สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 14 มาสายซะแล้ว
ตอนที่ 14 มาสายซะแล้ว…
ผู้เข้าสอบค่อยๆ ทยอยกันไปที่ห้องสอบแล้ว พ่างจื่อหันมามองไป๋เยี่ย: “เยี่ยจื่อ เราสอบห้องเดียวกันล่ะ นายว่าฉันลอกนาย หรือนายลอกฉันถึงจะได้คะแนนเยอะ”
ต้วนเย่ว์ยิ้มแหย “พ่างจื่อ ฉันว่าถ้านายฉลาดพอ คงได้คะแนนมากกว่าทำเองนิดนึงล่ะนะ”
ห้องสอบของไป๋เยี่ยและพ่างจื่ออยู่ชั้นหก หลังจากต่อแถวไม่นาน อีกไม่กี่นาทีก็เริ่มสอบแล้ว
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็รู้สึกมวนท้อง เวรเอ๊ย มาท้องเสียตอนนี้เนี่ยนะ
“พ่างจื่อ มีทิชชู่ไหม ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ”
พ่างจื่อล้วงทิชชู่ออกมาส่งให้ไป๋เยี่ย “เยี่ยจื่อ เครียดขนาดนั้นเลยเหรอ สอบสิบยี่สิบคะแนนนี่เครียดขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
ไป๋เยี่ยไม่สนใจเขาแล้วตรงไปที่ห้องน้ำทันที พอปลดปล่อยเรียบร้อยแล้วก็ค่อยผ่อนคลายขึ้นหน่อย ยังคงเหลือเวลาอีกสามนาทีก่อนสอบ
ทันทีที่ไป๋เยี่ยลุกขึ้นนั้น ก็ได้ยินเสียงว่าห้องข้างๆ มีคนอยู่ เอ๋ ดูเหมือนอาหารเช้าจะมีปัญหาจริงๆ แฮะ
ไม่ได้การละ! ต้องแจ้งเรื่องนี้กับหัวหน้า พวกเราเป็นดอกไม้แห่งประเทศชาติที่กำลังจะผลิบาน จะมาถูกอาหารเช้าทำลายไปได้ไง!
ไม่รู้เหรอว่าแผนของแต่ละวันต้องเริ่มต้นจากตอนเช้าน่ะ
ไป๋เยี่ยกำลังจะลุกขึ้น โดยที่ห้องตรงข้ามนั้นยังมีคนอยู่ และไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร ได้ยินเพียงเสียงที่ดังมาจากผนังกั้น
ไป๋เยี่ยส่ายหัวไปมา เราจะไปสนใจทำไมกันเล่า จากนั้นจึงรีบเดินไปยังห้องสอบ “เตรียมบัตรเข้าสอบกับบัตรประชาชนด้วยค่ะ” หญิงสาวหน้าตาสะสวยที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูพูดขึ้น
ไป๋เยี่ยยิ้มอ่อน พร้อมกับล้วงมือเข้าไปหยิบบัตรสองใบในกระเป๋าแบบเท่ๆ แล้วจึงส่งให้เธอไป
เมื่ออาจารย์คนนั้นรับบัตรไป สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนตามไปด้วย ก่อนที่เธอจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“นี่นายมาเล่นตลกหรือมาสอบ!”
ไป๋เยี่ยได้ฟังก็งง ถึงจะสวยก็เถอะแต่จะมาด่าคนอื่นตามใจชอบแบบนี้ไม่ได้หรือเปล่า
แต่เมื่อมองดูดีๆ แล้ว ไป๋เยี่ยก็ต้องตกตะลึง!
ฉิบแล้ว!
เป็นสองใบนี้ไปได้ไงกัน!
“บัตรลดราคาสมาชิกโรงแรมม่านรูดชวนฝัน”’
“บัตรสมาชิกพิเศษโรงพยาบาลทำแท้งหวงเหอ”
ไป๋เยี่ยเผลออ่านชื่อบัตรออกมา เมื่ออ่านจบสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
ไอ้ของพวกนี้มันคือที่พวกขายของยัดใส่กระเป๋ามาตอนไปร้านอินเทอร์เน็ตนี่หว่า!
แล้วบัตรเข้าสอบที่เตรียมไว้ล่ะ!
ไป๋เยี่ยนึกขึ้นได้ว่าตนเองหยิบบัตรมาผิดใบ จึงรีบบอกหญิงสาวคนนั้น “ขอโทษครับอาจารย์ ผมหยิบมาผิด ผมจะกลับไปเอาเดี๋ยวนี้เลย ส่วนอันนี้ผมให้อาจารย์นะครับ!”
หญิงสาวก็อึ้งไปด้วยเช่นกัน
ให้ฉันเหรอ
ฉันจะไปโรงแรมม่านรูดทำไม
เธอสบถเสียงเบา “โรคจิต!”
ก่อนจะพูดต่อด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “เก็บของต่ำๆ พวกนี้ไปซะ แล้วก็ขอเตือนว่า อีกสิบห้านาทีสนามสอบจะปิดแล้วนะ”
ไป๋เยี่ยยิ้มแห้ง “ผมไวอยู่แล้ว อาจารย์ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไวมาก ขอเวลาแป๊บเดียวเท่านั้น ขอแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น!”
ทว่าเหล่านักศึกษาที่กำลังเตรียมตัวสอบอยู่ในห้องกลับได้ยินไป๋เยี่ยและอาจารย์คุมสอบสุดสวยคุยกัน ต่างก็พากันเงียบ ของต่ำๆ อะไรน่ะ แล้วไหนจะโรงแรมม่านรูด แถมยังพูดว่าไวๆ อีก…โลกนี้มันบิดเบี้ยวขึ้นทุกวันจริงๆ!
แม้แต่อาจารย์ผู้หญิงที่ดูอายุมากกว่าซึ่งมาคุมสอบด้วยกันนั้นยังส่ายหัวและหันหลังไป วัยรุ่นสมัยนี้นี่น้า…
ทว่าไป๋เยี่ยไม่ได้มีเวลาไปสนใจมากขนาดนั้น เขาวิ่งออกมาด้านนอก โชคดีที่หอพักของเขาอยู่ห่างจากตึกเพียงไม่กี่นาที ไป๋เยี่ยวิ่งเข้าหอพักแบบติดจรวด แล้วจึงเห็นบัตรเข้าสอบและบัตรประชาชนที่เตรียมไว้ เขาด่าตนเองในใจ ได้แล้วก็วิ่งซะสิ ยังจะมีเวลามาคิดอีกเหรอ!
กลับมาถึงห้องสอบก็เริ่มสอบไปได้สิบนาทีแล้ว!
หญิงสาวยิ้มเยาะพร้อมกับมองไป๋เยี่ย “ก็ถือว่ายังโชคดี!”
แล้วจึงหยิบเครื่องสแกนมาสแกนให้ไป๋เยี่ยเข้าห้องสอบไป
พ่างจื่อเห็นว่าไป๋เยี่ยมาถึงแล้วก็พลอยโล่งใจไปด้วย ยังดีที่มาทัน แต่จะว่าไปเยี่ยจื่อนี่สุดยอดจริงๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงต้องมาสอบให้ได้ ที่แท้ก็มาแกล้งอาจารย์คุมสอบนี่เอง!
ทว่าหลิวจื้อกลับปรายตามองแล้วพูดในใจ: ทำไมไม่มาช้ากว่านี้!
ไป๋เยี่ยนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วสูดหายใจเข้า โชคดีที่มาทัน! แม้ว่าจะเริ่มสอบไปสิบนาทีแล้วก็เถอะ แต่คงไม่กระทบอะไรมากหรอกมั้ง
เขาพักหายใจครู่หนึ่งจนสงบลง ก่อนจะพลิกข้อสอบขึ้นมาและเริ่มทำในทันที เขาไม่ได้ทำข้อสอบจากหน้าไปหลัง แต่กลับพลิกไปที่ข้อใหญ่ด้านหลังก่อน และเริ่มอ่านโจทย์
ตามคาด!
เป็นตามที่บอกกันมาเลย ข้อใหญ่นี่มีจุดที่เหมือนกับข้อสอบของเซียวซิ่วหรงหลายจุด
ความยากของข้อสอบรัฐศาสตร์จะค่อนข้างสมเหตุสมผล ไม่ยากและไม่ง่ายจนเกินไป เป็นวิชาหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญนัก เพราะว่าต่อให้คุณจะให้ความสำคัญกับมันมากแค่ไหน ก็คงไม่ได้คะแนนเยอะสักเท่าไหร่ และต่อให้คุณจะไม่ใส่ใจมันเลย ก็ยังได้คะแนนประมาณห้าสิบคะแนนอยู่ดี
ดังนั้นทุกคนจึงไม่อยากให้ความสำคัญกับวิชารัฐศาสตร์นัก
โดยปกติข้อสอบวิชารัฐศาสตร์จะแบ่งออกเป็นหลักการพื้นฐานของลัทธิมาร์กซิสม์ แนวคิดของเหมา เจ๋อตงและความโดดเด่นของระบอบคอมมิวนิสต์แบบจีน ประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่ แนวคิดด้านจริยธรรมและกฎหมายพื้นฐาน รวมถึงเศรษฐกิจและการเมืองในยุคปัจจุบัน
สัดส่วนของหัวข้อเหล่านี้ก็ไม่เท่ากัน ไป๋เยี่ยมีความรู้ด้านรัฐศาสตร์ในระดับกลางๆ เพราะว่าตอนเรียนมัธยมปลายเขาเรียนสายวิทย์ แนวคิดทุกอย่างจึงเป็นแนวคิดแบบวิทยาศาสตร์ จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับรัฐศาสตร์นัก
คะแนนเต็มวิชารัฐศาสตร์คือหนึ่งร้อยคะแนน แบ่งออกเป็นข้อสอบปรนัยแบบเลือกตอบหนึ่งช้อยส์ เลือกตอบหลายช้อยส์ และข้อสอบวิเคราะห์ โดยข้อสอบปรนัยมีคะแนนเต็มห้าสิบคะแนน แบบเลือกตอบหนึ่งช้อยส์สิบหกข้อ ข้อละหนึ่งคะแนน และแบบเลือกตอบหลายช้อส์สิบเจ็ดข้อ ข้อละสองคะแนน
ข้อสอบวิเคราะห์มีห้าข้อ ข้อละสิบคะแนน มีเวลาสอบทั้งสิ้นสามชั่วโมง ซึ่งถึงแม้ว่าไป๋เยี่ยจะมาสายสิบนาที แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเท่าไหร่
เขาชินกับการพลิกดูข้อสอบทั้งหน้าและหลังก่อนเริ่มทำ หลักๆ ก็เพื่อดูข้อใหญ่ เพราะอย่างไรนั่นก็เป็นส่วนที่ได้คะแนนตั้งห้าสิบคะแนน ทุกข้อมีคะแนนข้อละสิบคะแนน
มีผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบเข้าบอกว่า คำตอบของข้อสอบวิชารัฐศาสตร์อาจจะอยู่ในหัวข้ออยู่แล้วก็ได้ เพราะว่าข้อมูลในข้อสอบวิเคราะห์นั้นมีเพียงไม่กี่บรรทัดเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นข่าวหรือคำปราศรัยที่ตัดมานั่นเอง
ดังนั้นต่อให้คุณจะทำไปนิดเดียว ก็ยังพอมีคะแนนอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าไป๋เยี่ยไม่อยากทำแบบนั้น
โจทย์ข้อแรกให้ข้อมูลเรื่องการแข่งหมากล้อมเมื่อเดือนมีนาคมปี 2016 เป็นการแข่งขันระหว่างแชมป์หมากล้อมโลกหลี่ซื่อสือและปัญญาประดิษฐ์หมากล้อมอัลฟ่าของบริษัทกูเกิล ท้ายที่สุดอัลฟ่าชนะหลี่ซื่อสือไปได้ด้วยคะแนนสี่ต่อหนึ่ง ปัญญาประดิษฐ์จึงเป็นกระแสขึ้นมา ซึ่งส่วนท้ายๆ นั้นจะกล่าวถึงความคิดเห็นของคนจำนวนมากที่มีต่อปัญญาประดิษฐ์
คำถามคือ ข้อที่หนึ่ง จากมุมมองด้านความสัมพันธ์กันของความเป็นจริงและคุณค่าแล้ว เหตุใดผู้คนจึงมีความคิดเห็นและความขัดแย้งกันต่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
ข้อที่สอง อธิบายข้อความ “ปัญญาประดิษฐ์สร้างประโยชน์ได้ แต่กุญแจสำคัญนั้นยังคงอยู่ที่ตัวมนุษย์เอง” ได้อย่างไรบ้าง
ไป๋เยี่ยไม่เคยเห็นโจทย์ย่อยข้อที่หนึ่ง แต่เขาเคยทำเรื่อง ‘ความเป็นจริง’ และ ‘คุณค่า’ มาก่อน! ไป๋เยี่ยรู้สึกว่าข้อแบบนี้ยังไม่ยากเท่าไหร่ แค่เขียนแนวคิดเรื่อง ‘ความเป็นจริง’ และ ‘คุณค่า’ ลงไป จากนั้นก็เขียนอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองสิ่งก็เสร็จแล้ว!
ส่วนโจทย์ย่อยข้อที่สองนั้นเป็นการถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างการริเริ่มและกฎเกณฑ์ กฎแห่งความตรงกันข้ามและการรวมตัวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้และการปฏิบัติเป็นต้น
ไป๋เยี่ยรู้ตัวว่าเขาคงตอบไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ตอบครอบคลุมประเด็นพวกนี้แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร
คนที่คุ้นเคยกับข้อสอบรัฐศาสตร์ดีควรจะรู้ว่า แค่ตอบตรงประเด็นก็ได้คะแนนแล้ว!