สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค - ตอนที่ 87 การดิ้นรน
“แม่มด”ยังคงเดินหน้าต่อไป ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า
ผู้คนแตกตื่นวิ่งหนี ส่งเสียงกรีดร้องอย่างไร้กำลังเมื่อเห็นบ้านของตนถูกทำลาย
เด็กน้อยที่ไม่อาจทอดทิ้งมารดาที่ขาติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังไปได้ส่งเสียงร้องไห้
เหล่าชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวยกอุปกรณ์การเกษตรขึ้นมาเป็นอาวุธเพื่อปกป้องครอบครัว ถึงแม้นั่นจะเป็นการกระทำที่ไร้ความหมาย
อัศวินและทหารทั้งหลายพยายามที่จะยืนหยัดสู้ก็ถูกปัดปลิวว่อน จะหาที่ยึดเกาะก็ไม่มีอยู่
เอเทอร์น่าที่ไม่เหลอพลังเวทย์อีกแล้วได้แต่มอง”แม่มด”เดินจากไป
ไร้พลัง…สิ้นหวัง…ความรู้สึกเหล่านี้ถาโถมเข้ามาอย่างไม่อาจต่อต้าน
พวกอัลเฟรียเองก็ล้มลงโดยไม่อาจทำอะไรได้
“หยุดนะ! ไม่ยอมให้แกผ่านไปหรอก!”
เลย์ล่ายืนประจันหน้ากับแม่มด พร้อมกับดาบในมือ
เป็นเพราะว่าไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่ที่เอลริสจากไป สภาพของเลย์ล่าในตอนนี้จึงห่างจากคำว่า”สมบูรณ์”นัก
หากสภาพปกติของเธอคือเต็มสิบ ตอนนี้คงจะอยู่ราวๆสามหรือสี่เท่านั้น
อีกฝ่ายเป็นศัตรูที่ต่อให้เธอสภาพสมบูรณ์พร้อมก็ยังไม่สามารถต่อกรได้ ยิ่งเป็นในตอนนี้ก็ยิ่งไม่มีทาง
ดาบที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงของเธอไม่อาจสร้างความเสียหายได้ ร่างกายของเธอถูกยกขึ้นกลางอาการในเงื้อมมือของแม่มด
“อึก…คุ…!”
แรงบีบนั้นค่อยๆบดขยี้กระดูกของเธอ ดาบในมือร่วงหล่นลงมา
สติค่อยๆล่องลอยออกไป ภาพตรงหน้าเองก็มืดมัว
แต่ก่อนที่เธอจะหมดสติไป เวอร์เนลก็เข้ามาช่วยไว้ด้วยการตัดมือนั้นออก ทำให้เธอหลุดออกมาได้
แต่นั่นไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆให้กับมันเลย
มือที่ถูกตัดออกไปงอกขึ้นมาใหม่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อะฮะฮะฮะฮะฮะ…”
“อุฟุฟุฟุฟุฟุ…”
“กะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ใบหน้าทั้งหลายของ”แม่มด”ส่งเสียงหัวเราะร่าราวกับจะเย้ยหยัน
เวอร์เนลวางเลย์ล่าลงกับพื้นและพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง แต่ก่อนที่ดาบของเขาจะเข้าถึง ตัวเขาก็โดนมันปัดไปกระแทกทะลุกำแพงโบสถ์
ภาพที่เขาเห็นที่นั่น คือเหล่าผู้คนที่หลบซ่อนและสวดภาวนาอยู่ภายในโบสถ์
ที่ตรงกลางของห้องนั้นคือคริสตัลที่ผนึกร่างของเอลริสเอาไว้ ถึงแม้เธอจะจากไปแล้ว ผู้คนก็ยังภาวนาต่อเธออยู่
“เวรเอ๊ย…!”
เขาใช้ดาบพยุงตัวขึ้นมา แต่ขาก็ยังไม่หยุดสั่น
เห็นได้ชัดเจนว่าเป้าหมายของแม่มดก็คือร่างกายของเอลริส
มันไม่พอใจแค่กับการทำลายความสงบสุขที่เธอพยายามปกป้อง แต่ยังคิดที่จะเหยียบย่ำศพของเธออีก
ถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะปล่อยให้เธอได้หลับอย่างสงบไม่ได้อีกรึ?
อย่ามาล้อเล่นกันนะ
เขาจะปล่อยให้เรื่องพรรค์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร…เขาจะไม่ยอมให้เธอได้รับแม้แต่รอยขีดข่วน
แต่เขาจะสู้อะไรมันได้?
ไม่ เขาไม่อาจสร้างรอยแผลให้มันได้ด้วยซ้ำ
สภาพของเวอร์เนลในตอนนี้ ทำได้เพียงแค่มองร่างศพของหญิงสาวที่เขาสาบานว่าจะปกป้อง ถูกทำลายต่อหน้าต่อตา
ถึงอย่างนั้นเขาก็จะสู้จนถึงหยดสุดท้าย
เขารู้ดี
ว่าที่เขาพยายามปกป้องนี้ก็เป็นเพียงร่างไร้วิญญาณ เอลริสไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว เขารู้เรื่องนั้นดี
ถึงอย่างนั้น…ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต้องการที่จะปกป้องเธอ
เขาไม่อยากเฟ็นเธอต้องรับเคราะห์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว
เพราะอย่างนั้น ถึงจะรู้ว่ายังไงก็ชนะไม่ได้ เขาก็ยังจะสู้
“ท่านเอลริส…”
“ท่านเอลริส ช่วยเราด้วยเถิด”
“โออ ท่านเซนต์…”
“ช่วยพวกเราด้วย…”
“จะไม่มองท่านด้วยสายตาหื่นกระหายอีกแล้ว เพราะเช่นนั้นช่วยพวกเราด้วยเถอะ!”
ผู้คนทั้งหลายต่างสวดภาวนาถึงเอลริสอย่างเอาเป็นเอาตาย
ยิ่งได้เห็นผู้คนที่เอาแต่สวดภาวนาอย่างไร้กำลัง ยิ่งทำให้เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของแม่มดดังยิ่งขึ้น
ในระหว่างนั้น แม่มดก็ดึงหลังโบสถ์ออก
นี่คือชะตากรรมของเซนต์ทั้งหลายที่ต่อสู้เพื่อปกป้องโลกอย่างนั้นหรือ?
สิ่งที่หลงเหลือของเซนต์เหล่านั้นพยายามที่จะทำลายความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติและดึงโลกใบนี้ลงสู่ความมืด
มันไม่ได้สังเกตถึงเวอรืเนลที่พยายามปิดบังคริสตัลนั้นไว้อย่างสุดชีวิต
มันคิดจะกวาดทุกสิ่งทุกอย่างให้หายไปในทีเดียว
เขาจับจ้องไปยังแขนที่พุ่งตรงมาโดยไม่กะพริบตา
เขาได้สาบานไว้แล้วในวันนั้น
ว่าเขาจะเชื่อในส้นทางแห่งแสงจนถึงตอนจบ
เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่คิดจะหนีหรือซ่อน
แขนของแม่มดเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที…
“จริงๆเลย…จะเรียกว่าความกล้าหรือความบ้าดีล่ะนั่น?”
พลังพุ่งพล่านจากร่างของเวอร์เนลปัดป้องแขนข้างนั้นไปได้
จากด้านหลังของเขา…ภายในคริสตัลนั้น บางสิ่งบางอย่างไหลเข้ามายังร่างของเวอร์เนล
พลังแห่งความมืดที่เอลริสเคยผนึกเอาไว้
…ส่วนหนึ่งของอเล็กเซียที่ถูกเธอตัดออกไปเมื่อนานมาแล้ว และสิงสถิตอยู่ในร่างของเวอร์เนล
ที่เบื้องหน้าของเวอร์เนลคือผู้หญิงในชุดเดรสสีดำ
เมื่อได้เห็นเธอคนนั้น มือของเขาก็กำดาบแน่นตามสัญชาตญาณ
รูปร่างนั้น ใบหน้านั้น ไม่ผิดแน่…แม่มดอเล็กเซีย
“กะ-แกคือ…”
“เพิ่งจะได้คุยกันครั้งแรกเลยสินะ ร่างสถิตเอ๋ย ตัวเราน่ะอยู่ในร่างกายของเจ้ามาตลอด…และก็ต้องการที่จะขอโทษ”
ถึงแม้ตัวเธอจะดูหยิ่งทระนง แต่น้ำเสียงนั้นเจือปนไปด้วยความรู้สึกผิด
นี่ไม่ใช่”แม่มดอเล็กเซีย”ที่เวอร์เนลรู้จัก
คิดว่านี่คงจะเป็นตัวเธอที่แท้จริง ก่อนที่จะบิดเบี้ยวไปด้วยคำสาปแห่งแม่มด…เซนต์อเล็กเซีย จะถูกกว่า
“ตัวเรารู้ดีว่าการที่มาสถิตเจ้านั้นทำให้ชีวิตของเจ้าพังพินาศไปมากเพียงใด…รวมถึงเรื่องอายุขัยของเอลริสเองก็ด้วย…ในตอนนั้นตัวเราพยายามที่จะใช้เวทมนตร์ธาตุความมืดเพื่อดึงพลังแม่มดออกจากร่างกาย ทำให้วิญญาณแยกเป็นสองส่วนแทน”
เหมือนกับการที่อัลเฟรียถูกผนึกเอาไว้ทั้งวิญญาณ พลังธาตุความมืดนั้นก็สามารถใช้ในการแยกวิญญาณได้เช่นกัน
อเล็กเซียพยายามที่จะใช้มันเพื่อแยกพลังส่วนของแม่มดออกมา แต่กลับแยกวิญญาณออกมาซะนี่
“ในตอนนี้ที่หลุดออกมาจากร่าง ก็เผอิญได้พบกับเจ้าซึ่งเป็นร่างสถิตที่เหมาะสมพอดี และเพื่อที่จะป้องกันตัวเราเองจากการทำลายโลก จึงอาศัยอยู่ภายในตัวเจ้าตั้งแต่นั้นมา…ส่งผลให้ชีวิตของเจ้าถูกทำลาย นี่เป็นเรื่องธรรมชาติที่เจ้าจะเกลียดเรา…ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
อเล็กเซียนั้นไม่ต่างจากคู่อาฆาตของเวอร์เนล
เพราะว่าสถิตอยู่ในร่างของเขา เขาจึงถูกครอบครัวทอดทิ้ง
ส่งผลให้เอลริสมาช่วยเขาไว้ และทำให้อายุขัยของเธอสั้นลง
แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเลยในตอนนี้ ศัตรูตรงหน้านั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุด
“ไม่ต้องมาขอโทษ แค่เอาพลังมาให้ผมยืมก็พอแล้ว”
“เชิญเลย ถ้าเป็นเจ้าในตอนนี้ล่ะก็ คงจะสามารถใช้พลังของเราได้อย่างสมบูรณ์แล้ว”
อเล็กเซียนั้นไม่เคยต้องการทำร้ายเวอร์เนล
เธอสถิตอยู่ในร่างของเขา เป็นห่วง และรู้สึกผิดในสิ่งที่เธอทำลงไป
พลังความืดที่เข้มข้นเกินไปทำให้เธอไม่สามารถคุยกับเขาได้ในตอนที่เขายังเด็ก และตั้งแต่ที่ได้เจอกับเอลริส พลังนั้นก็ถูกกดไว้จนเธอไม่สามารถพูดอะไรได้
สำหรับเวอร์เนลในตอนนี้นั้น คงจะสามารถรับพลังของเธอไว้ได้โดยไม่ส่งผลเสีย
“งั้นก็ดี! ลุยกันเลย!”
เวอร์เนลใช้พลังเวทย์เพื่อเร่งศักยภาพทางกายและพุ่งเข้าใส่แม่มด
ในตอนที่แม่มดโจมตีเข้าใส่เวอร์เนล พลังความมืดในร่างเขาก็ใช้โอกาสนั้นในการโจมตีผ่านช่องว่าง
ความมืดนั้นควบแน่นต่อหน้า”แม่มด” สร้างร่างของอเล็กเซียขึ้นมา
อเล็กเซียใช้พลังความมืดบิดแขนของแม่มดจนสลายไป
“อเล็กเซีย…ศัตรูของข้า…”
“ทำไมข้าถึงอยู่ตรงนั้น…น่าขยะแขยง…น่ารังเกียจ…”
สองใบหน้างอกออกมาจากร่างของ”แม่มด”
หนึ่งคือใบหน้าของอเล็กเซียเอง
และสองก็คือแม่มดจากสองรุ่นก่อนที่อเล็กเซียเป็นผู้ปราบ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ กริเซลด้า…แล้วนั่นคือตัวเราใช่มั้ยเนี่ย เซนต์อย่างเราๆนี่มีจุดจบที่น่าเวทนาจริงๆเลยนะ”
แม่มดดูเหมือนจะไม่สบอารมณ์ สร้างหมัดขึ้นมาโจมตีใส่อเล็กเซีย
อเล็กเซียกอดอกและสร้างบาเรียขึ้นมาป้องกันหมัดนั้นไว้
“อย่ามาดูถูกกันนะ! คิดว่าเราเป็นใครกัน?! เราคือแม่มดอเล็กเซียที่ผ่านการต่อสู้กับยุคสมัยที่เลวร้ายที่สุดมานะยะ!”
อเล็กเซียสามารถที่จะดันแม่มดกลับไปได้
เวอร์เนลไม่รอช้าใช้โอกาสนี้เพื่อฟาดฟันใส่แม่มด ทำให้มันถอยหลังไป
แม่มดเตรียมที่จะใช้ปืนใหญ่พลังเวทย์ที่เป่าโกเลมของซัปเปิ้ลจนกระจุยอีกครั้ง
อเล็กเซียมาโผล่ตรงหน้าของเวอร์เนลเพื่อป้องกันการโจมตีนั้นไว้
เมื่อการโจมตีนั้นสิ้นสุด เวอร์เนลก็ฉวยโอกาสเพื่อโจมตีและทำให้มันถอยหลังกลับไปอีก
การต่อสู้ร่วมกันนั้นทำให้เวอร์เนลมองอเล็กเซียใหม่เล็กน้อย
ถึงจะแปลกไปบ้าง แต่ก็ต้องบอกว่าอเล็กเซียในตอนนี้นั้นค่อยสมกับผู้ที่ครอบครองตำแหน่งแม่มดขึ้นมาหน่อย
เธอยืนกอดอก ผมปลิวไสวจากแรงลม ใบหน้าสงบนิ่ง แม่มด…ไม่สิ เซนต์คนที่แล้วหันหน้ามาหาเวอร์เนล
“…..เวอร์เนล”
“อะไรล่ะ?”
“…ขอโทษนะ แต่เมื่อครู่คือพลังหยดสุดท้ายของเราแล้วล่ะ”
“เฮ้ย!?”
เพิ่งจะมองเธอใหม่อยู่หยกๆ ดันพูดอะไรออกมาเนี่ย
แต่พอพูดแบบนั้น พลังเวทย์ของเวอร์เนลในตอนนี้ก็แทบไม่เหลือแล้ว
ที่อเล็กเซียใช้ไปเมื่อครู่คือพลังเวทย์ของร่างสถิตอย่างเวอร์เนล
ยิ่งเธอใช้พลังมากเท่าไร เวอร์เนลก็ยิ่งโดนสูบไปมากเท่านั้น
นี่แค่จะป้องกันการโจมตีจากแม่มดสองทีก็หมดก๊อกแล้ว
“พลังเวทย์ของเจ้านั่นน่ะมหาศาลจนสู้ตรงๆไม่ได้เลย รีบหนีกันเถอะ ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าไม่ตายก็ยังไม่แพ้สักหน่อย ในตอนที่เรายังเป็นเซนต์นะ ถ้าเจอปีศาจที่ดูแข็งแกร่งเข้าหน่อยก็ให้รีบเผ่นทุกครั้ง จากนั้นก็ศึกษาจุดอ่อนของมันอย่างถี่ถ้วน สุดท้ายก็วางแผนจนชนะมันได้ ที่เรารอดกริเซลด้ามาได้ก็เพราะอย่างนั้นน่ะแหละ การถอยทัพเองก็เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งนะ เพราะงั้นก็รีบหนีกันเถอะ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย รีบเผ่นกัน”
“นั่นมันใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเรอะ?!”
เขาอดตบมุกอเล็กเซียไม่ได้ ยังจะมีหน้ามาแนะนำให้หนีอีก
ว่าไปแล้ว ตอนนั้นพวกเขาก็ต้องล่อให้เธอใช้พลังเวทย์จนไม่เหลือมากพอจะใช้หนีได้นี่นา
เขาก็คิดว่าเพราะว่าเอลริสนั้นแข็งแกร่งเกินจนไม่มีทางอื่น…แต่ดูเหมือนว่าอเล็กเเซียจะเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ต้นแล้วสินะ
“ถ้าสู้ไม่ได้ก็หนี นั่นล่ะคือกฏเหล็กของตัวเรา โลกนี้มันไม่ได้ง่ายถึงขนาดที่ใครจะทำอะไรก็ได้ด้วยพลังใจหรอกนะ”
คำพูดของอเล็กเซียอาจจะน่าสมเพช แต่ก็ใช่ว่าจะผิด
ไม่ใช่แค่อเล็กเซียเท่านั้น ถึงแม้เซนต์รุ่นก่อนๆเองก็ต้องการที่จะช่วยผู้คน…แต่พวกเธอก็ยังต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง
เพราะว่ามีแค่เซนต์เท่านั้นที่ปราบแม่มดได้ จึงจะปล่อยให้พวกเธอตายไม่ได้เป็นอันขาด หากสถานการณ์ดูไม่สู้ดี ก็จะต้องให้ความสำคัญกับการพาเซนต์หลบหนีไปยังที่ปลอดภัยให้ได้
หากเซนต์ตายไป ผู้คนก็จะต้องรออีกมากกว่าทศวรรษกว่าเซนต์คนใหม่จะขึ้นมาแทนที่ได้
อเล็กเซียคอยหนีศัตรูที่แข็งแกร่งและเพ่งเล็งต่อศัตรูที่อ่อนแอ รอจังหวะที่การป้องกันของกริเซลด้าน้อยที่สุด จากนั้นจึงยกทัพอัศวินเข้าบุกรวดเดียวจนชนะมาได้
เป็นวิธีที่ไม่ค่อยทรงเกียรติเท่าไรก็จริง
แต่โดยปกติแล้วขุมกำลังของเซนต์นั้นด้อยกว่าแม่มด จะให้เซนต์บุกเดี่ยวเข้าไปสู้นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย
เซนต์ที่กลายเป็นแม่มดก็จะได้พลังของแม่มดคนก่อนเข้ามาด้วย แถมประสบการณ์ก็ยังสูงกว่า แน่อยู่แล้วว่าจะต้องแข็งแกร่งกว่าเซนต์คนใหม่
เพราะเช่นนั้นเซนต์จึงจำเป็นต้องใช้โล่มนุษย์จำนวนมากในการต่อกรกับแม่มด เอาจำนวนอัศวินเข้าว่า
นั่นทำให้เอลริสเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัว เพราะว่าตัวเธอไม่จำเป็นต้องใช้อัศวินเลยด้วยซ้ำ
“ถ้าคิดจะสู้ตรงนี้ก็มีแต่จะตายกับตาย เพราะอย่างนั้น…”
“โทษทีนะอเล็กเซีย”
“…หืม?”
“ผมไม่หนีไปหรอก”
เขาถือดาบขึ้นและหันไปหา”แม่มด”อีกครั้ง
เขารู้ดีว่าไม่มีทางที่จะชนะมันได้
เขารู้ดีว่านี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ
ถึงอย่างนั้น…ถึงแม้สิ่งที่เขาต้องการที่จะปกป้องจะเป็นเพียงร่างศพ จะให้ทิ้งเธอไว้และหนีไปน่ะ ทำไม่ได้หรอก
เขารู้ดีว่านี่เป็นเพียงความดื้อรั้น เป็นการกระทำที่ไร้ความหมาย…แต่ลูกผู้ชายน่ะ ก็มีช่วงเวลาที่ไม่ว่าอย่างไรก็ถอยไม่ได้อยู่
“…เจ้าโง่เอ๊ย”
“เออ”
“แต่นั่นก็เป็นแรงใจที่ไม่เลวเลยน่ะนะ ยังไงตัวเราก็เป็นเพียงวิญญาณ ก็จะไปกับเจ้าจนสุดทางแล้วกัน”
เขากำดาบที่ได้รับมาจากเอลริสแน่น
พลังความมืดนั้นไม่เหลือแล้ว ที่ตรงนั้นเป็นเพียงแค่เวอร์เนลตัวเปล่าๆ
แต่ร่างกายที่เขาฝึกฝนเพื่อจะเป็นอัศวินของเอลริสนี้ยังคงอยู่
เขาจะสู้ต่อไป จนกว่าร่างกายและจิตวิญญาณนี้จะแตกสลาย
เวอร์เนลรับการทุบจาก”แม่มดเอาไว้ได้” ทำให้ขาของเขาจมลงกับพื้น แต่ก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้
เส้นเลือดปูดโปนจากกล้ามเนื้อ เขาใช้พลังกายล้วนๆดันแม่มดกลับไป
“นูนนนนนน…โอ๊วววววว!!!”
เขาสะบัดแขนของแม่มดออก และฟันเกรทซอร์ดนั้นเข้าใส่มัน