สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 5 เส้นทางหาเงินใหม่
ตอนที่ 5 เส้นทางหาเงินใหม่
ผ่านไปพักหนึ่ง จางฮั่นหลินก็ถอนหายใจออกมา “เสียวสวี่ ครูที่มหา’ ลัยเป็นคนวิเคราะห์ให้เหรอ”
สวี่เหยียนส่ายหัว…
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าอาจารย์จะประเมินออกมาแบบนี้!
จางฮั่นหลินพยักหน้าแล้วพูดเบาๆ “นั่นสินะ ที่มหา’ลัยแพทย์แผนจีนยังไม่มีนักสถิติที่เก่งขนาดนี้เลยนี่นา…”
สวี่เหยียนส่งการวิเคราะห์แบบอภิมานในมือให้กับอาจารย์ “อาจารย์ลองดูอันนี้ทีค่ะ”
จางฮั่นหลินชะงักไปชั่วครู่
การวิเคราะห์อภิมานงั้นเหรอ
จากนั้นเขาก็เปิดอ่านจากหน้าไปหลัง ยิ่งอ่านก็ยิ่งเห็นถึงความจริงจังและความละเอียด จนมาถึงหน้าสุดท้าย เขาก็หยิบปากกาขึ้นมาขีดๆ เขียนๆ จดบันทึกไว้ แล้วก็เอาแต่พยักหน้า…
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สีหน้าของจางฮั่นหลินดูตื่นเต้นเล็กน้อย
“เสียวสวี่ พอกลับบ้านแล้ว คุณช่วยเขียนบทคัดย่อและสรุปเป็นภาษาอังกฤษที ในเมื่อมีการวิเคราะห์อภิมานแบบนี้ ผมจะพยายามดันให้คุณได้ลงวารสารวิทยาศาสตร์เอง มันจะเป็นประโยชน์ต่อคุณมากเลย!”
สวี่เหยียนตาพร่าไปชั่วขณะ กว่าบทความด้านการแพทย์แผนจีนจะได้ตีพิมพ์ลงวารสารวิทยาศาสตร์นี่มันจะยากขนาดไหนเชียว คุณคงจะไม่รู้ แต่นั่นน่ะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ!
ได้ตีพิมพ์ลงวารสารเลยเหรอเนี่ย
…
วันสอบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนไป๋เยี่ยไม่มีเวลาได้พักผ่อนหรือเล่นเลย หลังจากที่อ่าน ‘ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีน’ จบ ไป๋เยี่ยก็มาจดจ่อกับ ‘การวินิฉัยโรคทางการแพทย์แผนจีน’ ต่อ
เมื่อมีพื้นฐานจากวิชาทฤษฎีการแพทย์แผนจีน ไป๋เยี่ยก็เรียนเรื่องการวินิฉัยโรคได้เร็วขึ้นเล็กน้อย
ทว่าพื้นฐานด้านการวินิฉัยโรคของเขานั้นน้อยเกินไป เขามีค่าประสบการณ์อยู่แค่เลเวลศูนย์: 333/1000 เท่านั้น ซึ่งยังอีกไกลกว่าจะอัปเลเวลได้
แต่เมื่อไป๋เยี่ยได้ใช้เวลาไปกับการสวมร่างเด็กเรียนนั้น เขาก็อัปเลเวลวิชาการวินิฉัยโรคขึ้นไปที่เลเวลหนึ่งได้ในที่สุด
อาจจะพูดได้ว่า ตอนนี้ไป๋เยี่ยได้ก้าวสู่ประตูแห่งการแพทย์แผนจีนแล้ว ทั้งการมอง ฟัง สอบถามอาการ การคลำชีพจร และการดูลิ้น ทั้งหมดนี้คือการรักษาแบบองค์รวมทางการแพทย์แผนจีน
[ติ๊ง! เวลาคงเหลือสำหรับการสวมร่างเด็กเรียนของเดือนนี้: 0]
[ติ๊ง! เพิ่มเลเวลวิชาการวินิฉัยโรคทางการแพทย์แผนจีน ได้รับแต้มสมาชิกสิบแต้ม ได้รับโอกาสรับรางวัลหนึ่งดาว จำนวนหนึ่งครั้ง]
ไป๋เยี่ยไม่ได้จับรางวัลในทันที แต่กลับนั่งทำโจทย์ที่ห้องสมุดไปรอบหนึ่งแทน หลังจากที่มั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแล้ว ไป๋เยี่ยก็เงยหน้าขึ้น ยืดเส้นยืดสายสักหน่อย
ส่วนการจับรางวัลนั้น จะขาดสิ่งยึดเหนี่ยวไปไม่ได้ นั่นคือต้องล้างมือให้สะอาดๆ เสียก่อน
ขณะที่ไป๋เยี่ยกำลังเหม่อลอยอยู่ก็รู้สึกว่ามีคนมาตบบ่าเขา
เมื่อหันกลับไปก็พบว่าเป็นสวี่เหยียนและหญิงสาวอีกสองสามคนนั่นเอง
“คิดอะไรอยู่เหรอน้องชาย”
ไป๋เยี่ยนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะส่ายหัวตัวเกร็ง “ไม่มีอะไรครับ พี่มีอะไรเหรอ”
สวี่เหยียนมองไปยังคนที่นั่งเรียนอยู่รอบๆ “ปะ ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ”
พูดจบ เธอก็พาไป๋เยี่ยออกมาที่โถงทางเดินห้องสมุด
หญิงสาวอีกสามคนข้างๆ สวี่เหยียนก็พากันจ้องมองเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าพวกเธอด้วยความเคลือบแคลงใจ เขาทำได้จริงเหรอ
เมื่อมาถึงทางเดินบนตึก สวี่เหยียนก็พูดขึ้นพร้อมกับมองไป๋เยี่ยด้วยความดีใจ “ขอบคุณนะ จากใจเลย นายช่วยฉันเยอะมากๆ ตอนเที่ยงเดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวนายแล้วกันนะ”
ไป๋เยี่ยส่ายหัวไปมา “ไม่ต้องหรอก พี่ก็ให้หนังสือผมมาแล้วนี่ ไม่เป็นไรเลย เรื่องแค่นี้เอง”
สวี่เหยียนได้ฟังก็เอ่ยออกไปอย่างประหม่า “ไปเถอะๆ เที่ยงแล้ว เห็นไหมว่ามีสาวๆ ตั้งสามสี่คนรอนายอยู่น่ะ อย่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้สิ”
ไป๋เยี่ยถึงกับพูดไม่ออก…ไม่กินข้าวดันกลายเป็นงี่เง่าเสียได้…
ทั้งห้าคนมาที่ร้านอาหารเล็กๆ ข้างวิทยาลัยและสั่งอาหารง่ายๆ มาหกจาน ก่อนที่สวี่เหยียนจะพูดขึ้น “จริงๆ แล้ว…เพื่อนฉันก็อยากให้นายช่วยทำวิเคราะห์สถิติให้น่ะ นายสะดวกไหม”
ไป๋เยี่ยได้ยินก็ส่ายหัว “ขอโทษนะครับพี่ แต่ผมต้องสอบ คงไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอก”
หญิงสาวคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นก็พากันทำสีหน้าสิ้นหวัง
“นายไม่ต้องทำซับซ้อนเท่าครั้งก่อนก็ได้ แค่คำนวณให้ก็พอแล้ว พวกพี่จ้างไฟล์ละหนึ่งพันหยวนเลย” หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น
คราวนี้พอไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้น แววตาก็เปล่งประกายขึ้นมา!
“เรื่องเวลาน่ะนะ…จริงๆ ถ้าเร่งๆ ก็ได้อยู่หรอก พวกพี่แอดวีแชตแล้วส่งมาให้ผมก็ได้ ทำเสร็จแล้วเดี๋ยวผมส่งกลับไปให้พวกพี่ๆ ส่วนเรื่องเงิน…ให้พอเป็นน้ำใจก็พอ…ให้แปดร้อยก็พอแล้ว…” ไป๋เยี่ยยิ้มแฉ่ง
ทุกคนเงียบ ทว่าอาหารมื้อนี้กลับเป็นมื้อที่สนุกสนาน ต่างคนต่างแบ่งกันกินของที่ชอบ มีไป๋เยี่ยที่กินเยอะกว่าคนอื่นหน่อย เพราะช่วงนี้เขายังต้องประหยัดเงินไว้ จึงอดใจกินเนื้อไม่ได้
ไป๋เยี่ยใช้เวลาทั้งบ่ายไปกับการทำวิเคราะห์สถิติทั้งห้าฉบับ จนตอนนี้ก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ แล้ว หลังจากที่ไป๋เยี่ยส่งไฟล์ให้กับพวกพี่ๆ ก็มีเงินโอนเข้ามาสี่พันหยวนในทันที
ไป๋เยี่ยค่อยโล่งอกไปเมื่อเห็นว่าเงินในบัตรธนาคารได้เพิ่มขึ้นแล้ว ไม่เกิดอันตรายต่อชีวิตแล้ว…
ทว่าในตอนนี้อีกไม่ถึงสิบห้าวันก็เป็นวันสอบแล้ว แต่ไป๋เยี่ยยังมีหนังสืออีกสี่เล่มที่ยังไม่ได้อ่าน
ร่างเด็กเรียนก็ใช้จนหมดแล้ว คาดว่าประสิทธิภาพคงไม่สูงเท่าตอนแรกแน่ๆ
เดิมทีอยากจะหยิบหนังสือ ‘วิชายาจีน’ มาอ่าน แต่น่าเสียดายที่ในหอพักก็เริ่มมืดแล้ว ไป๋เยี่ยจึงไม่มีหนทางอื่นนอกจากหยิบหนังสือออกไปด้วย
ตอนนี้ในห้องสมุดไม่มีที่ว่างแล้ว ไป๋เยี่ยจึงเดินไปทางตึกเรียนแทน
อันที่จริง ทางวิทยาลัยได้เตรียมห้องเรียนสำหรับการสอบเข้าไว้ให้นักศึกษาสาขาต่างๆ เพื่อความสะดวกต่อการเตรียมสอบ ซึ่งสะดวกต่อการเรียนด้วยตัวเองด้วย
ไป๋เยี่ยเดินกอดหนังสือวิชายาจีนไปที่ห้องเรียน จะว่าไป นี่ก็เป็นครั้งที่สองที่เขามาที่นี่ ครั้งแรกที่มาคือตอนที่เขาถูกเรียกมาช่วยย้ายโต๊ะตอนแบ่งห้องเรียนนั่นเอง
ไป๋เยี่ยผลักประตูเข้าไป ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมองไปทางเขา และเมื่อเห็นว่าเป็นไป๋เยี่ยนั้น ทุกคนก็อดผวาไม่ได้
เขามาที่นี่ทำไม
แต่อย่างไรเสียนี่ก็เป็นช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว ทุกคนต่างตั้งใจกันจนไม่มีเวลาไปสนใจคนอื่นนัก
ไป๋เยี่ยนั่งลงที่ที่ว่างตรงแถวสุดท้าย แล้วหยิบหนังสือวิชายาจีนขึ้นมาเริ่มอ่าน
เขาชอบการอ่านในใจ แต่ไม่ชอบการอ่านออกเสียงเท่าไหร่
ทว่าเนื้อหาของวิชายาจีนนั้นค่อนข้างเยอะ เช่น รส ฤทธิ์ การออกฤทธิ์ตามตำแหน่งเส้นลมปราณ และสรรพคุณของยาจีนแต่ละชนิด
อย่างเช่น โสม มีฤทธิ์อบอุ่น มีรสหวานและขมอ่อนๆ ออกฤทธิ์ที่เส้นลมปราณบริเวณม้ามและปอด มีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงม้ามและปอด กระตุ้นการสร้างน้ำลายเพื่อป้องกันอาการคอแห้ง บรรเทาความเครียด บำรุงสมอง และช่วยป้องกันเส้นเลือดคั่ง
นี่แค่ยาจีนชนิดเดียวเท่านั้น ไหนจะยังมีเรื่องปริมาณการใช้ ใช้คู่กับอะไรแล้วเป็นพิษ แล้วถ้าใช้เกินกี่กรัมจึงจะมีผลเสีย
ทั้งยังมีวิธีการปรุงยาจีน การแปรรูป ยาจีนประเภทให้ผลตรงข้ามกันสิบแปดชนิด[1] และประเภทถูกข่มทั้งสิบเก้า[2]ชนิดอีก
ไป๋เยี่ยไม่ชอบการท่องจำเลยจริงๆ พลันนึกขึ้นได้ถึงแคปซูลเพิ่มความจำที่ได้มาเป็นรางวัล
เพียงแค่คิด แคปซูลหนึ่งเม็ดก็ปรากฏขึ้นบนมือเขา ไป๋เยี่ยลังเลอยู่นิดหน่อย ก่อนจะกลืนเม็ดยาไร้สีไร้รสลงไป…
[ติ๊ง! กำลังใช้แคปซูลเพิ่มความจำ เวลาคงเหลือ 4 ชั่วโมง 59 นาที…]
ไป๋เยี่ยไม่รอเสียเวลาอีกต่อไป เริ่มท่องจำในทันที
เขาค่อยๆ อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ
แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสภาวะลืมสิ่งรอบตัวไปเหมือนกับตอนที่เปิดโหมดเด็กเรียนก็ตาม แต่ไป๋เยี่ยรู้สึกได้ชัดว่าตนแค่อ่านวนไปมาสี่ห้ารอบก็จำได้แล้ว
วิชายาจีนเป็นวิชาที่ต้องใช้เวลากับมันเยอะ
ไป๋เยี่ยทั้งอ่านซ้ำ ทั้งท่องอย่างไม่หยุดหย่อน โดยไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะมองอย่างไร
จนประมาณสี่ทุ่มครึ่งก็ถึงเวลาที่ต้องดับไฟในห้องเรียนแล้ว ไป๋เยี่ยไม่อยากเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ แคปซูลเพิ่มความจำยังเหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงกว่า เขาไม่อยากสิ้นเปลืองเวลาขนาดนี้เลย จึงไปหาที่สงบๆ ตรงทางเดินตึก และนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ต่อ
ยังดีที่วิชายาจีนของไป๋เยี่ยมีค่าประสบการณ์อยู่ 650 ซึ่งขาดอีกแค่ 350 ก็อัปเลเวลได้แล้ว
ในที่สุดไป๋เยี่ยก็อ่านจบโดยใช้เวลาไปสองวันกับแคปซูลเพิ่มความจำสิบเม็ด
[ติ๊ง! เพิ่มเลเวลวิชายาจีนเป็นเลเวลหนึ่ง ได้รับแต้มสมาชิกสิบแต้ม และโอกาสจับรางวัลหนึ่งครั้ง]
[1] กลุ่มยาจีนประเภทให้ผลตรงข้ามกัน 18 ชนิด (สือปาฝ่าน) คือการใช้ยาจีนสองชนิดร่วมกันแล้วเกิดผลลบล้างสรรพคุณของตัวยา
[2] กลุ่มยาจีนประเภทถูกข่ม 19 ชนิด (สือจิ่วเว่ย) คือการใช้ยาจีนร่วมกันซึ่งตัวยาชนิดหนึ่งมีผลเป็นพิษ หรือมีผลข้างเคียงของตัวยาเอง ส่วนตัวยาอีกตัวมีผลล้างพิษ หรือลดผลข้างเคียงของอีกชนิดหนึ่งได้