สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค - ตอนที่ 89 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย
ดาบแห่งแสงที่สร้างโดยเอลริสเสียบทะลุร่างของ”แม่มด”
หากเป็นปีศาจธรรมดา…ไม่สิ ต่อให้เป็นมหามารก็คงจะตายด้วยการโจมตีนี้เพียงครั้งเดียว
มันเป็นการโจมตีที่รุนแรงถึงขนาดนั้นเลย
แต่พวกเวอร์เนลรู้ ว่าเท่านี้ยังไม่เทียงพอที่จะสามารถจัดการสัตว์ประหลาดตนนี้ได้
“หยุดก่อนเอลริส! เจ้านั่นน่ะจะมีร่างขึ้นมาก็ต่อเมื่อมันเป็นฝ่ายโจมตีเท่านั้น! ตัวของมันน่ะสร้างขึ้นจากพลังเวทย์เพียวๆเลย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของโปรเฟตะ สีหน้าของเอลริสก็แข็งทื่อขึ้นมา
เจ้า”แม่มดยักษ์”ตนนี้และอเล็กเซียนั้นแตกต่างกัน ทางฝั่งเจ้ายักษ์นั้นไม่มีความสามารถคงกระพันของแม่มดตามปกติ
เพราะว่ามันไม่ใช่ตัวแม่มดเองจริงๆ เป็นเพียงคำสาปของแม่มดที่ตกทอดกันมารุ่นสู่รุ่น เป็นเพียง “กลุ่มก้อนพลังเวทย์มีชีวิต”
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมซัปเปิ้ลจึงสามารถสร้างความเสียหายให้มันได้
แลกกับความคงกระพัน มันกลับได้ความสามารถ”ไร้ร่างเนื้อ”มาแทน
แม่มดที่ถูกโจมตีไปเมื่อสักครู่สามารถงอกกลับมาได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บนโลกนี้ พลังเวทย์นี้มีอยู่ในทุกๆที่ ไม่ต่างจากอากาศ
การโจมตี”แม่มด”ที่ไร้ร่างเนื้อนั้นก็ไม่ต่างจากการโจมตีอากาศ
“อุฟุฟุฟุฟุ….”
“อะฮะฮะฮะฮะ!”
เสียงหัวเราะแหลมสูงของแม่มดดังออกมาเป็นระลอก
มันงอกมือออกมาพยายามที่จะคว้าตัวเอลริสไว้ แต่ก็ถูกบาเรียป้องกันไว้ได้
ใบหน้าของเธอนั้นยังคงความเยือกเย็นเอาไว้ได้
ดาบแห่งแสงที่ปักอยู่บนพื้นจนถึงเมื่อครู่จู่ๆก็ตวัดขึ้น ตัดรยางค์ของแม่มดออกไปหลายอยู่
“โออ…โอออว”
กระทั่งตัวแม่มดเองก็ชะงักไปเช่นกัน
แต่รยางค์ที่ถูกตัดออกก็เปลี่ยนสภาพเป็นหมอกสีดำ และถูกแม่มดดูดซับเข้าไป เพื่อที่จะฟื้นฟูตัวเองอีกครั้ง
การโจมตีเมื่อครู่โดนตัวมันที่เปลี่ยนเป็นร่างเนื้อก็จริง…แต่ดูเหมือนว่ามันจะสามารถเปลี่ยนส่วนที่ถูกตัดออกให้เป็นพลังเวทย์และดูดกลับเข้าตัวเพื่อฟื้นพลังได้
หากจะจัดการมัน ก็จำเป็นจะต้องเป่ามันให้กระจุยในทีเดียวตอนที่ยังคงสามารถร่างเนื้อเอาไว้อยู่
ไม่สิ หากมันไม่สลายไปในชั่วพริบตาล่ะก็ มันก็อาจจะเหลือรอดและฟื้นฟูกลับมาใหม่ได้อีก
“When the going gets tough, The tough get going”
เอลริสตะโกนชื่อท่าที่เพิ่งจะคิดได้เมื่อครู่ออกมา
เพราะว่าเธอไม่มีเซนส์ในด้านการตั้งชื่อ จึงเอาสำนวนฝรั่งมาใช้อย่างมั่วๆแทน ยังไงคนในโลกนี้ก็ฟังไม่ออกกันอยู่แล้วน่ะนะ
คนอื่นๆนอกจากเอลริสจะคิดแค่ว่ามันเป็น “คาถาวิเศษที่มีเพียงเอลริสที่สามารถเข้าใจได้”
แสงมารวมกันที่ด้านหลังของเอลริส สร้างเป็นร่างของยักษ์แห่งแสงขึ้นมา
เธอใช้โลจิคแบบลวกๆที่ว่า ถ้าอีกฝ่ายใช้ยักษ์ที่สร้างจากพลังเวทย์ ทางนี้ก็จะโต้ตอบด้วยการทำแบบเดียวกัน
ยักษ์แห่งแสงที่ถูกเรียกออกมา(เอลริสตั้งชื่อเล่นให้ว่า พี่กล้าม) มีรูปร่างของชายวัยกลางคนตัวสูงใหญ่ ร่างกายกำยำ
ผมสีขาวยาวถึงบ่า หนวดเคราเฟิ้มรอบๆปาก สวมวงแหวนอยู่บนศีรษะ สวมใส่ชุดสไตล์กรีกโบราณ
พี่กล้ามค่อยๆเดินตรงเข้าหาแม่มด เสียงฝีเท้าของมันแต่ละก้าวทำให้พื้นสะเทือน
มันยกดาบแห่งแสงบนพื้นขึ้นและฟันเข้าใส่ ถึงการโจมตีของมันจะไม่เป็นผลเท่าไรก็ตาม
แต่ว่าไม่เป็นไร ยังไงพี่กล้ามนี่ก็เป็นแค่ตัวล่ออยู่แล้ว
“Festina Lente”
ในระหว่างที่พี่กล้ามคอยถ่วงเวลาแม่มดเอาไว้อยู่ เอลริสก็ร่ายเวทย์ครอบคลุมเหล่าประชาชน
เสาแห่งแสงงอกขึ้นมาจากพื้น นำพาเหล่าชาวเมืองที่ไม่สามารถหลบหนีได้ทันออกไปจากพื้นที่
อย่างแรกที่ต้องทำเลยก็คือการพาเหล่าประชากรที่อาจโดนลูกหลงออกไปจากพื้นที่
เลย์ล่าสามารถเข้าใจได้ว่าเธอต้องการที่จะทำอะไร และส่งเสียงออกมาด้วยความกังวล
การที่เอลริสอพยพผู้คนออกไปเช่นนี้ ก็แปลว่าการต่อสู้ต่อจากนี้จะยิ่งรุนแรงขึ้นในระดับที่ตัวเอลริสเองไม่สามารถคอยป้องกันผู้คนเอาไว้ได้
เอลริสเลือกสร้างปรักหักพังจากฝีมือของแม่มดนี้เป็นสนามรบ
“ฝ่าบาทไอส์ นี่อาจจะสร้างความเสียหายพอสมควรเลย ขออภัยด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก…ยังไงที่นี่ก็โดนแม่มดพังจนราบไปแล้ว สุดท้ายก็ต้องมาสร้างใหม่ตั้งแต่ต้นอยู่ดี”
พื้นที่ตั้งแต่จากหน้าประตูเมืองมาจนถึงที่โบสถ์ ล้วนถูกแม่มดพังทลายจนไม่เหลือเค้าเดิมไปแล้วทั้งสิ้น
แต่ก็หมายความว่าส่วนของเมืองที่อยู่หลังจากโบสถ์นี้ไปก็ยังอยู่ดี
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายลุกลามมากกว่านี้ พื้นที่ส่วนที่ถูกทำลายไปแล้วจึงเหมาะที่จะเป็นสนามรบสุดท้าย
แน่นอนว่าทางเลือกที่ดีที่สุดก็คงเป็นการพาแม่มดออกไปสู้นอกเมือง แต่นั่นน่ะพูดง่ายกว่าทำจริง
เอลริสใช้พี่กล้ามล่อแม่มดให้ออกห่างจากส่วนที่ยังไม่โดนทำลาย
ยังใช้ท่าไม้ตายแบบวงกว้างตอนนี้ไม่ได้
เธอจะปล่อยให้มีคนโดนลูกหลงด้วยไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้ต้องเว้นระยะห่างที่พอเหมาะก่อน
ถ้ามันสร้างจากพลังเวทย์ล่ะก็…ท่านั้นน่าจะใช้ได้ผล ประเด็นก็คือจะทำยังไงต่อ
วิชาที่เอลริสใช้ในการต่อกรกับอเล็กเซีย บาเรียที่กันไม่ให้พลังเวทย์ไหลเข้าหรือออก
มันน่าจะมีผลกับแม่มดอยู่บ้าง
แต่ต่อให้เธอสามารถจับมันขังเอาไว้ในบาเรียได้สำเร็จ ตัวเอลริสเองก็ไม่มีวิธีที่จะสามารถทำลายพลังเวทย์ได้อยู่ดี
เธอควรจะทำอย่างไรดี
จับมันขังแบบธรรมดาๆก็คงไม่มีผลอะไร
แต่แค่ใช้บาเรียดักพลังเวทย์ก็ยังไม่สามารถจัดการกับมันได้
ถ้าจับมันแล้วเอาไปปล่อยให้อวกาศล่ะ?
ถึงจะไม่รู้ว่าในอวกาศมีพลังเวทย์รึเปล่า แต่มันก้ไม่น่าจะสามารถกลับมาที่โลกได้
แต่วิธีแบบนั้นก็เป็นแค่การปลูกเมล็ดพันธุ์ของปัญหาไว้แล้วรอให้มันโตในอนาคต ถ้าร้อยปีกลับไปมันกลับมาที่โลกได้แถมยังแข็งแกร่งกว่าเดิมอีกล่ะ โลกนี้ได้พินาศหมดแน่
เอาเป็นว่าวิธีนั้นค่อยเก็บไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วกัน
เอาเป็นว่าลองอย่างอื่นก่อน
ผลลัพท์ที่ดีที่สุดก็คือการที่จะทำลายมันได้สำเร็จ
เอลริสบินเข้าหาแม่มดในขณะที่ตัดสินใจได้แล้ว
การที่จะสร้างความเสียหายให้กับมันได้ ก็จำเป็นต้องโจมตีในตอนที่มันมีร่างเนื้อขึ้นมา
ใบหน้าของเหล่าแม่มดี่อยู่ตามตัวอ้าปากออก และยิงลำแสงจำนวนมากเข้าใส่เอลริส
เอลริสสามารถบินหลบการโจมตีเหล่านั้นได้ ในขณะที่รวบรวมพลังเวทย์ของตนเอง
“Aurea Libertas!”
ลำแสงจำนวนมากตกลงมาจากฟากฟ้า ทะลุใบหน้าทั้งหลายของแม่มด
ในตอนนั้น พี่กล้ามก็ใช้ดาบในการตัดส่วนหัวของแม่มดออก
ลำแสงของเอลริสสามารถติดตามแม่มดไปได้ทุดทิศทาง แต่ลำแสงของแม่มดเองก็เช่นกัน
ลำแสงสีดำทั้งหลายที่เอลริสหลบได้เมื่อครู่ต่างโค้งกลับมาจากด้านหลังของเอลริส ทำให้เอลริสต้องเร่งความเร็วขึ้นเพื่อหลบแสงเหล่านั้น
เอลริสบินดิ่งลงด้านล่าง หักเหทิศทางก่อนที่จะตกลงกระทบพื้นเพียงเล็กน้อย ลำแสงสีดำที่ติดตามเธอไม่สามารถตอบสนองต่อการหักเหนั้นได้ทันและตกใส่พื้นดินก่อเป็นหลุม
เอลริสควบแน่น “Aurea Libertas” สร้างเป็นปืนใหญ่แสงขนาดยักษ์ ยิงตรงใส่ร่างของแม่มด สร้างเป็นลำแสงขนาดใหญ่ยิงทะลุออกนอกเมืองไป
ร่องรอยพื้นที่ภายในระยะของปืนใหญ่นั้นถูกถางออกอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
อัลเฟรียมองการต่อสู้ที่อยู่คนละระดับกับเธอด้วยตาเหม่อลอย เธอหันไปกระซิบกับโปรเฟตะ
“การต่อสู้ของเด็กคนนั้นนี่มันอยู่คนละมิติกันเลยไม่ใช่รึไง…?”
เซนต์ตัวปลอมบ้านป้าเอ็งสิ!
เพราะอย่างนี้นี่เอง ทางโบสถ์ถึงได้สร้างตำแหน่งเกรทเซนต์ขึ้นมาให้เธอ
ถ้านี่คือของเก๊ ถ้าอย่างนั้นพวกของจริงทั้งหลายก็คงจะอยู่ต่ำกว่านั้นไปเป็นโยชน์
เอลริสถอนหายใจอย่างโล่งอก
“คยะฮะฮะฮะฮ่า!”
แม่มดที่สมควรที่จะถูกลบหายไปในการโจมตีเมื่อกี๊เริ่มรวมตัวกันขึ้นมาอีกครั้ง
นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าทฤษฎีของเอลริสนั้นถูกต้อง ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีก็เถอะ
หากมันยังหลงเหลืออยู่เพียงนิดเดียว มันก็จะสามารถแปรเปลี่ยนกลับเป็นพลังเวทย์และรวมตัวขึ้นมาใหม่ได้
แสดงให้เห็นว่าการโจมตีใดๆจนถึงตอนนี้ล้วนไร้ความหมาย
ตอนนี้รูปร่างของ”แม่มด”ตัวนั้นเปลี่ยนไป มันกลายเป็นเพียงใบหน้าขนาดยักษ์ของแม่มดคนแรกที่มีมือสองข้างลอยอยู่รอบๆ
มันตัดสินได้ตามสัญชาตญาณว่ามันไม่สามารถเทียบกับเอลริสได้…จึงสร้างร่างที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในตอนนี้ที่สุดออกมา
มันส่งมือออกไปพยายามที่จะจับตัวเอลริส แต่เธอก็หนีไปได้
ในเวลาเดียวกันนั้น พี่กล้ามก็ซัดหมัดเข้าใส่มัน ทำให้มันตกลงสู่พื้น
พื้นที่ตกกระทบของมันแตกกระจายเป็นหลุมขนาดใหญ่
“A Picture is worth a thousand words”
เอลริสส่งพลังเวทย์ออกไปรอบด้านเพื่อทำลายมือที่ติดตามเธออยู่
นี่เป็นการโจมตีที่เอลริสใช้ในการจัดการปีศาจระดับสูงหายไปได้ทั้งกลุ่มในทีเดียว
แถมเอลริสในตอนนี้ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา ทำให้พลังของเวทย์นั้นเพิ่มพูนขึ้นอีก
พี่กล้ามหั่นใบหน้าของแม่มดออกเป็นชิ้นๆ
“อะฮะฮะฮะ”
“อิฮิฮิฮิ”
“อุฮุฮุฮุ”
“เอะเฮะเฮะเฮะ”
“โอะโฮะโฮะโฮะ”
“โนะโฮะโฮ่โฮะโฮ่”
แต่มันก็ไร้ความหมาย
ชิ้นส่วนเหล่านั้นกระจายออกและเปลี่ยนเป็นใบหน้าของแม่มดทั้งหลาย ลอยกระจายไปทั่ว
หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ความรู้สึกที่ผู้คนมีต่อเซนต์รุ่นก่อนๆคงจะได้กลายเป็นศูนย์แน่
พวกเซนต์ทั้งหลายนี่คงจะนั่งน้ำตาซึมดูอยู่จากทางฝั่งโลกหน้า
เซนต์ที่ใบหน้าไม่ได้ปรากฏขึ้นมานั้นมีเพียงอัลเฟรียและเอเทอร์น่าที่ไม่เคยกลายเป็นแม่มด และเซนต์ลิเลียที่จากไปก่อนที่จะทำหน้าที่ได้สำเร็จ
เนื่องจากว่าตัวเอลริสเองไม่ใช่เซนต์ แน่นอนว่าตัวเธอก็ไม่ได้ถูกรวมอยู่ด้วย
ถึงเอลริสจะรู้สึกดีกับเรื่องนั้น แต่เธอก็รู้แล้วว่าตัวเองไม่สามารถจัดการกับมันได้
ที่ทำได้ก็คงเหลือแค่จับมันขังไว้แล้วเอาไปปล่อยในอวกาศล่ะมั้ง แต่ว่า…
เวรแล้วไง รู้งี้น่าจะทำตั้งแต่ตอนที่มันยังเป็นร่างยักษ์ร่างเดียว มันกระจายไปอย่างนี้แล้วจะทำไงดีล่ะเนี่ย…
สภาพของ”แม่มด”ในตอนนี้คือ ใบหน้าของแม่มดทั้งหลายที่ลอยขึ้นจนกระทั่งปกคลุมท้องฟ้า
แถมมันยับไปมาอยู่ตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าบาเรียใหญ่แค่ไหนถึงจะจับมันได้ทั้งหมด
ยิ่งกว่านั้นมันยังครอบคลุมพื้นที่ปริมาณกว้าง ในระดับที่หากมันโจมตีพร้อมกัน เธอก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถป้องกันการโจมตีได้ทั้งหมด
…อาจจะสิ้นเปลืองพลังเวทย์ไปบ้าง แต่ถ้ามีใครตายขึ้นมาล่ะก็ มันก็จะสายเกินไป ถ้าจะทำก็ต้องตอนนี้เลย
หากปล่อยไว้เป็นอย่างนี้ ลำแสงจำนวนมากจะตกลงมาเหมือนกับเครื่องบินทิ้งระเบิด
เอลริสในตอนนี้จึงไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องการกักพลังเวทย์ไว้ใช้ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการลบใบหน้าทั้งหลายที่ลอยอยู่ออกไปก่อน
“Aurea Libertas!”
ลำแสงขนาดใหญ่พุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้า
ระหว่างทาง มันก็กระจายออกเป็นลำแสงขนาดเล็กจำนวนมาก และพุ่งเข้าทำลายใบหน้าเหล่านั้น
ใบหน้าของเหล่าแม่มดพยายามที่จะพ่นลำแสงสีดำตอบโต้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานพลังของเอลริสได้ ถูกลำแสงสีขาวสอยจนหายไป
“ฮ่าา…ฮ่าา…”
เอลริสหอบหายใจพร้อมมองไปยังท้องฟ้า
การโจมตีเมื่อครู่ใช้พลังเวทย์ไปกว่า 100,000
ไม่ใช่แค่พลังเวทย์ของท่าโจมตี ยังรวมไปถึงพลังเวทย์ที่ใช้ในการนำมันขึ้นไปสูงและกว้างถึงขนาดนั้นด้วย
ใบหน้าของแม่มดแต่ละหน้านั้นไม่ใช่ศัตรูที่จะสามารถจัดการได้ด้วยการโจมตีครึ่งๆกลางๆ
ที่ตรงหน้าของเอลริสที่เหนื่อยอ่อน แม่มดรวมตัวขึ้นอีกครั้ง เป็นรูปลักษณ์ของมนุษย์ขนาดใกล้เคียงกับตัวเอลริสเอง