สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 178 ลองทำธุรกิจ
บทที่ 178 ลองทำธุรกิจ
วันรับปริญญาถูกกำหนดอย่างเป็นทางการแล้ว นั่นคือวันที่ 11 กรกฎาคม หลังจากถูกเลื่อนออกไปเพราะว่าทางมหาวิทยาลัยกำลังยุ่งกับการจัดตั้งวิทยาเขตใหม่อยู่
จะมีงานเลี้ยงรับปริญญาในวันที่ 7 กรกฎาคม ซึ่งจัดขึ้นโดยสาขา นักศึกษาจากแต่ละคลาสต่างก็พากันเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานนี้
มีนักศึกษามาลงทะเบียนเข้างานเลี้ยงจำนวนหลายคน ไป๋เยี่ยเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับคำเชิญ
แต่เพราะช่วงนี้ไป๋เยี่ยกำลังยุ่งอยู่จึงปฏิเสธไป
เช้าวันที่ 26 มิถุนายน ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อมาถึงสถานที่นัดหมาย ทว่าทันทีที่มาถึงพ่างจื่อกลับเอาแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่
พ่างจื่อหันไปกระซิบกับไป๋เยี่ย “เยี่ยจื่อ คนนั้นแหละ จ้าวอวี่เจ๋อ ไม่คิดเลยว่าเขาก็มาที่นี่ด้วยเหมือนกัน”
ไป๋เยี่ยมองชายคนนั้นซึ่งกำลังพูดคุยกับคนอื่นๆ อย่างสนุกสนาน “อย่าไปสนเขาเลย สนใจงานของเราก่อนดีกว่า”
เห็นได้ชัดว่าจ้าวอวี่เจ๋อเป็นคนมีชื่อเสียงมาก ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็มีคนคอยกล่าวยกย่องเขาเสมอ
แต่ถึงกระนั้น ไป๋เยี่ยก็อดสงสัยไม่ได้ว่าจ้าวอวี่เจ๋อกำลังคิดทำบางอย่างที่คล้ายๆ กันอยู่หรือไม่ เพราะว่าโครงการนี้ก็มุ่งเน้นไปที่การสาธารณสุขด้วย
ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อจีงพยายามนั่งใกล้ๆ เขาไว้ เผื่อจะได้ยินข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาบ้าง
ทว่าชายผู้นี้กลับไม่ยอมหลุดปากพูดอะไรออกมาง่ายๆ เขาเอาแต่พูดไปเรื่อย บางทีก็พูดติดตลก แต่เมื่อมีคนถามเขาว่าเขากำลังทำอะไร เขาก็จะตอบไปแค่ว่า ‘ผมกำลังพัฒนาซอฟต์แวร์อยู่น่ะครับ ถือว่าเป็นการยกย่องหัวหน้าจางด้วยครับ ยังไงนี่ก็เป็นนโยบายระดับชาติ ในฐานะที่พวกเราเป็นนักธุรกิจก็มีหน้าที่ต้องตอบสนองต่อนโยบายนี้ และเพราะว่าโครงการนี้เป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วย ผมเลยคิดว่าเราควรจะยื่นมือเข้ามามีส่วนร่วมบ้างครับ’
เมื่อจ้าวอวี่เจ๋อพูดจบ ทุกคนก็พากันสรรเสริญเขา
“คุณจ้าวเป็นคนมีอุดมการณ์จริงๆ!”
“ใช่แล้ว! ผมคิดว่าสังคมของเรายังขาดนักธุรกิจที่มีจิตสำนึกอย่างคุณจ้าว”
คำพูดของผู้คนเหล่านั้นทำให้พ่างจื่อเบ้ปาก “ดีเดออะไรกัน ถ้าเขาดีจริงคงไม่ถูกพ่อไล่ออกหรอก ฉันจะบอกอะไรให้ เขาโดนพ่อฉันไล่ออกจากบริษัทเพราะทำแผนงานของบริษัทหลุดเนี่ยแหละ ถ้าไม่เห็นแก่มิตรภาพ เขาคงขึ้นศาลไปแล้ว”
ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ก็ขานคิวหมายเลขสี่
จ้าวอวี่เจ๋อยืนขึ้นพร้อมกับเหยียดตัวตรง เขายิ้มให้กับผู้คนรอบๆ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับผู้ช่วยสองคน
ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จ้าวอวี่เจ๋อก็เดินหน้าระรื่นออกมา แสดงให้เห็นว่าผลลัพธ์ของเขาต้องดีมากแน่นอน
คนอื่นๆ มีเวลานำเสนอเพียงสิบนาที ในขณะที่จ้าวอวี่เจ๋อได้เวลาครึ่งชั่วโมง เห็นได้ชัดว่าทางหน่วยงานให้ความสำคัญกับเขามากเพียงใด
ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อได้คิวหมายเลขเก้า กว่าพวกเขาจะได้เข้าไปก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงแล้ว
ด้านในเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ โดยมีกรรมการนั่งอยู่เต็มเก้าอี้ทั้งสองแถว รวมๆ แล้วมากกว่าสิบสองคน มีทั้งผู้แทนภาครัฐ ตัวแทนจากโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพและครอบครัวแห่งชาติ
“เริ่มแนะนำตัวได้” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าวขึ้น
พ่างจื่อเป็นคนเตรียมทุกอย่างให้พร้อม ส่วนไป๋เยี่ยก็เริ่มนำเสนอโครงการในวันนี้ โดยที่พ่างจื่อคอยเป็นคนยื่นโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่คนละเครื่อง
“สวัสดีครับผู้เชี่ยวชาญทุกท่าน นี่คือตัวอย่างแอปพลิเคชั่นของเรา พวกคุณอ่านคำแนะนำและลองใช้งานได้เลยนะครับ”
ดวงตาของทุกคนเป็นประกาย นี่พวกเขาทำทั้งหมดนี่ด้วยตัวเองจริงเหรอ
นี่เป็นวิธีที่พ่างจื่อคิดได้ในนาทีสุดท้าย ซึ่งก็คือการนำตัวอย่างมาแสดงให้อีกฝ่ายเห็น เพื่อให้เห็นถึงการเตรียมการของพวกเขา
ไป๋เยี่ยโค้งคำนับเล็กน้อยและเริ่มการนำเสนอของวันนี้
“สวัสดีครับ ผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์ทุกท่าน พวกเรามาจากบริษัทเย่ว์เถิงเทคนะครับ แอปพลิเคชั่นของเรามีชื่อเรียกว่า ‘แอปเฮลท์ตี้จิ้นซี’ ก่อนอื่นเลยผมจะขอแนะนำฟังก์ชั่นหลักๆ ของแอปนี้ให้ฟังก่อน นั่นก็คือการนัดหมายและลงทะเบียนเข้าพบแพทย์ครับ”
“ความยากลำบากในการลงทะเบียนและการรับการรักษาพยาบาลเป็นปัญหาสำหรับคนทั่วไปมาโดยตลอด เนื่องจากเมืองไท่หยวนซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัด เป็นแหล่งที่มีทรัพยากรทางการแพทย์มากที่สุด ทำให้ในแต่ละปีจะมีคนจากมณฑลและเมืองรอบๆ เดินทางมาพบแพทย์ที่จิ้นซีอยู่บ่ายครั้ง มีหลายคนที่เดินทางมาตั้งแต่กลางดึกเพื่อรอรับบัตรคิว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เข้ารับการรักษา พวกเราจึงคิดค้นแอปพลิเคชั่นสำหรับการลงทะเบียนเข้ารับการรักษาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ทุกคนครับ”
“เราได้ทำการรวบรวมข้อมูลของโรงพยาบาลตั้งแต่ระดับหนึ่งขึ้นไปทั้งหมดในมณฑลจิ้นซีไว้ในฐานข้อมูลเดียว จากนั้นจึงเดินหน้าขอความร่วมมือจากโรงพยาบาลแต่ละแห่ง…”
“วัตถุประสงค์ของการลงทะเบียนนัดหมายคือเพื่อให้การรักษาพยาบาลเป็นไปอย่างเป็นระเบียบ และช่วยแก้ปัญหาเรื่องการเหมาบัตรคิวและความยากลำบากในการลงทะเบียนครับ”
“ในทางกลับกัน การลงทะเบียนนัดหมายของเรานั้นจะใช้การตรวจสอบชื่อจริงเท่านั้น คุณต้องตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนของคุณก่อนจึงจะรับบัตรคิวได้ และทางเราจะทำการตรวจสอบระบบลงทะเบียนและลงบัญชีดำผู้ที่เหมาบัตรคิวไว้…”
“อาจารย์ทุกท่านทดลองใช้แอปของทางเราได้เลยนะครับ หวังว่าจะได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์ทุกท่านนะครับ! ขอบคุณมากครับ”
ไป๋เยี่ยรู้จักกรรมการอยู่สองคน นั่นคือ ‘เซียวฮั่นซี’ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจิ้นซี และ ‘หยางเฉินเซิง’ ประธานสภาประชาชนแห่งจิ้นซี
ประเทศจีนหันมาให้ความสนใจกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนมากขึ้น ผู้นำทุกคนจึงต้องมีส่วนร่วมในโครงการนี้ ซึ่งหยางเฉินเซิงก็ได้รับหน้าที่ให้เข้ามารับผิดชอบโครงการด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าคณะกรรมการ หยางเฉินเซิงจึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาสนใจแอปพลิเคชั่นนี้มาก ในขณะที่วิทยาศาสตร์กำลังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ นั้น คุณภาพชีวิตของประชาชนก็ต้องได้รับการยกระดับให้ก้าวทันยุคสมัยด้วยเช่นกัน
ส่วนเซียวฮั่นซีก็กล่าวว่าแอปพลิเคชั่นนี้คือสิ่งที่สื่อแทนเจตนารมณ์ของเขาได้ดีมาก
ในฐานะที่เป็นแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงในประเทศ เขาต้องพบกับเคสผู้ป่วยมากกว่าสองร้อยเคสต่อวัน แค่ตอนเช้าก็มีเคสเข้ามากว่าร้อยเคสแล้ว แต่ถึงกระนั้นการเข้าพบแพทย์ก็ยังเป็นเรื่องยาก เพราะมีพวกเหมาใบนัดคอยฟันเอากำไรอยู่ตลอด
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลคือความมีระเบียบและความสงบเรียบร้อย เขาจึงสนใจแอปพลิเคชั่นของไป๋เยี่ยมาก
เขาจึงเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมาว่า “ผมคิดว่าแอปนี้ดีมาก ไว้ผมจะลองใช้ดูนะ”
หยางเฉินเซิงหยักหน้าและหันมาพูดกับพวกเขา “คุณจะทำสิ่งนี้ออกมาให้ดีได้ใช่ไหม โครงการนี้ก็เป็นหนึ่งในโครงการเอาท์ซอร์สนะ คิดว่าทางบริษัทเถิงเยว่เทคจะจัดการกับระบบลงทะเบียนได้ดีหรือไม่ครับ”
พ่างจื่อตอบอย่างรวดเร็ว “บริษัทของเราได้รับความร่วมมือจากบริษัทโฆษณาจื่อเหิง ในด้านของเทโนโลยีนั้น…”
กรรมการแต่ละคนถามคำถามพวกเขามากมาย ซึ่งทั้งไป๋เยี่ยและพ่างจื่อก็ค่อยๆ ตอบคำถามของกรรมการแต่ละคนไป จนในที่สุด หยางเฉินเซิงก็พูดขึ้นว่า “เท่านี้แล้วกันครับ กลับไปรอผลลัพธ์ได้เลยครับ”
หลังจากออกมาแล้ว ไป๋เยี่ยก็ลองดูเวลาแล้วจึงพบว่าพวกเขาใช้เวลาไปราวๆ สี่สิบห้านาที!
พวกเขาใช้เวลามากกว่าจ้าวอวี่เจ๋อถึงสิบห้านาที ซึ่งหมายความว่ากรรมการก็ให้ความสำคัญกับพวกเขาไม่ต่างกันเลย
คืนนั้น ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อก็ได้รับข้อความแจ้งเตือน
[ผ่านการตรวจสอบและอนุมัติให้มีการทดลองใช้งานแล้ว โปรดไปที่อาคารสามของคณะกรรมการวางแผนสุขภาพและครอบครัว ในเวลาเก้านาฬิกาของวันที่ 27 มิถุนายน…]
พ่างจื่อผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “ผ่านแล้ว! เราผ่านแล้ว!”
ทว่าไป๋เยี่ยยังคงนิ่ง เขารู้สึกโล่งอกมาก แม้ว่าแอปพลิเคชั่นนั้นจะมาจากระบบก็ตาม
แต่เขาก็ยังคงสงสัยเกี่ยวกับคำว่า ‘ทดลองใช้งาน’ อยู่ดี
“ทดลองใช้งานคือหมายความว่าให้เราทดลองทำธุรกิจเหรอ หรือว่ายังไง”
พ่างจื่อยิ้ม “ฉันว่าจะลองทำให้มันเป็นธุรกิจดูน่ะ จะได้รู้ว่าผลตอบรับเป็นยังไงบ้าง คุ้มค่าที่จะทำต่อไปหรือไม่”
จู่ๆ พ่างจื่อก็หันไปรับสายจากใครบางคน “ว่าไงแม่ บัญชามาเลย”
“ประธานหยางเขาให้ความสำคัญกับแอปเฮลท์ตี้จิ้นซีที่แกทำนะ เขาว่าจะลองเอาเรื่องนี้ไปหารือกันกับผอ.เซียวอยู่ เตรียมทดลองงานในโรง’บาลแพทย์แผนจีนประจำมณฑลเราได้เลย”