สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 147 ขายดี
ตอนที่ 147 ขายดี
วันที่สาม ไป๋เยี่ยโทรหาปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนแต่ละคนเพื่อแจ้งเรื่องการตีพิมพ์หนังสือ ‘บุกเบิกการแพทย์แผนจีน’ และส่งหนังสือไปให้พวกเขา
อย่างไรปรมาจารย์แต่ละท่านก็เป็นผู้ให้คำแนะนำแก่ไป๋เยี่ยในการเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้น ทั้งยังเป็นผู้เขียนคำนำให้ไป๋เยี่ยอีกด้วย
พ่างจื่อนั่งอยู่ในห้องเรียนพร้อมด้วยโน้ตบุ๊กของเขา เขาหันกลับมายิ้มให้ไป๋เยี่ย “เยี่ยจื่อ เปิดร้านเรียบร้อยแล้ว ข้อมูลหนังสือฉันก็เขียนให้เสร็จแล้ว นายลองโพสต์ลงวีแชทดูสิ น่าจะพอขายได้นะ”
ไป๋เยี่ยตกตะลึง “เร็วจัง ขอดูหน่อยสิ”
พ่างจื่อเป็นปรมาจารย์ด้านการใช้แอปเถาเป่า ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วแต่ละปีเขามีส่วนได้ส่วนเสียกับแจ็คหม่ามากแค่ไหน อย่างไรเขาก็เป็นคนมีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง อีกทั้งการเปิดร้านบนเถาเป่าก็ง่ายมาก อีกอย่างพ่างจื่อยังเคยขายของมือสองที่ไม่ได้ใช้มาก่อน เขาจึงเชี่ยวชาญมันเป็นอย่างดี
ชื่อร้านคือ ‘ร้านค้าออฟฟิเชียลของไป๋เยี่ย‘ มีการระบุข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือ ‘บุกเบิกการแพทย์แผนจีน’ ไว้บนหน้าเว็บ กล่าวตามตรงคือ ร้านนี้มีไว้เพื่อขายหนังสือเท่านั้น
ต้องยกความดีความชอบให้ความสามารถของพ่างจื่อจริงๆ อย่างน้อยหน้าร้านในเถาเป่าก็น่าประทับใจมาก แม้จะไม่ได้สวยงามมาก แต่ก็ดูสบายตาดี
พ่างจื่อพูดขึ้น “ประกาศลงเวยป๋อกับบล็อกของนายสิ ได้เวลาขายของแล้ว”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า ตอนนี้เขามีหนังสือสำรองอยู่หลายพันเล่ม แฟนคลับต่างก็ตั้งตารอมันมาเป็นเวลานานเช่นกัน ทว่าจู่ๆ ไป๋เยี่ยก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงหันไปถามพ่างจื่อ
“นายทำคนเดียวจะไหวเหรอ หาเพื่อนมาช่วยหน่อยไหม”
พ่างจื่อหัวเราะ “นายประเมินฉันต่ำไปหรือเปล่า ใกล้จะบ่ายแล้ว ฉันจัดหาขนส่งไว้แล้ว แค่รอส่งของอย่างเดียวเท่านั้น!”
ไป๋เยี่ยตบไหล่พ่างจื่อ “จัดไป!”
“แน่นอน!”
ไป๋เยี่ยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาถ่ายรูปและโพสต์ลงในเวยป๋อและบล็อกของเขา [หนังสือ ‘บุกเบิกการแพทย์แผนจีน’ ตีพิมพ์เสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ เพื่อนๆ ที่สนใจเข้ามาสั่งซื้อได้เลย]
ไป๋เยี่ยแนบลิงค์ร้านค้าบนเถาเป่าลงไปด้วย
หลังจากจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จแล้ว ไป๋เยี่ยก็ลองคำนวณดู ถ้าขายหนังสือจำนวนสองหมื่นเล่มไปในราคาเล่มละยี่สิบห้าหยวน เขาก็จะขายทั้งหมดได้ในราคาห้าแสนหยวน หักค่าตีพิมพ์และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดออกก็จะมีเงินเหลือราวๆ สามแสนหยวน
ถึงแม้จะไม่มากแต่ก็นำมาใช้แก้ขัดได้อยู่
การเลี้ยงหนูทดลองแตกต่างจากการเลี้ยงไก่ ต้องทำงานหนัก ค่าแรงก็แพง ไม่ใช่จ่ายแค่ค่ากินค่าดื่มก็จบเท่านั้น
ตอนนี้เขามีหนูอยู่หนึ่งแสนตัว ถ้าไป๋เยี่ยได้เป็นเจ้าของฐานเพาะพันธุ์แห่งนี้แล้วเขาก็จะดำเนินการต่อไปได้ ทว่ามันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
อันที่จริงจุดประสงค์ของไป๋เยี่ยไม่ใช่การเข้าไปทำธุรกิจเพาะพันธุ์สัตว์ทดลองแต่อย่างใด จุดประสงค์ของเขาก็คือการใช้ฐานการเพาะพันธุ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นในการทำสิ่งที่เขาต้องการทำ
ข้อแรก เกณฑ์บีพีเอฟเอช ถ้าจะตั้งเกณฑ์นี้ขึ้นมาก็ต้องมีการวิจัยเกี่ยวกับหนูทดลอง ต้องทำให้เกณฑ์บีพีเอฟเอชเป็นที่ยอมรับของสากลให้ได้
ข้อที่สอง ผลักดันอาหารหนูของเขา อาหารหนูของเขาอาจจะดีพอที่จะมีผลต่อเกณฑ์บีพีเอฟเอช ถ้าเกณฑ์บีพีเอฟเอชได้รับการยอมรับ อาหารหนูของเขาก็จะเป็นที่นิยมอย่างแน่นอน ไป๋เยี่ยต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้
ท้ายที่สุดแล้ว ไป๋เยี่ยก็คงไม่คลุกคลีกับหนูทดลองไปตลอดชีวิต นี่เป็นเพียงโอกาสและจุดเริ่มต้นของเขาเท่านั้น ซึ่งมันถือเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะกับเขามาก
ข้อที่สาม เปิดตัวหนูเคเอ็มรุ่นใหม่ นี่เป็นสิ่งที่ไป๋เยี่ยอยากทำข้อที่สาม เขาต้องการเปิดตัวหนูเคเอ็มรุ่นใหม่ที่มีอัตราการกลายพันธุ์ต่ำเป็นครั้งแรกในโลกของหนูทดลอง
นี่คือสิ่งที่ไป๋เยี่ยคิดไว้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตัดสินใจเช่าฐานทดลองนี้ การทำการทดลงในที่ของคนอื่นแตกต่างกับการสร้างสิ่งต่างๆ ในที่ของตนเองโดยสิ้นเชิง
ไม่เกิดเรื่องก็ดี แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไป๋เยี่ยยังพอมีเงินเหลืออยู่ในมือ เขาจึงปิ๊งไอเดียมากมายขึ้นมา
ไป๋เยี่ยไม่มีศักยภาพพอที่จะบริหารบริษัทขนาดใหญ่เช่นนี้ เพราะการบริหารบริษัทจำเป็นจะต้องมีเส้นสาย ทรัพยากร และอำนาจเป็นต้น
ไป๋เยี่ยทำทั้งหมดในระยะเวลาอันสั้นนี้ไม่ได้ แทนที่จะทำแบบนั้น เขาเลือกให้คนอื่นเข้ามาจัดการแทนยังดีเสียกว่า
การมีเงินทุนมากพอที่จะสนับสนุนความฝันของเขาให้เป็นจริงคือสิ่งที่ไป๋เยี่ยต้องการไขว่คว้า
ตอนเที่ยง ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อก็มานั่งกินข้าวที่ร้านอาหาร แล้วจึงพารุ่นน้องห้าคนที่สมัครใจทำงานให้พวกเขามาที่ห้องเรียน ก่อนจะให้พวกเขาเริ่มงานของวันนี้ได้
ในขณะที่รับประทานอาหาร แจ้งเตือนของพ่างจื่อก็ส่งเสียงปี๊บไม่รู้จบ วันที่ยุ่งวุ่นวายได้เริ่มต้นขึ้น อย่างน้อยก็เป็นสัญญาณที่ดี
ช่วงบ่าย จู่ๆ หูเฟิงอวิ๋นก็โทรมาบอกไป๋เยี่ยว่าทางมหาวิทยาลัยต้องการสั่งหนังสือ ‘บุกเบิกแพทย์แผนจีน’ จำนวนสองร้อยเล่ม
ตอนแรกไป๋เยี่ยกะจะไม่รับเงินและมอบมันเป็นของขวัญให้กับทางมหาวิทยาลัยไป ทว่าหูเฟิงอวิ๋นกลับปฏิเสธเขาไป
ทุกคนต่างวุ่นกับการตอบข้อความตลอดทั้งช่วงบ่าย จนกระทั่งเป็นเวลาสองทุ่ม ต่างคนก็ยังต่างยุ่งอยู่
ไป๋เยี่ยจึงสั่งเดลิเวอรี่มาตามที่ทุกคนในห้องเรียนตกลงกัน
ไป๋เยี่ยขอให้พ่างจื่อเปิดร้านต่อไปจนถึงสี่ทุ่ม ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
เหตุผลที่ไป๋เยี่ยไม่ได้ขายลิขสิทธิ์ไปก็เพราะมันไม่คุ้มค่าพอ แค่นักศึกษาคนหนึ่งเขียนหนังสือขึ้นมาได้เล่มหนึ่งจะทำเงินได้มากแค่ไหนเชียว
ไป๋เยี่ยไม่สนใจค่าลิขสิทธิ์กว่าแสนหยวนนั่นหรอก
เวลาสี่ทุ่ม ทุกคนกลับมาที่หอพักด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไป๋เยี่ยพบว่าหลังจากที่วุ่นวายมากทั้งวัน วันนี้เขาขายหนังสือไปกว่าสองพันเล่มแล้ว
นี่…เริ่มต้นได้ดีเลยทีเดียว!
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น พ่างจื่อและคนอื่นๆ ก็ไปที่ห้องเรียนตามเคย ตอนแรกไป๋เยี่ยก็อยากจะไปบ้าง แต่จู่ๆ เขาก็ได้รับสายหลายสาย
“เสี่ยวเยี่ย ผมจางเสวียเวิ่นเอง ส่งหนังสือมาให้ม.แพทย์แผนจีนปักกิ่งสักสามร้อยเล่มหน่อยสิ”
“เสี่ยวเยี่ย ผมคือ…โปรดส่งหนังสือมาให้ที่ม.แพทย์แผนจีนหนานจิงสักสามร้อยเล่มทีครับ”
ไป๋เยี่ยถึงกับตะลึง หลังจากรับสายมาเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง ยอดสั่งจองหนังสือของเขาก็เพิ่มขึ้นสามพันเล่ม
มหาวิทยาลัยใหญ่ๆ ต่างสั่งจองหนังสือของเขาผ่านโทรศัพท์ ทำให้ไป๋เยี่ยแปลกใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
จนกระทั่งเขาไปทราบว่าปรมาจารย์ของเขาเป็นคนแนะนำหนังสือบนเวยป๋อนั่นเอง
ไม่แปลกใจเลย!
หนังสือสามพันเล่มถูกขายออกไปในภายเวลาครึ่งชั่วโมง ไป๋เยี่ยคิดว่ามันน่าจะจบแล้ว ทว่า…
“สวัสดี คุณไป๋เยี่ย เราเป็นร้านหนังสือร้านหนึ่งจากเซียงหนาน…พวกเราเน้นการจำหน่ายหนังสือวัฒนธรรมและการศึกษา ทางเราจึงต้องการสั่งหนังสือของคุณจำนวนห้าร้อยเล่ม ไม่ทราบว่าคุณมีหนังสือพร้อมส่งเร็วๆ นี้ไหม”
ไป๋เยี่ยถึงกับตะลึงพร้อมรีบตอบไปว่าเขาสะดวกมาก
ทั้งสองฝ่ายเพิ่มเพื่อนกันในวีแชท อีกฝ่ายชำระเงินมัดจำส่วนแรกมาแล้ว และจะชำระส่วนที่เหลือเมื่อได้รับหนังสือ
มีร้านหนังสือคล้ายๆ กันโทรมาหาเขาเรื่อยๆ ไป๋เยี่ยจึงไม่ได้ออกไปไหนทั้งเช้า เขาได้แต่หยิบปากกาขึ้นมาจดที่อยู่สำหรับการจัดส่งหลายที่อยู่ลงบนกระดาษ
จนกระทั่งเป็นเวลาสิบเอ็ดโมง ไป๋เยี่ยได้รับออเดอร์ถึงหมื่นเล่ม!
เช้านี้เราขายหนังสือได้หมื่นเล่มเลยเหรอ
ขายดีมากเลย
ไป๋เยี่ยกลืนน้ำลายด้วยความไม่อยากเชื่อ นี่น่ะเหรอผลจากการเป็นคนดัง
ไป๋เยี่ยประเมินอิทธิพลของปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนต่ำเกินไปจริงๆ ยิ่งกว่านั้น บุคลากรระดับพวกเขาคงไม่แนะนำหนังสือของไป๋เยี่ยเพียงเพราะเงินเท่านั้น
แน่นอน ยกเว้นคนบางกลุ่มเท่านั้น ทุกสิ่งย่อมมีความไม่แน่นอนเสมอ