สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 173 กากก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ
บทที่ 173 กากก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ
หลังจากวันนั้น ไป๋เยี่ยก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้องแล็บ ตอนนี้เขาได้ข้อมูลเกี่ยวกับตังเซียมและซานชีเยอะขึ้นแล้ว
เนื่องจากในปัจจุบันมีการใช้สมุนไพรสองตัวนี้อย่างแพร่หลาย จึงมีงานวิจัยสมัยใหม่ก่อนการนำไปใช้รักษาจริงจำนวนมาก
แน่นอนว่าคุณสมบัติของยาจีนโบราณนั้นซับซ้อน อีกทั้งยังประกอบด้วยสารมากมาย ทำให้การแยกสารเป็นไปอย่างยุ่งยาก
ต้องมีการแยกและสกัดสารอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็นำตัวยามาผ่านกระบวนการต่างๆ เพื่อแยกส่วนประกอบทั้งหมด จากนั้นจึงวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุล
วิธีทำยาตันชีหั่วเซวี่ยนั้นง่ายมาก ไป๋เยี่ยซื้อตังเซียนและซานชีจากตลาดมาแปรรูปเป็นยาทั้งที่ไม่ต้องนำมาอัดเป็นยาเม็ด
เพราะเขาคิดว่ายาต้มน่าจะทำให้เขาวิเคราะห์ตัวยาง่ายกว่ายาเม็ด
ไป๋เยี่ยเตรียมสารเคมีที่ใช้ในการแยกสารมาแยกส่วนประกอบของยาต้มตามวิธีที่ระบุไว้ในธีสิส จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มปริมาณยาลงไปอย่างต่อเนื่อง แล้วจึงกลั่นและสกัดออกมาเป็นสารที่มีคุณสมบัติละลายในน้ำ…
ทว่าไป๋เยี่ยก็พบเข้ากับปัญหาใหญ่ นั่นก็คือหลังจากที่เขาเพิ่มส่วนผสมของสมุนไพรทั้งสองชนิดลงไป โครงสร้างสารดั้งเดิมของตัวยาก็จะเปลี่ยนไปด้วย ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจะให้กำเนิดสารชนิดใหม่ขึ้นมาและเพิ่มความยุ่งยากในการสกัดขึ้นไปอีก
ไป๋เยี่ยจึงเลือกสกัดสมุนไพรสองชนิดแยกกัน โดยเริ่มจากตังเซียมก่อน เขาบดตังเซียมให้เป็นผงแล้วค่อยเติมเอทานอลและให้ความร้อนเพื่อสกัดสารออกมา จากนั้นก็กรองสารและลดความดันอากาศเพื่อดึงสารเอทานอลคืน ทิ้งสารไว้ให้มีความหนาแน่นสัมพัทธ์ประมาณ 1.30~1.35 แล้วเพิ่มอุณหภูมิโดยใช้น้ำร้อนอุณหภูมิแปดสิบองศเซลเซียส…
มันอาจจะเป็นกระบวนการที่ดูน่าเบื่อ แต่ไป๋เยี่ยก็ได้อะไรจากมันเยอะมาก เขาจ้องมองไปยังผลึกสีส้มแดงที่เขาสร้างขึ้นมากับมือ ซึ่งสิ่งนี้มีชื่อเรียกว่า ‘คริปโตแทนชิโนน’
ในความเป็นจริง การสกัดและการแยกส่วนประกอบของยาจีนโบราณถือเป็นกระบวนการที่สำคัญต่อการปรับปรุงสูตรยาจีนในปัจจุบันมาก
การวิจัยและค้นคว้าสรรพคุณของยาจีนจะช่วยทำให้ค้นพบสารที่มีโครงสร้างหรือสรรพคุณใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความเป็นพิษต่ำได้ ถือว่าเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญมาก
หลังจากที่ค้นคว้ามาหลายวัน ไป๋เยี่ยก็ตระหนักได้ว่าจุดประสงค์ของหลิวป๋อหลี่คือการปลูกฝังแนวคิดให้กับเขา โดยการให้เขาสกัดและแยกสารในสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้
สมุนไพรทั้งสองชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่ล้าสมัยแต่มีการวิจัยเป็นจำนวนมากจนแทบจะทราบสรรพคุณต่างๆ โดยสมบูรณ์แล้ว ตราบใดถ้าทำตามขั้นตอนก็ย่อมได้ผลลัพธ์ออกมาอย่างแน่นอน
ไป๋เยี่ยใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดและห้องแล็บในสถาบันของโจวเม่า
เมื่อเขาติดขัดปัญหาอะไรก็จะลองไปค้นคว้าที่ห้องสมุดก่อน ถ้ายังแก้ไม่ได้ก็ลองค้นหาคำตอบในอินเทอร์เน็ต ถ้าไม่ได้จริงๆ ถึงค่อยปรึกษากับโจวเม่า
โจวเม่าไม่ได้เรียนจบแพทย์มาแต่อย่างใด เขาเรียนจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ปักกิ่ง หลังจากเรียนจบก็เข้ามาทำงานเป็นอาจารย์และทำโครงการมากมาย เขาแตกต่างจากจางฮั่นหลินโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานวิจัยที่มหาวิทยาลัย แต่สำหรับเขาแล้ว มหาวิทยาลัยก็เป็นเพียงเวทีให้เขาได้แสดงศักยภาพด้วยตนเองเท่านั้น
ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการสถาบันยา เขาจึงต้องคอยรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับบริษัทยาหลายแห่ง อย่างเช่น บริษัทเภสัชกรรมเจิ้นหนาน และต้องช่วยบริษัทเหล่านั้นทำงานวิจัยบางอย่างที่เกี่ยวกับยา เช่นการวิเคราะห์ส่วนผสมของยา การตรวจหาความเป็นพิษของยา
ไป๋เยี่ยเพิ่งจะรู้จักเขาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาเป็นนักวิจัยที่มีหัวทางด้านเศรษฐศาสตร์ ว่ากันว่าเขามีห้องทำงานไว้ทำงานเอาท์ซอร์สด้วย นักศึกษาของเขาหลายคนเองก็ตามมาทำงานกับเขาที่นี่หลังเรียนจบเหมือนกัน
นอกจากนี้เขายังเคยยื่นขอสิทธิบัตรให้กับการค้นพบเล็กๆ น้อยๆ ในห้องทำงานเอาท์ซอร์สแล้วขายมันให้บริษัทยา อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนแรกในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีที่ได้ขับรถหรูมูลค่ากว่าห้าแสนหยวนก็ว่าได้
แม้คนอื่นๆ จะพูดถึงประเด็นนี้กัน แต่โจวเม่าก็ยอมรับว่าเขาทำอะไรบ้างแต่โดยดี
ทว่าสิ่งที่เขาทำก็ไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรกับหน้าที่การงานของเขาเลย ในทางกลับกัน มีนักศึกษาจบใหม่จำนวนมากที่โจวเม่าคอยช่วยหางานให้ เขาจึงเป็นที่นิยมในหมู่นักศึกษามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี
ไป๋เยี่ยเริ่มสนิทสนมกับโจวเม่ามากขึ้น เขาเป็นคนที่มีความสามารถและมีความเป็นมืออาชีพมาก เขาบอกว่าความสามรถก็คือความสามารถในการหาเลี้ยงชีพ ถ้าหาเลี้ยงชีพไม่ได้แล้วจะใช้ชีวิตอย่างไร
ต้องบอกว่าการสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจช่วยกระตุ้นการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เช่นกัน หลังจากที่โจวเม่าได้รับรางวัลเทคโนโลยีก้าวหน้าระดับมณฑลทั้งสองรางวัล เขาก็ขายสิทธิบัตร และนำเงินที่ได้ไปซื้อรถแลนด์ครุยเซอร์มาขับเล่นในมหาวิทยาลัย
มีข่าวซุบซิบนินทาเขามากมายก็จริง แต่ปีต่อมาเขาก็ขายสิทธิบัตรอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคราวนี้เขาทำเงินได้มากกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก
แต่ถึงกระนั้นโจวเม่าก็ให้คำแนะนำกับไป๋เยี่ยอย่างใจเย็น เขาสอนหลายอย่างให้ไป๋เยี่ย อย่างเช่นสกัดและแยกสารออกจากตังเซียมและซานชีให้ไป๋เยี่ยดู
เขาสอนไป๋เยี่ยทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ พร้อมทั้งบอกไป๋เยี่ยถึงข้อควรระวังและจุดที่ต้องให้ความสนใจ
โจวเม่าพูดไว้ว่า ถ้าเดินตามทางของคนอื่น ก็จะได้แต่ผลลัพธ์ของคนอื่น แต่ถ้าเดินตามทางที่หลากหลาย ก็อาจได้ผลลัพธ์ที่มีความหลากหลาย
การคิดค้นและการสร้างสิ่งต่างๆ นั้นเริ่มจากการค้นพบความแตกต่างของบางสิ่ง และนำความแตกต่างนั้นมาสรรค์สร้างเป็นสิ่งใหม่
นอกจากห้องแล็บแล้ว ไป๋เยี่ยก็ใช้เวลาในห้องสมุดทั้งวัน ซึ่งเขาก็ได้รับประโยชน์มากมายจากที่นั่น! ยิ่งเขามีโบนัสค่าประสบการณ์สิบเท่า เขาก็ยิ่งอัปเลเวลได้ไวยิ่งขึ้นไปอีก
[ทักษะวิชาพื้นฐาน]
เคมีเภสัชกรรม: เลเวล 3: 2300/10000
[ทักษะงานวิจัย]
การแยกและสกัดสาร: เลเวล 3:6999/10000
การเพิ่มเลเวลทักษะการแยกและสกัดสารทำให้ไป๋เยี่ยทำงานได้เร็วขึ้นมาก
เขาเลือกนำวิธีการและแนวทางของโจวเม่าและนักวิจัยคนอื่นๆ มาใช้ในการทดลอง
อย่างไรก็ตาม ทั้งตังเซียมและซานชีก็เป็นสมุนไพรที่ผู้คนใช้กันอย่างแพร่หลายและวิจัยกันจนบรรลุแล้ว หลังจากที่ไป๋เยี่ยลองค้นคว้าครั้งแล้วครั้งเล่าจึงไม่ได้อะไรเพิ่มขึ้นเลยนอกจากเลเวลทักษะการแยกและสกัดสารที่เพิ่มขึ้นเป็นเลเวลสี่
ไป๋เยี่ยจึงเลือกที่จะทดลองสมุนไพรทั้งสองตัวไปพร้อมๆ กันและลองใส่สารรีเอเยนต์ลงไปหลังจากที่สมุนไพรทั้งสองชนิดทำปฏิกิริยากัน เพื่อดูว่าจะมีอะไรเปลี่ยนไปหรือไม่
สองวันต่อมา ไป๋เยี่ยแยกสารออกมาได้สำเร็จ โดยอาศัยเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย การนำตังเซียมและซานชีมาผสมเข้าด้วยกันถือเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไป และการที่ผู้คนจะนำมันมาวิเคราะห์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ตัวอย่างเช่น ยาหยอดตังเซียมเป็นยาที่มีส่วนผสมของตังเซียมและซานชี เป็นยารักษาโรคหลอดเลือดตีบตันในหัวใจและสมองที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศจีน เกาหลีใต้ รัสเซีย และสถานที่อื่นๆ
หลังจากที่ไป๋เยี่ยสกัดสารออกมา เขาก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา คนส่วนใหญ่มักจะใช้แค่สารจากตังเซียมและซานชี แล้วสารอื่นๆ ล่ะพอจะมีประโยชน์บ้างไหม
บางทีเราอาจจะศึกษาส่วนผสมของยาตันชีหั่วเซวี่ยได้จากยาหยอดตังเซียมก็ได้
ไป๋เยี่ยจึงรีบตรงไปที่ร้านขายยาเพื่อซื้อยามาวิเคราะห์
ยาหยอดตังเซียมเป็นยาที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย ที่สำคัญคือการวิเคราะห์ถึงความปลอดภัยและความเป็นพิษของยานั้นแสดงให้เห็นว่ายาชนิดนั้นไม่มีปัญหาต่อการนำไปใช้ทางการแพทย์แต่อย่างใด
ไป๋เยี่ยจึงเข้าใจได้ถึงบางอย่าง
จุดประสงค์ของอาจารย์หลิวคือเขาไม่ต้องการให้ไป๋เยี่ยศึกษาแค่ยาสำเร็จรูปเพียงชนิดเดียว แต่ต้องการให้เขานำยาสองชนิดนั่นคือยาหยอดตังเซียมและยาเม็ดตันชีหั่วเซวี่ยมาศึกษา เพื่อที่จะได้เข้าใจถึงแนวคิดการพัฒนายาสมัยใหม่ในวงการแพทย์แผนจีนนั่นเอง
ยาเม็ดตันชีหั่วเซวี่ยเป็นยาแผนโบราณ ในขณะที่ยาหยอดตังเซียมเป็นยาที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
ความแตกต่างระหว่างยาสองชนิดนี้คืออะไร พวกเขาแค่นำส่วนผสมที่ให้สรรพคุณต่างๆ ออกมาสกัดและพิสูจน์สรรพคุณเหล่านั้นผ่านการทดลองแค่นั้นหรือ
จุดแข็งของยาหยอดตังเซียมคือเป็นยาที่มีการสกัดส่วนผสมสำคัญออกมาและทิ้งกากไปเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์และทันสมัย!
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้น จึงลองเปิดอ่านประวัติการพัฒนายาหยอดตังเซียม แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าหลิวป๋อหลี่ก็คือผู้รับผิดชอบโครงการนี้และเป็นผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติปี 2003
ไป๋เยี่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ถ้าไม่ใช่เพราะความบังเอิญ เขาคงไม่มีวันค้นพบสิ่งที่อาจารย์ของเขาเป็นผู้คิดค้นแน่ๆ
แต่…ไป๋เยี่ยก็มีแนวทางการวิจัยของเขาเองเหมือนกัน
วิธีการผลิตยาหยอดตังเซียมคือดึงเอาส่วนผสมที่สำคัญมาสกัดเป็นยา ส่วนกากต่างๆ ก็ทิ้งไป ไป๋เยี่ยกำลังคิดว่าถ้าเขาทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกัน โดยนำกากที่ไม่ใช้มาค้นคว้าหาสาเหตุที่มันกลายเป็นกาก จะเกิดการค้นพบใหม่ๆ ขึ้นหรือไม่
การค้นพบสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติคือความก้าวหน้าอย่างหนึ่ง แต่ถ้าหากคุณเลือกที่จะคิดค้นสิ่งที่เป็นอันตรายต่อผู้คน และบอกให้ผู้คนคอยหลีกเลี่ยงมันก็ถือเป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่งเช่นกัน! อีกทั้งในปัจจุบันยังมีการค้นพบประโยชน์ของสารพิษต่างๆ ในปัจจุบันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
คิดได้เช่นนั้นแล้ว ไป๋เยี่ยก็เริ่มปฏิบัติการของเขาทันที!