สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 91 เสียงแห่งการจากลา
ตอนที่ 91 เสียงแห่งการจากลา
เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ไป๋เยี่ยพูดก็ต้องตกตะลึง แม้แต่ถูโยวเองก็ด้วย ร้องเพลงเนี่ยนะ! จะให้ร้องเพลงอะไรกัน
คาริสกลายเป็นคนแรกที่เอ่ยปากถาม “เพลงอะไร เป็นภาษาจีนเหรอ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว นี่เป็นเพลงที่ผมชอบฟังมาก ผมอยากสอนพวกคุณร้อง ต่อไปพวกคุณจะได้ร้องให้ผมฟังบ้าง…”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็เริ่มหันมาสนใจมากขึ้น
“ฉันชอบร้องเพลง มาสิ! จะให้ร้องเพลงอะไร ‘ชิงฮวาสือ’ เหรอ”
“ฮ่าๆ! ฉันก็อยากร้องเหมือนกัน!”
“มาๆ มาเริ่มร้องเพลงกันเถอะ!”
ถูโยวยิ้ม เธอมองว่าเด็กก็คือเด็ก จึงพูดต่อว่า “คุณลองร้องให้พวกเขาฟังก่อนสิ”
ไป๋เยี่ยกระแอมก่อนจะค่อยๆ ฮัมเนื้อเพลง “ผมถูกคุณพิชิตใจแล้ว! เตรียมร้องเพลงนี้ได้เลยครับ!”
ไป๋เยี่ยรู้สาเหตุแล้วว่าทำไมพวกเด็กเรียนถึงถูกเรียกว่าเด็กเรียน ก็เพราะว่าพอเป็นด้านอื่นๆ พวกเขาจะกลายเป็นพวกอ่อนหัดทันที!
ไป๋เยี่ยร้องต่อไม่ได้ พอเห็นว่าทุกคนเอาแต่หัวเราะคิกคักก็เอ่ยว่า “เหล้าทำให้พวกคุณเป็นแบบนี้สินะ…”
ไป๋เยี่ยเห็นดังนั้นก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกลับไปที่ห้อง
วันรุ่งขึ้น ไป๋เยี่ยตื่นแต่เช้ามาเก็บสัมภาระที่เหลือ เขาตั้งใจจะไปบอกลาถูโยวเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนหน้านี้ถูโยวไม่ได้อาศัยในหน่วยทดลองแห่งนี้ เธอจะมาพักที่นี่เป็นครั้งคราวเท่านั้น
ไป๋เยี่ยเคาะประตูก่อนจะได้ยินเสียงของถูโยวดังมาจากด้านใน
“เข้ามาสิ”
ทันทีที่เข้ามา ไป๋เยี่ยก็เห็นว่าห้องของถูโยวตกแต่งอย่างเรียบง่ายไม่แตกต่างจากห้องของเขามากนัก ทว่าบนโต๊ะทำงานของเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยหนังสือและเอกสารมากมาย
“นั่งลงสิ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ” ถู่โหยวหมุนเก้าอี้กลับมา
ไป๋เยี่ยเคารพและชื่นชมถูโยวในฐานะนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งซึ่งยังคงได้รับการกล่าวขานว่าเป็นบุคลากรแนวหน้าแม้ว่าจะมีอายุมากแล้วก็ตาม
“ขอบคุณครับ ประธานถู”
“ขอบคุณครับ ประธานถู”
ถูโยวยิ้ม “พวกเขาเรียกดิฉันว่าประธานถูเพราะดิฉันเป็นหัวหน้าหน่วยทดลอง คุณไม่จำเป็นต้องเรียกดิฉันแบบนั้นก็ได้ เรียกว่าอาจารย์ถูก็พอ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า
ถูโยวมองไป๋เยี่ยพลางเอ่ยขึ้นช้าๆ “ตอนแรกดิฉันประเมินคุณไว้สูงมาก แต่ตอนนี้ดิฉันก็ได้รู้แล้วว่า ดิฉันยังประเมินคุณต่ำเกินไป คุณเป็นคนที่มีพรสวรรค์อันน่าทึ่งจริงๆ”
ไป๋เยี่ยหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าถูโยวชื่นชมเขามาก เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อจึงได้แต่เงียบไป
“อย่าละทิ้งพรสวรรค์ที่คุณมี คุณกำลังเรียนแพทย์แผนจีนแต่คุณก็ได้รับความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนปัจจุบันไปมาก การที่คุณเพียบพร้อมแบบนี้ทำให้ดิฉันคิดว่าคุณคงจะได้พบกับหนทางที่ใช่สำหรับตัวคุณแล้ว เพราะฉะนั้นจงยืนหยัดเดินต่อไปบนเส้นทางนั้นซะ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า เขาดูออกว่าถูโยวมีเรื่องอยากบอกเขา
“จริงๆ แล้ว…ฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ อย่าเพิ่งทำงานเกินกำลังของตนเองเลย ระหว่างนี้คุณควรมุ่งความสนใจไปที่เส้นทางใดเส้นทางหนึ่งก่อนดีกว่า”
“การจะเข้าถึงศาสตร์ใดๆ นั้นเป็นเรื่องยากมาก คุณไม่มีเวลามากขนาดที่จะไปนั่งทำความเข้าใจกับทุกวิชาหรอก”
ไป๋เยี่ยตอบรับ “ขอบคุณครับอาจารย์ถู ผมเข้าใจดี”
ถูโยวถอนหายใจ “ถ้ามีโอกาสก็แวะมาที่นี่บ่อยๆ ที่นี่จะคงอยู่ต่อไปและคุณจะได้รับการต้อนรับเสมอ ขอแค่นำบัตรประจำตัวมาด้วย ต่อไปถ้าคุณพบเจอกับปัญหาใดๆ หรือไม่มีที่จะไปก็จงกลับมาที่นี่ ดิฉันจะเป็นอาจารย์ของคุณตลอดไป จงไปเถอะ”
หัวใจของไป๋เยี่ยเต้นระรัว เขารู้ดีว่าถูโยวหมายความว่าอย่างไร จึงยืนขึ้นและโค้งคำนับให้ถูโยว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ดูแลตัวเองดีๆ นะครับอาจารย์ ผมจะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ”
พูดจบไป๋เยี่ยก็เดินออกมาทันที
เขาไปที่ห้องแล็บแต่ละห้องเพื่อบอกลาทุกคน และเมื่อเขากลับมา เขาก็ได้พบกับเดซี่โดยบังเอิญ
เดซี่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นชุดที่ไป๋เยี่ยใส่ ก่อนจะค่อยๆ ตั้งสติและยิ้มให้ “คุณจะไปแล้วเหรอ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า “ไม่มีคนเลี้ยงหนูให้คุณแล้วนะ”
เดซี่เหลือบมองไป๋เยี่ย “ทำอย่างกับฉันไปทรมานคุณงั้นแหละ! ว่าแต่คุณไม่ต้องการข้อมูลจากบริษัทเพาะพันธุ์สัตว์ทดลองแล้วเหรอ ฉันจะได้เอาไอดีวีแชทของเพื่อนฉันให้คุณ ต่อไปจะได้ติดต่อกันได้”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า ขณะที่เดซี่ก็ยื่นนามบัตรมาให้เขา
เดซี่หันไปมองไป๋เยี่ยและพูดขึ้นว่า “ตอนคุณใส่ชุดกาวน์ยังดูหล่อกว่านี้อีก!”
ไป๋เยี่ยยิ้ม “ผมถูกลิขิตให้มาเป็นหมอไงล่ะ!”
เดซี่กลั้นขำ “คนชุดขาวอาจจะเป็นพ่อครัวก็ได้!”
ไป๋เยี่ยกำลังจะพูดต่อ ทว่าเดซี่กลับหมุนตัวและเดินไปข้างหน้า เห็นเพียงแค่สาวผมบลอนด์ยาวกำลังโบกมือขวาพร้อมกับพูด “คราวหน้าถ้าคุณมาที่นี่ก็อย่าลืมเอาของอร่อยๆ มาฝากฉันนะ!”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าและเดินจากไป
การจะเข้ามายังหน่วยทดลองแห่งนี้จำเป็นจะต้องใช้บัตรประจำตัวเป็นบัตรผ่าน
มีเจ้าหน้าที่กำลังรอไป๋เยี่ยอยู่ พวกเขาขับรถพาไป๋เยี่ยไปส่งที่สถานีรถไฟ ไป๋เยี่ยหยิบตั๋วที่จองไว้ออกมาและขึ้นรถไฟกลับไปที่มณฑลจิ้นซีทันที
ไป๋เยี่ยมองออกไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่างพลางสัมผัสได้ถึงช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงในชีวิต
เขารู้สึกเหงาเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพกลุ่มคนแยกย้ายกัน
ตั้งแต่เด็กจนโต เขามีเพื่อนไม่กี่คนเท่านั้น ชีวิตในวัยเด็กของเขาไม่สวยงามอย่างที่คิด
จนกระทั่งเขาได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย เขาก็ได้เจอเพื่อนดีๆ สองสามคน แต่เขาก็ไม่อาจบอกคนอื่นได้ว่าเขาเหงามากเพียงใด
ไป๋เยี่ยนั่งครุ่นคิดเงียบๆ แล้วก็นึกถึงนามบัตรของเพื่อนเดซี่ขึ้นมา
คนคนนี้เป็นเพื่อนของเดซี่ที่ทางครอบครัวของเขาทำธุรกิจเพาะพันธุ์หนูทดลอง
รูปโปรไฟล์ของอีกฝ่ายเป็นรูปแกะสไตล์การ์ตูน คล้ายกับตัวละครหล่านหยางหยาง (แกะขี้เกียจ) ซึ่งบนผ้าโพกหัวสีแดงของมันมีคำว่า ‘ยืนหยัด‘ เขียนอยู่ตัวเป้งๆ
เขาใช้ชื่อว่า ‘เมิ่งอวิ๋นซี’
นี่คงจะเป็นชื่อจริงของเขาสินะ
ไป๋เยี่ยกดเพิ่มเพื่อนและบันทึกชื่อเล่นของเขาเป็น ‘เพื่อนของเดซี่’
อีกฝ่ายยังไม่ตอบรับคำขอเป็นเพื่อน ซึ่งไป๋เยี่ยเองก็ไม่ได้รีบร้อน
ไป๋เยี่ยรีบเดินทางออกจากเมืองหลวง จนลืมแวะไปเยี่ยมเยียนเหล่ายอดปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีน
แต่โชคดีที่คนในกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ยังคงพูดคุยถึงประเด็นต่างๆ เป็นระยะๆ จึงยังพอได้คุยกันบ้าง
กลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างนักวิชาการดูเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น ทุกคนมักจะเข้ามาตั้งประเด็น จากนั้นก็จะร่วมกันหารือและแสดงความคิดเห็น ให้คำแนะนำเกี่ยวกับประเด็นนั้นๆ
ซึ่งไป๋เยี่ยมักจะเป็นฝ่ายรับฟังมากกว่าฝ่ายตั้งประเด็น
เมืองหลวงอยู่ห่างจากมณฑลจิ้นซีเพียงสองสามชั่วโมงเท่านั้น
ไป๋เยี่ยเปิดเว็บไซต์ทางการของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อขึ้นมา
ใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว มหาวิทยาลัยหลายแห่งก็เริ่มประกาศรายชื่อผู้มีสิทธ์สอบ กำหนดการและขั้นตอนการสอบรอบที่สองมาเรื่อยๆ
ทว่าก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ จากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อ ไป๋เยี่ยจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย และจะยังคงกังวลอยู่แบบนั้นถ้าเขายังไม่เห็นกำหนดการตรวจร่างกาย!
——————————–