สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 100 สต็อกโฮล์มซินโดรม
ตอนที่ 100 สต็อกโฮล์มซินโดรม
พ่างจื่อหันไปถามไป๋เยี่ย “เยี่ยจื่อ นายอยากด่าเขากลับไหม”
ไป๋เยี่ยส่ายหัว “อย่าไปสนใจคนพวกนี้เลย ดูก็รู้ว่าอยากสร้างกระแส มัวไปตอบกลับก็เท่านั้น จะทำไปเพื่ออะไร”
พ่างจื่อเบ้ปาก “นายไม่รู้เหรอว่าคนประเภทนี้มันไม่สะทกสะท้านอะไรอยู่แล้ว ถ้านายไม่สนใจ ตาแก่นั่นอาจจะด่านายหนักกว่าเดิมก็ได้นะ!”
ทั้งคู่นั่งแช่อยู่ที่ร้านอาหารจนถึงประมาณบ่ายสองบ่ายสาม พวกเขาตัดสินใจเรียกแท็กซี่กลับไปที่หอพักแทนที่จะขี่จักรยานกลับไปเพราะเพิ่งจะดื่มเบียร์กันไป
ไป๋เยี่ยว่างทั้งบ่ายจึงนอนพักจนห้าโมงกว่าๆ ทว่าเขากลับต้องตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์
เป็นสายจากสวี่จงเหล่ย
ไป๋เยี่ยไม่ได้ติดต่ออีกฝ่ายมาระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ไป๋เยี่ยกลับไปเยี่ยมบ้านช่วงปีใหม่ก็ไม่ได้คุยกันเลย
ไป๋เยี่ยรับสายก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มพูดขึ้น “ไป๋เยี่ย รีบเข้าเวยป๋อมาเดี๋ยวนี้เลย มีคนกำลังจะตีกัน”
ไป๋เยี่ยที่เพิ่งตื่นยังคงงงอยู่ “หา ตีกันเรื่องอะไร”
สวี่จงเหล่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวล “ก็แฟนคลับสือฉีกับแฟนคลับนายไงล่ะ กำลังนัวกันในช่องคอมเมนต์เลย เข้าเวยป๋อมาสิ กำลังตีกันอยู่เนี่ย”
ไป๋เยี่ยชะงัก หนักขนาดนั้นเลยเหรอ ไป๋เยี่ยรีบกดเข้าเวยป๋อทันทีเพราะว่าพ่างจื่อได้ให้รหัสแอคเคาท์นั้นกับไป๋เยี่ยแล้ว
เมื่อเข้าเวยป๋อ ไป๋เยี่ยก็พบว่ามีคนจำนวนมากแท็กชื่อเขามาอย่างบ้าคลั่ง
ทุกโพสต์มีคอมเมนต์เป็นพันๆ แถมมันยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
ไป๋เยี่ยเลื่อนหาชื่อของสือฉีจนเจอ แล้วพบว่าชายผู้นี้เพิ่งจะโพสต์อะไรเลอะเทอะอีกแล้ว
[การศึกษาหาความรู้ต้องเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป วันนี้ตอนกำลังดื่มชาก็เพิ่งได้ข่าวจากเพื่อนว่าเด็กในคลิปนั้นกลายเป็นคนดังไปแล้ว ได้รับการยกย่องจากมหาวิทยาลัยต่อหน้าอาจารย์และนักศึกษาคนอื่นๆ เฮ้อ…คนที่ประสบความสำเร็จควรจะมีความถ่อมตนมากกว่านี้นะ น่าเศร้าที่ปัจจุบันแวดวง xx ได้กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ไปแล้ว…]
ใต้โพสต์มีลิงค์คลิปงานมอบเหรียญเกียรติยศที่จัดขึ้นโดยหูเฟิงอวิ๋นเมื่อตอนที่ไป๋เยี่ยได้อันดับหนึ่งในการแข่งรอบระดับมณฑล
ไม่น่าเชื่อว่าสือฉีจะยังดึงดันไม่ยอมลดละความพยายาม
เริ่มมีคอมเมนต์ว่าไป๋เยี่ยโกงข้อสอบเพราะจริงๆ เขาไม่ได้เก่งขนาดนั้นโผล่มาบ้าง ทั้งยังมีบางคนที่กล่าวหาว่าทางมหาวิทยาลัยจัดฉากให้ดูเป็นเรื่องใหญ่อีกด้วย
แม้ว่าสือฉีจะไม่ได้เอ่ยชื่อไป๋เยี่ยออกมา แต่แค่อ่านก็รู้แล้วว่าหมายถึงใคร
ทว่า…ยิ่งเขาด่าไป๋เยี่ยมากเท่าไร แฟนคลับของไป๋เยี่ยก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ทั้งยังมีคนเข้ามาดูคลิปมากขึ้นเรื่อยๆ…
ดูเหมือนว่า…จะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร!
แม้ว่าจะไม่มีการประเมินผลการบรรยาย แต่ยิ่งมีคนยอมรับมากเท่าไร รางวัลก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น!
คิดได้ดังนั้น ไป๋เยี่ยก็แอบหวังเล็กๆ ว่าอีกฝ่ายจะด่าเขาต่อไปเรื่อยๆ! ด่ามาเยอะๆ เลย! ขอแรงกว่านี้…
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็นึกอะไรขึ้นได้ เดี๋ยวก่อน! นี่เราเป็นสต็อกโฮล์มซินโดรมหรือเปล่าเนี่ย
ไป๋เยี่ยเลิกสนใจสือฉีและปล่อยให้เขาปากดีต่อไป ต้องใส่ไฟให้มากกว่านี้!
ตลอดช่วงบ่าย ทั้งช่องคอมเมนต์ก็เต็มไปด้วยคำด่าสาดเสียเทเสีย
ไป๋เยี่ยก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย กลับกัน เขากลับใช้เวลาว่างไปกับการค้นหาสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการสอบรอบที่สองแทน
เพียงแต่ว่า…ไป๋เยี่ยยังคงได้รับข้อความจากสวี่จงเหล่ยที่บอกให้เขาเข้าเวยป๋ออีกที เมื่อกดเข้าไปเขาจึงได้พบว่าแอคเคาท์ทางการของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีได้โพสต์บางอย่างลงไป!
ในโพสต์มีเนื้อหาดังนี้
[วิดีโอข้างต้นเป็นวิดีโอการสอนภายในมหาวิทยาลัยของเรา ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของทางมหาวิทยาลัย การการเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัยของเราถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ทางมหาวิทยาลัยจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ละเมิดภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ โดยผู้ละเมิดจะต้องรับผิดชอบตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ทั้งหมด…]
จากนั้นก็แท็กบัญชีทางการของเวยป๋อ ไป๋เยี่ย สือฉีและคนอื่นๆ
คลิปนี้เป็นคลิปการบรรยายของไป๋เยี่ยที่ถูกบันทึกโดยตัวไป๋เยี่ยที่มหาวิทยาลัยเอง ทว่ากลับไม่มีคนรู้ว่าใครเป็นคนนำคลิปนี้ไปโพสต์ในอินเทอร์เน็ต
คลิปดังกล่าวเป็นเพียงเทปบันทึกการสอนในชั้นเรียนที่ถูกเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะเท่านั้น ตามหลักแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ แต่ใครจะไปคิดว่าคลิปนี้จะสร้างเรื่องได้ใหญ่โตขนาดนี้
ไม่มีใครคาดคิกว่ามันจะกลายเป็นประเด็นร้อนแรง
ทันทีที่ข่าวนี้ถูกแพร่ออกไป เจ้าหน้าที่ของทางเวยป๋อก็รีบเข้ามาประสานงานทันที มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีก็ถือเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐเช่นกัน ผู้อำนวยการหูเฟิงอวิ๋นเองก็เป็นถึงรองผู้อำนวยการสภาประชาชนประจำมณฑลด้วย แน่นอนว่าจะให้ใครมาทำเรื่องเสื่อมเสียแก่สถาบันไม่ได้!
ต้องบอกว่าสือฉีก็เป็นคนฉลาดเหมือนกัน แม้ว่าเขาจะด่าสาดเสียเทเสียทุกบรรทัดแต่ก็ไม่มีประโยคที่เจาะจงถึงไป๋เยี่ยหรือทางมหาวิทยาลัยเลย
เจ้าหน้าที่ของทางเวยป๋อดำเนินการอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงครึ่งวัน คลิปนั้นก็ถูกลบออกไป
ดูเหมือนสือฉีก็รู้ตัวว่าเขากำลังเป็นประเด็นเหมือนกัน จึงหยุดการกระทำทั้งหมดและยอมเลิกราแต่โดยดี
เรื่องนี้ทำเอาไป๋เยี่ยถึงกับตะลึง…แค่นี้ก็หยุดแล้วเหรอ
ปกติเขาน่าจะโพสต์ด่าสาปยันรากเหง้าแล้วไม่ใช่เหรอ
ตกลงว่าเป็นแอนตี้แฟนจริงไหมเนี่ย มาเพิ่มฐานแฟนคลับให้กันเฉยเลย
แม้ว่าสือฉีจะเงียบปากไปแล้ว แต่คลิปนั้นก็ยังเป็นที่ต้องการอยู่ดี!
พวกคนปั่นกระแสก็ซาลงเรื่อยๆ แต่กลับเป็นกลุ่มคนที่ต้องการคลิปนี้แต่แรกที่ต้องไปวิ่งวุ่นหาคลิปมาใหม่แทน
“พระเจ้า! สือฉีนี่โคตรโง่เลย เป็นบ้าหรือไงวะนั่น คนเขาจะเอาคลิปจากแกต่างหาก นี่ฉันยังดูคลิปไม่จบด้วยซ้ำมันก็หายไปแล้ว เล่นตลกอะไรอยู่วะ!”
“สือฉีออกไปซะ คนเขาบรรยายดีๆ แล้วเอ็งไปยุ่งไรกับเขา เอาแต่พล่ามไปวันๆ อยู่ได้”
“ขอคลิปหน่อย ขอคลิปหน่อย ขอคลิปหน่อย… ”
“สือฉี รีบขอโทษซะเถอะ แล้วปล่อยคลิปออกมาด้วย ถ้าแกไม่ปล่อยคลิป ฉันจะตามมาด่าแกทุกวันแน่!”
การกระทำของสือฉีก่อให้เกิดสงครามประสาทเล็กๆ ขึ้น
ทว่าทั้งไป๋เยี่ยและทางมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรมากกว่านั้นแล้ว
มีคนหลายหมื่นคนเรียกร้องให้ปล่อยคลิปนี้โดยหวังเล็กๆ ว่าทางมหาวิทยาลัยจะยอมใจอ่อนบ้าง
เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่โตนานถึงสองสามวัน ไป๋เยี่ยติดอันดับห้าของฮ็อตเสิร์ช ส่วนคู่กรณีอย่างสือฉีก็ติดอันดับสิบของฮ็อตเสิร์ชหลังจากที่ไม่ได้ติดอันดับมานาน
วันที่ 1 เมษายน
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นตั้งแต่เช้า
เสียงแจ้งเตือนวีแชตงั้นเหรอ
ไป๋เยี่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความด้านบน
[เมิ่งอวิ๋นซีตอบรับคำขอเป็นเพื่อนของคุณแล้ว]
เมิ่งอวิ๋นซีงั้นเหรอ ไป๋เยี่ยจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอคือเพื่อนที่เดซี่แนะนำมา เธอคือผู้หญิงที่จบหลักสูตร MBA รุ่นที่สองและเป็นเจ้าของบริษัทยาของครอบครัว นอกจากนี้ในเครือของเธอก็ยังมีบริษัทเพาะพันธุ์สัตว์ทดลองด้วย
ไป๋เยี่ยแทบจะลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย เพราะว่าตั้งแต่ที่เขาเพิ่มเพื่อนไปเธอก็ไม่ได้ตอบรับคำขอเป็นเพื่อนของเขา ส่วนตัวเขาเองก็ยุ่งมาก
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเพิ่งตอบรับคำขอ เขาก็พอนึกขึ้นได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เมิ่งอวิ๋นซี: [สวัสดีค่ะ ฉันเมิ่งอวิ๋นซี]
แนะนำตัวได้เป็นทางการสุดๆ
ไป๋เยี่ย: [สวัสดีครับ ผมไป๋เยี่ยนะครับ คุณเดซี่เป็นคนแนะนำคุณให้กับผม]
เมิ่งอวิ๋นซี: [ค่ะ เดซี่บอกฉันแล้ว ขอโทษด้วยแต่ว่าตอนนี้ฉันมีธุระต้องจัดการน่ะค่ะ ไว้คุยกันทีหลังนะคะ]
ไป๋เยี่ย: […ยุ่งอยู่สินะครับ]
ความประทับใจแรกงั้นเหรอ…ก็น่าพอใจแหละมั้ง
ไป๋เยี่ยลองเปิดดูโมเมนต์ของเธอ อยากจะรู้จริงๆ ว่าเมิ่งอวิ๋นซีเป็นคนแบบไหน แต่ทันทีที่ลองกดเข้าไปเขากลับไม่เจออะไรเลย!
ปกพื้นหลังของเธอคือภาพวาดสีน้ำมันที่ไป๋เยี่ยรู้จักดี มันเป็นภาพวาดที่ถูกนำมาจัดแสดงที่นิทรรศการศิลปะในประเทศฝรั่งเศส
มันคือภาพ ‘กองหญ้าแห้ง’ ของโคลด์ โมเนต์ซึ่งเป็นหนึ่งในศิลปิอนอิมเพรสชันนิสม์
ไป๋เยี่ยเข้าไม่ถึงภาพวาดสีน้ำมัน มีแต่เถ้าแก่ไป๋ที่เข้าถึง เขาบอกว่านักอิมเพรสชั่นนิสต์ยึดถือความสมบูรณ์แบบเป็นหลัก พวกเขาเชื่อว่าจุดประสงค์ของศิลปะคือการบันทึกความมหัศจรรย์ของธรรมชาติโดยอาศัยมุมมอง วิทยาศาสตร์ และจิตวิญญาณ
ไป๋เยี่ยส่ายหัวไปมา เขาไม่กลัวพวกเศรษฐีบ้านนาหรอก แต่กลัวเศรษฐีบ้านนาที่มีการศึกษามากกว่า คนเหล่านี้มีความเข้าใจในจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้ง พวกเขามีมุมมองด้านชีวิตและค่านิยมที่เป็นนามธรรมมากจนยากจะเข้าใจ
เช่นเดียวกับเถ้าแก่ไป๋ที่หลายปีมานี้ก็เริ่มพูดถึงเรื่องนามธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ…
แทนที่จะไปโรงพยาบาลวันนี้ ไป๋เยี่ยกลับต้องเตรียมเอกสารที่จำเป็นสำหรับการตรวจร่างกายอีกครั้ง แล้วยังต้องวนไปขอหนังสือรับรองการเป็นนักศึกษาจากที่มหาวิทยาลัยอีกด้วย