สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 133 ผสานเทคโนโลยี
ตอนที่ 133 ผสานเทคโนโลยี
ไป๋เยี่ยไม่ได้อาบน้ำ แต่กลับเปิดโน้ตบุ๊กขึ้นมาและเริ่มศึกษาข้อมูลที่เขาอดหลับอดนอนวิเคราะห์มาเป็นเวลาสองสามวันอย่างระมัดระวัง!
เราใช้วิธีวิเคราะห์ผิดวิธีหรือเปล่านะ
ไม่สิ!
ไม่ผิด!
แต่มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ
เขาใช้วิธีการคำนวณหลายวิธี แต่ทำไมเขาถึงได้รับผลลัพธ์ที่เหมือนกันทุกประการ
ข้อมูลชุดนี้สมบูรณ์แบบมาก!
ไม่ว่าจะใช้วิธีการวิเคราะห์วิธีไหน ผลลัพธ์สุด้ายก็ออกมาเหมือนเดิมอยู่ดี
เพื่ออะไร
ไม่น่าเป็นแบบนี้ได้นะ
เพราะสถิติเป็นเพียงการทดสอบและคาดคะเนการวิเคราะห์ จัดระเบียบ และสรุปข้อมูล วิธีการทางสถิติแต่ละวิธีมีความแตกต่างกัน แม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาในลักษณะเดียวกัน แต่ตัวเลขก็ไม่ควรจะเหมือนกันขนาดนี้
สาเหตุมาจากอะไร
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็นึกอะไรขึ้นได้
ข้อมูลนี้เป็นเท็จ!
มันเป็นข้อมูลปลอม!
ไป๋เยี่ยตกใจกับความคิดของตนเอง ถ้านี่เป็นข้อมูลปลอม แปลว่าคาร์ลอาจจะขโมยมันมาจากหัวหน้างานงั้นเหรอ
หรือว่าเขาจะแค่หาเรื่องล้อเล่นเฉยๆ
แต่นั่นดูจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คงไม่เกิดความสูญเสียแบบนี้หรอก! และคาร์ลก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้นด้วย
แปลกนะ…
สาเหตุคืออะไร
หรือว่าจะมีความลับอื่นด้วย
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของคาร์ล
ไป๋เยี่ยรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู เขาเห็นว่าคาร์ลยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับสัมภาระของเขา
ไป๋เยี่ยเบิกตากว้างก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “คุณ… คุณจะไปไหน”
คาร์ลกลับมามีท่าทางตามปกติอีกครั้งหนึ่ง เขาส่งยิ้มจางๆ พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบคม “กลับบ้าน”
ไป๋เยี่ยเกาหัว “คุณจะกลับแล้วเหรอ ผมยังไม่ได้พาคุณทัวร์เลย…”
ไป๋เยี่ยรู้สึกละอายใจ เพราะว่าคาร์ลเดินทางมาไกล ทั้งยังช่วยไป๋เยี่ยไว้หลายเรื่อง ทั้งเรื่องงานบรรยายอีก ถือว่าต้องรบกวนเขามากจริงๆ…
ในขณะที่ไป๋เยี่ยรู้สึกว่าตนช่วยอะไรคาร์ลไม่ได้เลย…
พอเขาคิดอะไรได้ คาร์ลก็กำลังจะกลับประเทศเสียแล้ว
คิดได้ดังนั้นไป๋เยี่ยก็อดหน้าแดงไม่ได้
คาร์ลตบไหล่ของไป๋เยี่ยพร้อมกับเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “คุณไม่ต้องเสียใจหรอกนะ จริงๆ แล้ว…ผมเองก็รู้ผลลัพธ์เหมือนกัน ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ดูแย่นี่นา ดูสิว่าทุกคนต้อนรับผมขนาดไหน!”
ไป๋เยี่ยเห็นด้วยไปกับคาร์ล คิดว่าการทำงานเป็นรองบรรณาธิการของ ‘เซลล์’ มันง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ โดยทั่วไปแล้ว บรรดาหัวหน้าบรรณาธิการส่วนใหญ่มักจะมีตำแหน่งแค่ในนามเท่านั้น คนที่ลงมือทำงานจริงๆ อาจจะเป็นรองบรรณาธิการแบบเขาก็ได้
ไป๋เยี่ยพยักหน้าอย่างจริงจัง “อันที่จริง…ลองให้เวลาผมอีกสักหน่อยสิ ผมจะลองวิเคราะห์ดูใหม่”
คาร์ลพึมพำก่อนจะตอบไป “ผมเชื่อในตัวคุณ อีกไม่นานคุณจะต้องยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้อย่างแน่นอน ผมมองคนไม่ผิดแน่!”
“แต่ยังไงก็ตาม ผมขอมอบข้อมูลชุดนี้ให้คุณไปเลยแล้วกัน คุณน่าจะลองศึกษามันให้ดี ถ้าเจออะไรก็เอามาบอกผมด้วยล่ะ จะได้รู้ว่ามันผิดพลาดตรงไหน…”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าก่อนจะรับแฟลชไดร์ฟมา
ข้อมูลชุดนี้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว แม้ว่าเทคโนโลยีหลักที่ใช้ในการทดลองจะไม่ได้รับการเปิดเผย และมีเพียงการบันทึกขั้นตอนการทดลองเท่านั้น แต่ขั้นตอนเหล่านั้นไป๋เยี่ยก็เคยเห็นมาหมดแล้ว ดังนั้นคาร์ลจึงไม่มีอะไรต้องเสียดายข้อมูลชุดนี้เลย
อีกอย่าง ข้อมูลชุดนี้เป็นข้อมูลสำรอง หากไป๋เยี่ยหาคำตอบได้จริงๆ จะเป็นอย่างไร บางทีถ้าวันนั้นมาถึง ไป๋เยี่ยอาจจะไม่ต้องใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นก็ได้
คาร์ลออกเดินทางในวันนั้นโดยมีไป๋เยี่ยและหูเฟิงอวิ๋นไปส่งเขาที่สนามบิน
ก่อนที่คาร์ลจะขึ้นเครื่องไป ไป๋เยี่ยก็ได้รั้งคาร์ลไว้และถามคำถามหนึ่งกับเขา “ข้อมูลนี้น่าเชื่อถือแค่ไหน”
คาร์ลสะดุ้งก่อนจะตอบพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้อมูลนี้เป็นของจริง!”
ไป๋เยี่ยได้แต่มองตามร่างที่เดินจากไปของคาร์ล
[ติ๊ง! ความปรารถนาของคาร์ล ช่วยเขาคลี่คลายปมในใจ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการทดลอง คาร์ลจึงคิดว่าเขาเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้การทดลองล้มเหลว ดังนั้นคุณจะต้องช่วยให้เขาหลุดพ้นจากเรื่องนี้ให้ได้
รางวัลภารกิจ:
1. สุ่มรับทักษะบางอย่างจากคาร์ล
2. โอกาสจับรางวัลระดับสี่ดาวหนึ่งครั้ง!]
ไป๋เยี่ยชะงัก ต่อให้ไม่มีรางวัลเขาก็จะต้องทำมันให้ได้
การกลับไปของคาร์ลไม่ได้ส่งผลอะไรต่อชีวิตเขามากนัก
หลังจากกลับมาที่มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัยการแพทย์แผนจีนก็ประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบสุดท้ายทางออนไลน์
‘ผู้ได้รับการคัดเลือกระดับปริญญาโท ไป๋เยี่ย!’
‘ผู้ได้รับการคัดเลือกระดับปริญญาเอก หลีว์เฟิ่งเซียน!”
ในที่สุดก็ประกาศแล้ว!
ไป๋เยี่ยดีใจมาก!
ในที่สุดก็ได้เรียนต่อป.โทแล้ว เยี่ยมไปเลย!
ทันใดนั้น ไป๋เยี่ยก็ได้รับสายจากใครบางคนในเมืองหลวง
ทันทีที่ไป๋เยี่ยรับสาย ก็มีเสียงไพเราะเสนาะหูจากอีกฝั่งดังขึ้นมา
“สวัสดี…ฮ่าๆ คุณคือรุ่นน้องของผม ‘ไป๋เยี่ย’ สินะ”
ไป๋เยี่ยชะงัก!
รุ่นน้องงั้นเหรอ เขาคือใครกัน
“ใช่ครับ ผมคือไป๋เยี่ย แล้วคุณคือใครครับ”
อีกฝ่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงกะตือรือร้น “ผมชื่อหลีว์เฟิ่งเซียน ต่อไปผมจะเป็นรุ่นพี่ของคุณ”
ไป๋เยี่ยตะลึง!
ที่แท้เขาก็คือหลีว์เฟิ่งเซียน คนที่สอบติดปริญญาเอกนี่เอง
ไป๋เยี่ยแทบจะหัวเราะเมื่อได้ยินชื่อนี้ หลีว์เฟิ่งเซียนงั้นเหรอ คิดว่ายังไงล่ะ…คิดว่าเขาใจกว้างขนาดนั้นเลยเหรอ
ไป๋เยี่ยยกยิ้มและตอบอีกฝ่ายไป “สวัสดีครับรุ่นพี่ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
หลีว์เฟิ่งเซียนหัวเราะ “น้องชาย อาจารย์บอกให้เราไปที่โรงพยาบาลผู่เจ๋อในวันจันทร์หน้าเพื่อพบอาจารย์ ดูเหมือว่าอาจารย์มีอะไรที่ต้องบอกเรานะ”
ไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้นก็นัดเจอหลีว์เฟิ่งเซียนที่เมืองหลวงเพื่อไปเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาด้วยกัน
ไป๋เยี่ยไม่ได้มีความประทับใจอะไรกับหลีว์เฟิ่งเซียนสักเท่าไหร่ เพราะไป๋เยี่ยไม่เห็นเขาตอนสัมภาษณ์เลย
แต่พอเห็นชื่อก็พอจะประทับใจขึ้นมาบ้าง อีกไม่กี่วันก็ต้องเจอกันแล้ว ไป๋เยี่ยจึงไม่กังวลสักเท่าไหร่
ประมาณห้าโมงเย็น ไป๋เยี่ยก็ได้รับสายจากขนส่ง ‘ชุ่นเฟิงเอ็กซ์เพรส’
เขาเปิดซองเอกสารทันทีที่ได้รับ!
ประกาศรับสมัครงั้นเหรอ
คิดได้ดังนั้นไป๋เยี่ยก็อดตื่นเต้นไม่ได้
ไป๋เยี่ยอดใจหยิบจดหมายขนาดใหญ่ที่มีโลโก้สถาบันแพทย์แผนจีนออกมาจากซองไม่ได้!
ด้านในมีประกาศรับสมัครและกระดาษอีกสองสามแผ่นที่จั่วหัวไว้ว่า ‘สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการรายงานตัว’
ทันใดนั้นเสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น!
[ติ๊ง! ภารกิจสอบเข้าปริญญาโทสำเร็จแล้ว! การได้รับแจ้งการรับเข้าเรียนจากสถาบันแพทย์แผนจีนแห่งชาติถือว่าสำเร็จภารกิจแล้ว คุณจะได้รับแต้มสมาชิกห้าสิบแต้มและโอกาสจับรางวัลระดับสามดาวหนึ่งครั้ง]
ว้าว ในที่สุดภารกิจสอบเข้าป.โทก็จบลงสักที เป็นภารกิจที่กินเวลานานมากจริงๆ จนไป๋เยี่ยแอบสาปส่งผู้เขียนในใจ สอบเข้าบ้าอะไรใช้เวลานานขนาดนี้!
ทันใดนั้นก็มีเสียงคลิกดังขึ้น ทำเอาไป๋เยี่ยสะดุ้งโหยง!
ไป๋เยี่ยเบิกตากว้าง!
ร่างของเขาสั่นเทิ้มไปด้วยความหวาดระแวง…
อะไรวะเนี่ย
หน้าจอโปร่งแสงปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาพร้อมกับข้อความบางอย่าง!
[ติ๊ง! หลังจากได้รับประกาศรับเข้าเรียนระดับปริญญาโทแล้ว แผนผังทักษะจะแยกออกเป็นสองทาง
1. ทักษะภาคปฏิบัติ
2. 2. ทักษะด้านงานวิจัย]
[ทักษะภาคปฏิบัติส่วนใหญ่มักจะเป็นทักษะที่นำไปใช้ในการทำงานในวอร์ด การพัฒนาทักษะภาคปฏิบัติส่วนใหญ่จะทำได้โดยการเรียนรู้จากในวอร์ด ทั้งการดูแลผู้ป่วย การพัฒนาความสามารถทางภาคปฏิบัติ การทำภารกิจภาคปฏิบัติให้สำเร็จ เป็นต้น]
[ทักษะด้านงานวิจัยจะเป็นทักษะที่นำไปใช้ในการทำงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การพัฒนาทักษะด้านงานวิจัยส่วนใหญ่จะทำได้โดยการปรับปรุงแนวคิดด้านการวิจัย พัฒนาความสามารถในการทดลอง การทำภารกิจด้านงานวิจัยให้สำเร็จ เป็นต้น]