำลายวังวนนี้ในยุคสมัยปัจจุบันได้อยู่
เอลริสไม่มีทางที่จะโกหกอยู่แล้ว
ทว่า ความจริงของเรื่องนั้นแตกต่างจากความเข้าใจของเลย์ล่า
“ก็เพราะว่า…ชั้นน่ะไม่ใช่เซนต์นี่นา”
คำที่ดูเหลือเชื่อนั้นทำให้บรรยากาศรอบๆแข็งทื่อ
เธอไม่ใช่เซนต์
ใครนะที่ไม่ใช่? เอลริสคนนี้น่ะหรือ?
เธอที่ถูกเรียกว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เธอผู้นำมาซึ่งปาฏิหาริย์ เอลริสคนนี้น่ะนะ?
เรื่องบ้าอะไรกัน
ทุกๆคนนอกจากอัลเฟรียและเวอร์เนลที่รู้ความจริงต่างคิดเช่นนั้น
ขนาดเธอคนนี้ไม่ใช่เซนต์ แล้วโลกนี้มันจะไปมีเซนต์อยู่ได้ยังไงกันล่ะ?
“เซนต์ตัวจริงของยุคสมัยนี้ก็คือเอเทอร์น่าซังน่ะจ้ะ ตัวชั้น…ก็เป็นแค่ของปลอมที่เกิดในหมู่บ้านเดียวกับเธอ และถูกเข้าใจผิดและเลี้ยงดูมาในฐานะของเซนต์”
“…โกหกน่า”
เลย์ล่ารู้สึกเหมือนกับทั่วร่างแข็งทื่อไปหมด ไม่ต่างจากการถูกโยนลงไปท่ามกลางธารน้ำแข็ง
เธอไม่รู้สึกตัวว่าเธอกำลังยืนอยู่ด้วยซ้ำ
เรื่องที่ว่าเอลริสไม่ใช่เซนต์ตัวจริงนั้นเป็นเรื่องน่าตกใจ
หากเธอไม่ใช่เซนต์ ถ้าเช่นนั้นก็ยากที่จะทำความเข้าใจในปาฏิหาริย์ต่างๆที่เธอเคยทำมาได้
แต่เรื่องนั้นน่ะ ไม่เป็นไรเลย
ไม่ว่าเธอจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม เธอก็ยังเป็นเอลริส มีแค่เรื่องนั้นเท่านั้นที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
เธอคือนายหญิงที่ตนรับใช้…นายหญิงที่ตนเคารพรักเป็นที่สุด ถึงใครคนอื่นจะเป็นเซนต์ตัวจริง ความภักดีของเลย์ล่าก็จะไม่สั่นไหว
ถึงจะถูกบอกว่าเป็นตัวปลอม เธอก็ไม่ได้ผิดหวังเลยสักนิด
ที่เธอรู้สึกมีเพียงแค่ความกลัว
หากเอลริสไม่ใช่เซนต์ นั่นก็หมายความว่า…โชคชะตาที่รอเธออยู่ มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“ขอโทษนะคะที่หลอกทุกคนมาตลอดน่ะ แต่คำลวงทั้งหมดจะจบลงในวันนี้แล้ว แล้วก็เอเทอร์น่าซัง…ชั้นขอคืนตำแหน่งเซนต์ให้กับคุณค่ะ”
เอเทอร์น่าที่จู่ๆก็ถูกเรียกว่าเป็นเซนต์”ตัวจริง”ไม่สามารถเข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้ได้เลย เพียงแต่พึมพำอยู่กับตัวเอง
แต่การ”จบลง”ที่เอลริสพูดถึงทำให้ทุกคนเข้าใจได้ว่าสิ่งที่รอเธออยู่คืออะไร ถึงแม้พวกเขาจะไม่อยากยอมรับมันก็ตาม
“คนที่ไม่ใช่เซนต์จะไม่สามารถทนรับพลังของแม่มดได้ ภาชนะนี้ไม่เหมาะสมกับพลังนั้นและจะนำไปสู่ความตาย…และพลังแม่มดที่ไม่มีที่สิงสถิตก็จะไม่สามารถถ่ายทอดไปสู่เซนต์คนต่อไปได้…และในท้ายที่สุด วังวนที่ต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนานนี้ก็จะจบลง”
“เรื่องนั้นมัน…”
ฟิโอร่าร้องไห้เมื่อได้ยินเอลริสพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรจะเกิดขึ้น
ตั้งแต่แรก…เอลริสคงตั้งใจจะทำเช่นนี้มาโดยตลอด
เวทมนตร์ผนึกของอัลเฟรียเป็นตัวเลือกที่ถูกมองข้ามไป สิ่งที่เธอไม่ได้คิดเอาไว้ก่อน
ถ้าแผนการไปได้ด้วยดีก็ดีไป แต่หากล้มเหลว เธอก็จะลากความเศร้าทั้งหมดลงหลุมกับเธอไปด้วย
นี่คือการตัดสินใจของเธอตั้งแต่ต้น
“เลย์ล่า…ขอโทษจริงๆนะจ๊ะ ชั้นรู้ดีว่าเธอภูมิใจที่ได้รับใช้เซนต์มากแค่ไหน ที่ต้องให้มาพัวพันกับตัวปลอมอย่างชั้น…ไม่ว่าจะขอโทษสักกี่ครั้งก็คงไม่เพียงพอ”
“ท่าน…เอลริส…ไม่ค่ะ …ดิฉัน…”
ผิดแล้วค่ะ นั่นไม่ใช่เรื่องจริงเลย
ท่านจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอมนั้นไม่สำคัญเลย
สำหรับเธอแล้ว เซนต์ที่แท้จริงมีเอลริสเพียงคนเดียวเท่านั้น
ถึงจะคิดเช่นนั้น เสียงกลับไปยอมออกมาจากคอของเลย์ล่า
อย่างไรก็ตาม เวลาก็ไม่คิดจะรอคอยเลย์ล่า
หมอกสีดำไหลออกมาจากคริสตัลและตรงไปหาเอลริส
การถ่ายทอดพลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“อะ อ๊า….อ๊าาาาาาาาา”
เลย์ล่าชักดาบออกมาและพยายามที่จะฟันไปยังหมอกเหล่านั้น
หมอกนั้นไร้รูปร่าง ไม่ว่าจะพยายามใช้ดาบฟันเข้าใส่สักกี่ครั้งก็ไร้ประโยชน์
“เลย์ล่า”
เอลริสค่อยๆกุมมือของเลย์ล่าที่เหวี่ยงดาบไปมา
ตัวเอลริสเองรู้ดีกว่าใครว่านี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เลย์ล่ารู้สึกถึงความไร้พลังของตัวเอง ดาบของเธอร่วงลงกับพื้น
เอลริสใช้มือของเธอเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเลย์ล่า จากนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้มที่ราวกับเข้าใจในทุกอย่าง
“ขอบคุณนะจ๊ะ”
ไม่มีใครรู้ว่าในหนึ่งคำนั้นมีความรู้สึกผสมอยู่มากมายเพียงใด
เลย์ล่าพยายามที่จะตอบกลับไป แต่ก็ไม่อาจเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้
เธอจึงโอบกอดเอลริสด้วยแรงทั้งหมดที่เธอมีเหลือ พยายามที่จะสื่อว่าเธออยู่ตรงนั้น
ราวกับมารดาที่ปลอบประโลมลูกสาวของตัวเอง เอลริสลูบศีรษะของเลย์ล่าที่ตัวสูงยิ่งกว่าตนเองเบาๆ
ความเศร้าในจิตใจของเลย์ล่ามีแต่จะเพิ่มขึ้นในทุกขณะ
เธอจะจากไปแล้ว…ในอีกไม่นาน ทั้งหมดนี้ก็จะจางหายไป
เลย์ล่าจะไม่ได้รอยยิ้มนั้นอีกแล้ว จะไม่ได้สัมผัสกับมือคู่นี้อีกแล้ว
นี่คือความตาย การลาจากที่ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถหลีกหนีพ้น
เลย์ล่าหันไปหาทุกคนในขณะที่ยังปลอบโยนเลย์ล่าอยู่
“ตั้งแต่นี้ไป จะไม่มีแม่มดเกิดขึ้นมาอีกลแ้ว วังวนที่ยาวนานกว่าหนึ่งพันนี้ก็จะสิ้นสุดลง และโลกนี้ก็จะเดินหน้าต่อไปได้เสียที ชั้นอาจจะไม่ได้อยู่ที่นั่นกับพวกเธอด้วย แต่…ชั้นก็หวังให้ทุกคนมีความสุขกันนะคะ”
ในอีกชั่วครู่ การถ่ายเทพลังก็จะสิ้นสุดลง
ในเวลานั้น ชีวิตของเอลริสก็จะดับสูญตามไปด้วย
เธอรู้เรื่องนั้นดี—เธอจึงส่งรอยยิ้มครั้งสุดท้ายของชีวิต กล่าวให้กำลังใจออกมา
“ตั้งแต่นี้ไป คือยุคของพวกเธอ”
เมื่อคำพูดนั้นจบลง ร่างกายของเอลริสก็สูญเสียเรี่ยวแรงไป
เลย์ล่ารับร่างผอมบางนั้นไว้ไม่ให้ร่วงลงกับพื้น
จากสัมผัสนั้น ก็ทำให้เธอเข้าใจได้
อา…ไม่นะ มันเกิดขึ้นแล้ว
เธอจากไปแล้ว
ถึงแม้ร่างกายของเธอจะยังอยู่ที่นี่ แต่เนื้อในนั้นกลับหายไป
ไม่มีสัญญาณของชีวิต เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณ
เอลริสผู้นอนหลับตาอย่างเงียบงันในอ้อมกอดของเลย์ล่านั้นไร้ซึ่งพละกำลังใดๆ…ดอกไม้ประดับที่ไม่มีวันเหี่ยวเฉาบนศีรษะของเธอร่วงกระจายลงกับพื้น
ดอกไม้ประดับที่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังเวทย์ของเอลริสถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นดอกไม้ธรรมดา เนื่องด้วยพลังเวทย์ของเธฮที่หายไป
การที่มันร่วงลงมา เป็นสัญญาณว่าชีวิตของเอลริสได้จบลงไป
และแล้ว บุปผาแห่งนิรันดร์นั้นก็ได้ร่วงโรยลง
“โกหก…นี่เป็นเรื่องโกหก โกหก! ท่านเอลริสคะ! โปรด…โปรดลืมตาขึ้นมาเถิด!”
อารมณ์ของเลย์ล่าในตอนนี้เปรียบได้กับพายุ เธอไม่มีเศษเสี้ยวของความใจเย็นตามปกติหลงเหลืออยู่เลย
น้ำตาไหลรินไม่หยุด ใบหน้าเองก็บิดเบี้ยว
ไม่ว่าจะเรียกสักกี่ครั้ง เอลริสก็ไม่ลืมตาขึ้นมา ทำให้ทุกคนรับรู้ได้ว่าร่างนั้นเป็นเพียงส่วนที่หลงเหลือของเธอ
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะเลย์ล่า เซนต์ของเธอจะไม่ตายอย่างแน่นอน”
เธอจำคำพูดของเอลริสในตอนนั้นได้
บุคคลในคำพูดนั้นไม่ใช่ตัวเอลริสเอง แต่เป็นเซนต์ตัวจริงอย่างเอเทอร์น่าต่างหาก
“ดิ…ดิฉัน…ไม่สนใจเลย… ถึงแม้…ท่านจะเป็นของปลอม… ที่ดิฉันต้องการก็แค่…ก็แค่…ให้ท่านอยู่ที่นี่ สำหรับดิฉันแล้ว…ตัวจริงน่ะมีเพียง…ท่านคนเดียวเท่านั้น…”
คำพูดของเลย์ล่าปะปนกับเสียงสะอื้นทำให้ยากจะฟัง
“อย่าห่วงเลยจ้ะ ชั้นจะทำให้อนาคตข้างหน้ากลายเป็นแฮปปี้เอนดิ้งที่ทุกคนจะมีความสุขให้ได้เลย”
เธอไม่ได้รวมตัวเองอยู่ในอนาคตนั้นด้วย
ในแฮปปี้เอนดิ้งที่เธอพูดถึง เอลริสไม่เคยเห็นตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในนั้นเลย
เลย์ล่าทำได้เพียงโอบกอดความอบอุ่นที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายนายหญิงของเธอ
แบบนี้น่ะ…แบบนี้น่ะ ใครมันจะไปหัวเราะออกกันล่ะ
ไม่มีทางที่เธอจะมีความสุขได้อยู่แล้ว
ถึงแม้โลกจะสงบสุข แต่นายหญิงผู้เป็นที่รักของเธอก็ไม่ได้อยู่ด้วย
เธอไม่มีทางที่จะยิ้มออกมาได้เลย
“อุ อู…อ๊าาาาาาา…! อ๊าาาาาาา…!”
เลย์ล่าไม่อาจอดกลั้นได้อีก และร้องไห้ออกมาราวกับเด็กเล็กๆ
ทั้งน้ำมูกและน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด เธอไม่มีภาพลักษณ์ของอัศวินหลงเหลืออยู่เลย
แต่ก็ไม่มีใครหัวเราะเยาะเธอ
ไม่ว่าใครต่างก็น้ำตาไหลด้วยความโศกเศร้า เวอร์เนลนั่งติดอยู่กับพื้นด้วยความสิ้นหวัง
—ณ ที่แห่งนี้ไม่มีประกายของแฮปปี้เอนดิ้งที่เอลริสวาดฝันไว้หลงเหลืออยู่แม้แต่เศษเสี้ยว