สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 65 ไม่ทันไรก็กลายเป็นยอดปรมาจารย์ซะแล้ว
ตอนที่ 65 ไม่ทันไรก็กลายเป็นยอดปรมาจารย์ซะแล้ว
แน่นอนว่าเรื่องเล่าย่อมต้องมีการใส่สีตีไข่เข้าไปบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าตระกูลเหอมีพรสวรรค์ด้านนี้จริงๆ ไม่อย่างนั้นคงจะหาเลี้ยงชีพสืบมาหลายรุ่นไม่ได้หรอก
ไป๋เยี่ยเองก็คิดว่าของสิ่งนี้เป็นของล้ำค่า อย่างไรเสียนี่ก็เป็นสมบัติประจำตระกูล มายกให้กันแบบนี้ก็ดูจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่
เขาต้องคืนมัน!
ทว่าทันทีที่ไป๋เยี่ยส่งหนังสือพวกนั้นคืนไป เหล่าเหอกลับหยิบซองเงินห้าหมื่นหยวนออกมาพร้อมกับเอ่ยขึ้น “เถ้าแก่ไป๋ เสี่ยวไป๋ ลุงคิดดีแล้ว ลุงชอบใจเสี่ยวไป๋มากนะ ลุงเองก็ไม่มีลูกหลาน จะปล่อยให้สมบัติของต้นตระกูลถูกลืมเลือนไปไม่ได้! ถ้าเสี่ยวไป๋ไม่รับมันไว้ งั้นลุงก็ไม่เอาเงินนี่หรอก แขนเขินอะไรก็ไม่รักษามันแล้ว!”
ป้าเหอเห็นดังนั้นก็รีบแทรกขึ้นมา “เสี่ยวไป๋รับไว้เถอะ ถือว่าเหล่าเหอขอนะ หนูเอาไปเลยก็ได้!”
ไป๋ตงหลินถอนหายใจก่อนจะหันไปพูดกับภรรยา “ไฉ่อวิ๋น ไปหยิบเงินอีกแสนหยวนมาให้ป้าเหอกับเหล่าเหอซิ จะออกไปข้างนอกทั้งทีต้องพกเงินไปเยอะๆ เงินก้อนนี้ก็รับไว้เป็นค่าฝากตัวเสี่ยวเยี่ยเป็นศิษย์แล้วกันครับ อย่าปฏิเสธเลย”
“นี่น่ะเป็นสุดยอดพรสวรรค์ของตระกูลเหอ ผมจะรับไว้ฟรีๆ ไม่ได้! ส่วนเงินก้อนนี้ ถ้าเหล่าเหอรับไป๋เยี่ยเป็นศิษย์ก็โปรดรับไว้เถอะครับ แต่ถ้าไม่รับก็ไม่เป็นไร! ไป๋เยี่ยคืนหนังสือไปซะ ตระกูลไป๋ของพวกเราจะมาทำตัวไม่รู้คุณไม่ได้!”
คำพูดของไป๋ตงหลินเพียงไม่กี่ประโยคทำให้เหล่าเหอต้องยอมเงียบ
จากนั้นไป๋ตงหลินก็หันไปทางป้าเหอ “อีกพักหนึ่งถึงตัวเมืองแล้วป้าเหอกับเหล่าเหอก็ไปโรง’บาลก่อนแล้วค่อยไปฝากเงินที่ธนาคารนะ เหล่าหลิว ฝากดูแลป้าเหอกับเหล่าเหอด้วยล่ะ”
เหล่าหลิวเป็นคนขับรถทางไกลในหมู่บ้าน ปกติแล้วเขามักจะวุ่นอยู่กับชีวิตส่วนตัว ทว่าบางครั้งเขาก็ได้รับคำสั่งจากไป๋ตงหลินซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในหมู่บ้านแถมยังรู้จักคนเยอะอีก เขาจึงเกรงใจไป๋ตงหลินมาก
“พอเถอะ! รีบออกรถได้แล้ว อย่าไปถึงดึกมากเลย!”
หลังจากที่ส่งคู่สามีภรรยาตระกูลเหอไปแล้ว ครอบครัวของไป๋เยี่ยก็กลับเข้ามาในบ้าน
หูไฉ่อวิ๋นนั่งลงบนเก้าอี้แล้วถอนหายใจออกมา “ครอบครัวเหอนี่ขยันทำมาหากินจริงๆ”
ไป๋ตงหลินพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ จนกระทั่งไป๋ตงหลินเป็นคนเอ่ยปากขึ้น “จริงสิ เสี่ยวเยี่ย แล้วในถุงนั่นมีอะไรเหรอ ลองเปิดดูหน่อยซิ”
หูไฉ่อวิ๋นเองก็เข้ามามุงด้วยความประหลาดใจ “ตอนเด็กๆ แม่ก็เคยได้ยินเรื่องครอบครัวตระกูลเหอมาหลายครั้ง พวกเขาเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ เสี่ยวเยี่ยรีบเปิดดูเร็ว”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าพร้อมกับวางถุงใบนั้นลงอย่างระมัดระวังแล้วค่อยๆ คลี่มันออก ในที่สุดหนังสือปกหนังแกะเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
บนปกหนังสือไม่มีตัวอักษรสักตัวแถมยังมีพื้นผิวขรุขระ มองแวบแรกก็ดูไม่ใช่ของคุณภาพดีสักเท่าไหร่
ไป๋เยี่ยหยิบหนังสือขึ้นมาลองพลิกดู พบว่าด้านในนั้นมีแต่รูปภาพเสียส่วนใหญ่ เป็นภาพเขียนพู่กันธรรมดาๆ ที่มีข้อความกำกับอยู่ด้านข้าง
หลังจากที่พลิกดูไปได้สักพัก ไป๋เยี่ยก็ผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย หรือว่านี่จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับยากันนะ
ต้นตระกูลของเหล่าเหอมีชื่อเสียงได้เพราะหนังสือเล่มนี้เนี่ยนะ
ไม่น่าใช่แล้ว!
ไป๋เยี่ยพลิกหน้าหนังสือต่อไปเรื่อยๆ จนเขาตระหนักได้ถึงกุญแจสำคัญบางอย่าง!
หนังสือเล่มนี้บันทึกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช ทั้งยังแนะนำเรื่องโครงสร้างของดิน แสงแดด และความชื้นอีกด้วย แม้ว่าเนื้อหาจะไม่ถูกต้องเท่าในปัจจุบัน แต่ก็พอให้แนวคิดเกี่ยวกับการปลูกพืชได้อยู่บ้าง
ไป๋เยี่ยเดาว่าหนังสือเล่มนี้คงเป็นคำภีร์ลับที่ตระกูลเหอนำมาประยุกต์ใช้ในการเก็บสมุนไพร หากคุ้นชินกับกระบวนการการเติบโตรวมถึงปัจจัยต่างๆ ด้านสภาพแวดล้อมของสมุนไพร ก็จะตามหาสมุนไพรแต่ละชนิดได้ง่ายขึ้น
แต่ว่า…มันดูจะไม่มีประโยชน์ต่อไป๋เยี่ยเอาเสียเลย!
ไป๋เยี่ยส่ายหัวไปมาด้วยความผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะพลิกหนังสือต่อไปเรื่อยๆ อย่างเหม่อลอย
ทว่าเมื่อเปิดไปถึงครึ่งหลัง ไป๋เยี่ยก็พบว่าเนื้อหาในหนังสือเปลี่ยนไป!
เนื้อหาในหนังสือไม่ใช่เรื่องสมุนไพรอีกต่อไป แต่กลับเป็นสิ่งที่พิเศษกว่านั้น
‘ยากันยุง: ใช้ใบอ้ายเยี่ย ชิงเฮา ป่านหลานเกินอย่างละแปดเฉียน…นำไปต้มแล้วนำมาฉีดบนร่างกายจะช่วยไล่ยุงได้’
‘ยาแก้พิษงู: ใช้ดอกสายน้ำผึ้งสามเฉียน เหลียนเฉียวห้าเฉียน ไป๋จื่อแปดเฉียน…นำไปต้มสามสิบนาที มีผลช่วยแก้พิษจากงู มด และยุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ’
ไป๋เยี่ยนิ่งไปชั่วขณะ ตระกูลเหอเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรมากจริงๆ พวกเขาทุ่มเทกับการทำอาชีพเก็บสมุนไพรมาก!
นอกจากนี้ด้านหลังยังมีสูตรยาดองสำหรับการรักษาแผลฟกช้ำที่ถูกเขียนไว้อย่างละเอียดอีกด้วย มีตั้งแต่สูตรสำหรับป้องกันยันสูตรสำหรับรักษา หรือแม้กระทั่งสูตรสำหรับล้างพิษก็มีพร้อม
ทั้งสิบหน้าเต็มไปด้วยสูตรยาที่สืบทอดมาจากรุ่นบรรพบุรุษ ซึ่งคุ้มค่าแก่การศึกษามาก
‘สมบัตินั้นหายาก ทว่าสูตรยานี้หายากยิ่งกว่า’ คำกล่าวนี้คงเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุดแล้ว อีกทั้งต้นตระกูลของเหล่าเหอก็มีประสบการณ์สืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่น สูตรยาย่อมต้องมีผลการรักษาที่ดี ควรค่าแก่การเรียนรู้!
ทว่าเมื่อไป๋เยี่ยพลิกหนังสือหน้าต่อไปก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นมาในทันใด
นี่แหละของดี!
เจอสมบัติแล้ว!
‘วิธีปลูกโสม’
ไป๋เยี่ยค่อยๆ เปิดหนังสือต่ออย่างระมัดระวังก่อนจะตะลึงไปชั่วครู่
นึกไม่ถึงเลยว่าตระกูลเหอจะเก่งขนาดนี้
โสมซ่างตั่งถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีชื่อเสียงเลื่องลือมายาวนานในประวัติศาสตร์!
ชนิดของโสมที่ถูกจดบันทึกไว้ในตำราต่างๆ ในสมัยนั้นต่างก็กล่าวถึงโสมซ่างตั่งทั้งนั้น ไม่ใช่โสมตงเป่ย หรือโสมเกาหลีแต่อย่างใด
ในตำรา ‘เปิ๋นเฉ่าจิงจี๋จู้’ บันทึกไว้ว่าโสมมีรสหวานและมีฤทธิ์เย็นอ่อนๆ ทั้งยังชี้ให้เห็นว่าในยุคนั้นโสมซ่างตั่งขาดตลาด
ส่วนในตำรา ‘ซัวเหวินเจี่ยจื้อ’ กล่าวว่า ‘โสมอันเป็นยารักษาโรคนั้นมีนามว่าซ่างตั่ง’
ในยุคราชวงศ์ถังถึงราชวงศ์ซ่งยิ่งมีบันทึกลายลักษณ์อักษรอีกมากมายหลายฉบับ
โสมซ่างตั่งถือเป็นเครื่องบรรณาการแด่องค์จักรพรรดิ เชื้อพระวงศ์ต่างโปรดโสมชนิดนี้มาก ทว่าภายหลังมันกลับหายสาบสูญไปเพราะเหตุผลต่างๆ นานา
บ้างก็บอกว่าเป็นเพราะโสมซ่างตั่งขาดตลาด เหล่าคนเก็บโสมต่างก็แย่งกันเก็บ บ้างก็บอกว่าเป็นเพราะสงครามที่หูกวนทำลายสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาในบริเวณนั้น บ้างก็บอกว่าเพราะมีไฟป่าลุกไหม้นานถึงสามเดือน จึงทำให้สภาพแวดล้อมบริเวณที่โสมซ่างตั่งขึ้นนั้นถูกทำลายจนสิ้นซาก!
โสมซ่างตั่งอันเป็นสมบัติล้ำค่าในช่วงเวลาหนึ่งในประวัติศาสตร์จึงหายสาบสูญไปในที่สุด!
ถึงแม้ว่าโสมซ่างตั่งจะหายสาบสูญไป แต่มันก็ยังไม่สูญหายไปทั้งหมด นานๆ ทีก็ยังมีคนเก็บมันได้ ว่ากันว่าหลังยุคสร้างชาติมีชายชราสองคนเก็บโสมซ่างตั่งได้จากบนภูเขาไท่สิงในเขตหูกวนและนำไปขาย
ไม่คิดเลยว่าตระกูลเหอจะแอบจำลองสภาพแวดล้อมสำหรับการปลูกโสมซ่างตั่งมาโดยตลอด! แถมยังวิจัยต่อกันมาเป็นรุ่นๆ อีกด้วย จะได้ผลไหมนะ
หรือจริงๆ แล้วเหล่าเหอจะเคยเจอไม่ก็เคยปลูกโสมมาก่อน
เมื่อไป๋เยี่ยได้ลองอ่านคำแนะนำอย่างละเอียดแล้วก็ตื่นเต้นนิดหน่อย รอให้มีห้องแล็บก่อนเถอะ เดี๋ยวจะจำลองระบบนิเวศขึ้นมาลองเพาะโสมซ่างตั่งดูว่าจะสำเร็จหรือไม่!
เรามีเมล็ดโสมซ่างตั่งพันธุ์ดีอยู่กับตัวแล้ว ถ้าสิ่งที่ตระกูลเหอศึกษากันมานับรุ่นต่อรุ่นเป็นจริงล่ะก็ เราอาจจะนำโสมซ่างตั่งที่สาบสูญไปกลับคืนมาได้ก็เป็นได้!
คิดได้ดังนั้น ไป๋เยี่ยก็ยิ่งตื่นเต้น!
ไป๋เยี่ยเปิดหนังสือต่อ ทั้งหมดเป็นบันทึกเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมสำหรับการเพาะโสมซ่างตั่งและสภาพแวดล้อมที่จำลองขึ้นมา ทำเอาไป๋เยี่ยตกตะลึง!
ที่แท้ตระกูลเหอก็คือคนที่ขึ้นไปเก็บโสมจากบนภูเขามาถวายเป็นเครื่องบรรณาการนี่เอง
ไป๋เยี่ยจึงคิดว่ารอให้เหล่าเหอหายดีก่อน เขาจะลองขอให้เหล่าเหอช่วยปลูกโสมซ่างตั่งดูว่าจะสำเร็จหรือไม่!
ถ้าสำเร็จล่ะก็ ต้องเกิดผลตามมาเยอะมากแน่ๆ!
ทว่าทั้งเถ้าแก่ไป๋ หูไฉ่อวิ๋นและไป๋หลิงต่างก็เอาแต่จ้องไป๋เยี่ยไม่ละสายตาจนอดใจถามไม่ได้ “เสี่ยวเยี่ย มันน่าทึ่งขนาดนั้นเลยเหรอ”
ไป๋เยี่ยยักไหล่ “จริงๆ แล้วหนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการเติบโตของสมุนไพรแต่ละชนิดแล้วก็มีสูตรลับนิดๆ หน่อยๆ อย่างสูตรยากันยุง ยาแก้พิษ ยาคลายกล้ามเนื้อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ยารักษาแผลฟกช้ำประมาณนั้นน่ะ มันอาจจะใช้ดีก็ได้นะ ไว้ถึงตอนนั้นผมจะลองให้ดู”
เถ้าแก่ไป๋ถอนหายใจ “เฮ้อ! ก็ยังดี๊ นึกว่าจะเป็นคำภีร์ยุทธภพอะไรซะอีก!”
ทว่าไป๋ตงหลินก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายเท่าไหร่ อย่างไรเขาและครอบครัวเหอก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมาตั้งแต่ครั้นยังเด็ก ในปีนั้นพ่อของไป๋ตงหลินป่วยหนัก ต้องการยารักษาโรค ทว่าการแพทย์ในตอนนั้นก็ไม่ได้ดีมากนัก พ่อของเหล่าเหอจึงขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรมาให้
ช่วงที่ครอบครัวของไป๋เยี่ยย้ายออกจากหมู่บ้าน เหล่าเหอเองก็เป็นคนช่วยดูแลบ้านให้มาโดยตลอด
ไป๋เยี่ยอ่านหนังสือจนจบ เนื้อหาหลายอย่างในนั้นถูกเขียนไว้อย่างมีหลักการ นี่ถือเป็นความรู้ด้านยาจีนที่ตระกูลเหอมุ่งมั่นศึกษามานับหลายชั่วอายุคน
ในหนังสือประกอบด้วยความรู้มากมาย ทั้งผลของตัวยา และแนวคิดอันสร้างสรรค์เกี่ยวกับยาจีน
หลังจากที่อ่านจบ ไป๋เยี่ยก็ค่อยๆ ปิดหนังสือลงอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้นก็มีเสียง ติ๊ง! ดังขึ้นทำเอาไป๋เยี่ยสะดุ้งไปชั่วขณะ
[ติ๊ง! หลังจากอ่านจบ คุณจะได้รับหนังสือประสบการณ์ ‘ประสบการณ์ที่สืบทอดต่อกันมาของครอบครัวเหล่าเหอ’ และค่าประสบการณ์วิชายาจีน 15000 แต้ม]
ไป๋เยี่ยผงะ
พระเจ้า!
หนังสือประสบการณ์งั้นเหรอ
ยังจะมีของดีกว่านี้อีกเหรอ
กำไรชัดๆ! ค่าประสบการณ์หมื่นห้าพันแต้มมันหากันได้ง่ายๆ ซะที่ไหน นั่นเทียบเท่ากับรางวัลสามดาวเลยนะ!
ถือว่าคุ้มนะเนี่ย ไม่ใช่แค่คุ้มด้วยซ้ำ ต้องบอกว่านี่เป็นกำไรก้อนโต หนังสือเล่มนี้เนี่ยแหละของดี
ไป๋เยี่ยมองดูเลเวลวิชายาจีนที่ตอนนี้อยู่ที่เลเวลห้า: 1000/50000
กำไรจริงๆ
ไป๋เยี่ยมองไปที่วิชายาจีนเลเวลห้าตรงหน้าก็รู้สึกตื้นตันใจสุดๆ
ไม่ทันไรก็กลายเป็นยอดปรมาจารย์ซะแล้ว