สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 92 เส้นทางของหวังเหมิ่ง
ตอนที่ 92 เส้นทางของหวังเหมิ่ง
วันหยุดสำหรับนักศึกษาแพทย์ในระหว่างการฝึกงานจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของโรงพยาบาลที่เข้าฝึกงาน
เรื่องที่ไป๋เยี่ยเดินทางไปยังเมืองหลวง ทำให้เซียวฮั่นซีและหูเฟิงอวิ๋นต้องหันมาปรึกษากัน
เมื่อไป๋เยี่ยกลับมาถึงเมืองไท่หยวน มณฑลจิ้นซี เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นี่เป็นสถานที่ที่คุ้นเคย!
เขาเดินถือกระเป๋าเดินทางขึ้นแท็กซี่กลับหอพัก ซึ่งพอดีกับตอนที่รูมเมททั้งสามคนของเขาไม่อยู่ห้อง
หลังจากที่เก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ไป๋เยี่ยก็เพิ่งเห็นว่านี่ก็เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว เขาจึงตั้งใจจะออกไปหาอะไรกินกับรูมเมททั้งสามคน
ทว่าเมื่อโทรไปก็พบว่าทั้งสามคนกำลังวุ่นอยู่กับงานในโรงพยาบาล และพวกเขาก็คงไม่กลับมาในเร็วๆ นี้ ไป๋เยี่ยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
ทว่าจู่ๆ เขาก็นึกถึงหวังเหมิ่ง จึงตัดสินใจโทรหาหวังเหมิ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าหวังเหมิ่งจะว่างมาก เขารับสายทันทีที่ไป๋เยี่ยโทรไป
ห้านาทีต่อมา ไป๋เยี่ยก็มายืนรอหวังเหมิ่งอยู่ที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ไม่นานนักหวังเหมิ่งก็ขับรถเบนซ์มาจอดตรงหน้าเขา
ไป๋เยี่ยแทบช็อกเมื่อเห็นหวังเหมิ่งเดินลงมาจากรถ หวังเหมิ่งผู้ดิบเถื่อนในตอนนั้นสวมชุดสูทเรียบร้อยพร้อมรองเท้าหนังมันวาว
หวังเหมิ่งกล่าวยิ้มๆ “น่าประทับใจล่ะสิ”
ไป๋ยั่นพยักหน้า “ก็จริง คนเรางามเพราะแต่งนี่เนอะ ว่าแต่ทำไมนายถึงต้องสวมชุดสูทแล้วขับเบนซ์มาล่ะ ยุ่งๆ อยู่เหรอ”
หวังเหมิ่งยิ้ม “เข้าไปคุยในรถดีกว่า ข้างนอกมันหนาว”
ทันทีที่ขึ้นมาบนรถ หวังเหมิ่งก็ก็หยิบแฟ้มออกมาจากเบาะหลังแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อช่วงปีใหม่ พ่อให้ฉันเข้าทำงานในบริษัทเป็นเลขานุการและคนขับรถให้กับผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทน่ะ”
“รถคันนี้ก็เป็นของผู้จัดการฝ่ายการตลาด ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนขับรถแล้ว นายคิดว่าไงบ้าง”
ไป๋เยี่ยชำเลืองมองหวังเหมิ่ว “นายเหมือนประธานบริษัทมากกว่านะ!”
หวังเหมิ่งได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา “ไปกันเถอะ ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลย เดี๋ยวจะพาไปกินอะไรอร่อยๆ แล้วกัน เมื่อปีใหม่พ่อฉันซื้อเหล้าเหมาไถมาสองขวดด้วย วันนี้เรามาลองชิมกันดีกว่า”
สิบนาทีต่อมา หวังเหมิ่งก็ขับรถกลับมาถึงบ้าน เขาหยิบขวดเหล้าเหมาไถทั้งสองขวดใส่ท้ายรถและขับรถต่อไปที่โรงแรมระดับไฮเอนด์ในเมืองผิงหยวน
วันนี้เป็นวันทำงาน คนไม่เยอะเท่าไหร่ หวังเหมิ่งจึงจัดการจองห้องส่วนตัวทันที
ทั้งคู่ไม่คิดว่านี่เป็นการใช้เงินฟุ่มเฟือย พวกเขาสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะพร้อมกับเปิดขวดเหล้าเหมาไถที่นำมาด้วย
เหล้าดีจริงๆ ทันทีที่เปิดฝาออก กลิ่นหอมของเหล้าก็โชยออกมาจนหวังเหมิ่งต้องหลับตาลงและสูดดมกลิ่นเหล้าเข้าเต็มปอด “เหล้าดี! พ่างจื่อนี่ไม่มีบุญปากเอาซะเลย!”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็ดื่มเหล้ากันไปได้ครึ่งขวดแล้ว และยังได้พูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ
ไป๋เยี่ยถามขึ้น “ครอบครัวของนายทำธุรกิจอะไรเหรอ ขนาดผู้จัดการยังมีรถเบนซ์ใช้เลย!”
หวังเหมิ่งพยักหน้าอย่างไม่ถ่อมตัว “อืม ก็นิดหนึ่ง เป็นธุรกิจที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นน่ะ นายเคยได้ยินชื่อบริษัทยาจีนกู่คังไหมล่ะ”
ไป๋เยี่ยเงยหน้าขึ้นก่อนจะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “บริษัทยากู่คังเป็นของครอบครัวนายเหรอ”
หวังเหมิ่งพยักหน้า “ใช่ เป็นของครอบครัวฉันเอง”
หวังเหมิ่งกล่าวอย่างไม่แยแสราวกับว่ทั้งโต๊ะมีแต่คนในครอบครัวของเขา
ไป๋เยี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นี่แหละของจริง! บริษัทยากู่คังเป็นบริษัทผลิตยาขนาดใหญ่และเป็นผู้ผลิตยาจีนเจ้าดังในตอนเหนือของประเทศจีน
บริษัทยากู่คังไม่ใช่บริษัทจดทะเบียน แต่กลับเป็นบริษัทที่มีเงินทุนและอิทธิพลมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงการแพทย์แผนจีน
แม้แต่ยาในโรงพยาบาลที่ไป๋เยี่ยไปฝึกงานอย่างโรงพยาบาลกลางจิ้นซียังใช้ยาจากบริษัทยากู่คังเลย
บริษัทยากู่คังแตกต่างจากบริษัทผลิตยาอย่างถงเหรินถังและอวิ๋นหนานไป๋เย่าตรงที่พวกเขาจะผลิตแค่วัตถุดิบยาจีนเท่านั้น
หมายความว่าอย่างไร
บริษัทถงเหรินถังและอวิ๋นหนานไป๋เย่ารวมถึงบริษัทผลิตยาอื่นๆ จะผลิตยาที่ได้รับการจดสิทธิบัตร เช่น ยาลิ่วเว่ยตี้หวงหวาน ยาเฟิงซือจื่อทงและยาจีนชนิดอื่นๆ ทว่าบริษัทยากู่คังกลับแตกต่างออกไป เพราะว่าพวกเขาจะจัดหาวัตถุดิบสำหรับผลิตยาจีนเท่านั้น
ว่ากันว่า บริษัทกู่คงเริ่มผลิตยาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงและมีประวัติยาวนานหลายร้อยปี ถือได้ว่าเป็นบริษัทที่ได้รับการยกย่องมายาวนาน ถึงแม้ว่าชื่อเสียงของบริษัทจะไม่โด่งดังเท่ากับถงเหรินถังและบริษัทอื่นๆ ที่มีชื่อเสียง แต่ก็ถือว่ายังเป็นบริษัทที่มีอิทธิพลอยู่พอสมควร
ไม่คิดเลยว่าที่แท้หวังเหมิ่งก็เป็นทายาทของบริษัทยากู่คัง!
ไป๋เยี่ยรู้สึกทึ่ง เพราะว่าบริษัทยากู่คังมีมูลค่าในตลาดมากกว่าร้อยล้านหยวน!
บริษัทยากู่คังอาจจะไม่ใช่บริษัทที่คนรู้จักมากนัก เพราะว่าลูกค้าของบริษัทมักจะเป็นโรงพยาบาล ร้านขายยา และร้านขายยาขนาดใหญ่มากกว่า หรือแม้แต่วัตถุดิบบางอย่างที่ใช้ในการผลิตยาของบริษัทยาเจ้าอื่นๆ ก็มาจากกู่คังทั้งนั้น
บริษัทยากู่คังโดดเด่นเรื่องการปลูก การเก็บ การแปรรูป และกระบวนการต่างๆ ในการเตรียมวัตถุดิบยาจีน ซึ่งเทียบเท่ากับขั้นตอนแรกของการแพทย์แผนจีน
พวกเขามีแหล่งเพาะปลูกวัตถุดิบยาหลายแห่ง และยังมีสัมพันธ์อันดีต่อหมู่บ้านที่ปลูกสมุนไพรจีนหลายหมู่บ้าน ซึ่งรับประกันแหล่งที่มาของยาจีนได้
นอกจากนี้ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของตัวยา บริษัทยากู่คังยังมีกระบวนการแปรรูปยาจีนโบราณตามวิธีการเฉพาะ
สุดท้ายคือวางขาย!
หลังจากการพัฒนานับหลายปี บริษัทยากู่คังก็มีลูกค้าขาประจำหลายราย เพราะว่ายาที่ผลิตออกมามีคุณภาพยอดเยี่ยม แม้แต่ถงเหรินถงยังมาติดต่อซื้อวัตถุดิบจากกู่คังเลย
ไป๋เยี่ยจึงตกตะลึงเมื่อรู้ว่าหวังเหมิ่งเป็นทายาทของบริษัทยากู่คัง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าครอบครัวของหวังเหมิ่งทำธุรกิจด้านเวชภัณฑ์ แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่ามันจะใหญ่โตขนาดนี้!
หวังเหมิ่งรินเหล้าให้ไป๋เยี่ย “หลังจากเดือนนี้ฉันก็ต้องไปที่เหอเป่ยแล้ว คงจะไม่ว่างแบบนี้แล้ว!”
เมื่อไป๋เยี่ยได้ยินว่าเขาจะไปเหอเป่ยก็ถามขึ้น “ไปอันกว๋อเหรอ”
หวังเหมิ่งพยักหน้า “ใช่แล้ว แหล่งเพาะพันธุ์สมุนไพรของกู่คังอยู่ที่อันกว๋อ ถ้าฉันจัดการเรื่องที่นี่เสร็จเมื่อไหร่ก็ต้องไปที่นั่นกับผู้จัดการฝ่ายตลาด”
ไป๋เยี่ยยิ้มและชูแก้วเหล้าขึ้น “สู้ๆ! ขอให้นายมีอนาคตที่ดีนะ ไว้เรียนจบค่อยไปเที่ยวกัน!”
หวังเหมิ่งดื่มเหล้าหมดแก้วในอึกเดียว “พูดได้ดี ไว้ถึงตอนนั้นนายก็มาหาฉันแล้วกัน อีกสามปีนายจะเรียนจบป.โท รอดูได้เลยว่าสามปีต่อมาฉันจะเป็นไงบ้าง!”
พวกเขาดื่มเหล้าหมดทั้งสองขวดจนเมาหัวราน้ำ หวังเหมิ่งจึงบอกให้เพื่อนขับรถมาพาไป๋เยี่ยกลับไปส่งที่หอพัก
วันต่อมา ไป๋เยี่ยตื่นขึ้นมาตอนสิบโมงเช้า
รูมเมทของเขาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่างจื่อเห็นว่าไป๋เยี่ยลืมตาแล้วก็ส่งเสียงโหวกเหวกทันที “เฮ้ย เยี่ยจื่อดื่มหนักขนาดนั้นแล้วกลับมาที่หอพักได้ไงอะ มานี่เลย ฉันเพิ่งซื้อโจ๊กลูกเดือยมาให้นายพอดี ยังร้อนๆ อยู่เลย ลุกขึ้นมาดื่มได้แล้ว”
ไป๋เยี่ยกล่าวขอบคุณพร้อมกับลุกขึ้น
ลู่เผยอี้และต้วนเย่ว์ก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่ว่า…ไหงลู่เผยอี้ถึงนอนไม่สวมเสื้อแล้วให้ต้วนเย่ว์คลำๆ แบบนั้นล่ะ…อืม! คงจะตรวจร่างกายกันอยู่แหละ
ไป๋เยี่ยยิ้มพร้อมกับหันไปถามสองคนนั้น “แล้วพวกนายล่ะเป็นไงบ้าง”
ลู่เผยอี้ถอนหายใจ “วันเสาร์กับวันอาทิตย์หน้าพวกเราก็ต้องไปสอบรอบสองแล้วอะดิ ยังไม่พร้อมเลย ว่าแต่เยี่ยจื่อ กำหนดการสอบรอบสองของมหา’ลัยเซี่ยงไฮ้ออกมาแล้วนะ อ่านหรือยัง”
——————————–