สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 198 ตรวจทวาร
บทที่ 198 ตรวจทวาร
[ติ๊ง! ล้างแผลเสร็จสิ้น 1/50 ได้รับค่าประสบการณ์ล้างแผลและขูดหนอง 120 แต้ม โปรดพยายามต่อไป]
ไป๋เยี่ยได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ยิ้มออกมา “อาจารย์ซ่งครับ ผมยังต้องการคำแนะนำจากอาจารย์นะครับ เทคนิคบางอย่างของผมอาจจะซับซ้อนเกินไป เพราะผมทำตามในบทเรียน ถ้ามีตรงไหนบกพร่องก็ชี้แนะได้เลยนะครับ”
ซ่งเจี๋ยพยักหน้าพลางนึกถึงการล้างแผลเมื่อครู่ “คุณเก่งอยู่แล้ว เก่งกว่าหมอบางคนด้วยซ้ำ แต่มีเรื่องหนึ่งที่คุณต้องใส่ใจ นั่นคือเวลาสื่อสารกับผู้ป่วย…คุณต้องพยายามหลีกเลี่ยงการกระทำและคำพูดที่ไม่จำเป็น เพราะมันอาจจะทำให้ผู้ป่วยกังวลได้”艾琳小說
“ต่อไปก็ระวังคำถามจำพวก ‘หมอจะรักษาได้ไหม’ ‘โรคจะหายไหม’ ‘นานแค่ไหนกว่าจะหาย’ ให้ดี มันอาจนำพามาซึ่งความขัดแย้งระหว่างหมอและผู้ป่วยได้ สมมติคุณบอกคนไข้ว่าจะหายในหนึ่งสัปดาห์ ถ้าไม่หายจริง ผู้ป่วยอาจจะฟ้องคุณก็ได้นะ”
“เพราะฉะนั้นอย่าใช้คำพูดทำนองว่า ‘ไม่มีปัญหา รักษาได้! หายแน่นอน!’ โดยเฉพาะในแผนกศัลยกรรม เราจะต้องเข้มงวด…”
ซ่งเจี๋ยอธิบายให้ไป๋เยี่ยฟังถึงประเด็นที่สำคัญบางประการของการสื่อสารระหว่างแพทย์และผู้ป่วย
“จะเป็นหมอน่ะ มีแค่ทักษะทางการแพทย์อย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องมีทักษะด้านการสื่อสารด้วย”
พูดจบซ่งเจี๋ยก็ยิ้มแห้งๆ “ฮ่าๆ การเป็นหมอมันไม่ง่ายหรอก! ยังไงก็ต้องดูแลตัวเองก่อน เอาละ ผมจะเรียกคิวต่อไปแล้วนะ คุณก็ไปเตรียมตัวซะ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าแล้วจึงล้างมือและสวมถุงมือคู่ใหม่
คิวต่อๆ มาเป็นการล้างแผลริดสีดวงทวาร ไป๋เยี่ยเชี่ยวชาญมาก จึงทำได้อย่างรวดเร็ว เมื่อล้างแผลเสร็จแล้ว ผู้ป่วยเหล่านั้นก็ยืนขึ้นและหันกลับมากล่าวขอบคุณไป๋เยี่ยทั้งรอยยิ้ม
คิวสุดท้ายเป็นผู้หญิงอายุราวๆ ห้าสิบปี ซึ่งมาด้วยโรคฝีคัณฑสูตร หลังจากที่ล้างแผลให้เธอเรียบร้อยแล้ว เธอก็หันกลับมามองไป๋เยี่ยและเอ่ยขึ้น “หมอซ่ง ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลยค่ะ รบกวนหมอจริงๆ เลย ฝีมือของหมอคนนี้ดีมากเลย ไม่รู้สึกเจ็บเหมือนเมื่อก่อนเลย”
ทั้งช่วงเช้ามีคิวล้างแผลหลายคิวก็จริง แต่เมื่อไป๋เยี่ยทำเสร็จหมดแล้วก็พบว่าตอนนี้เพิ่งเป็นเวลาเก้าโมงเช้าเท่านั้น ซ่งเจี๋ยจึงหันมามองไป๋เยี่ย “ไม่เลวนี่ มีคนชมตั้งเยอะ”
ไป๋เยี่ยล้างมือก่อนจะถอดหน้ากากอนามัยออก “อะแฮ่ม เพราะอาจารย์สอนมาดีครับ”
ซ่งเจี๋ยหัวเราะเบาๆ “เจ้าเด็กนี่ ทำเป็นพูด ตอนนี้คุณก็เข้าใจอาการของผู้ป่วยแล้ว เดี๋ยวเราจะกลับไปตรวจสอบรายชื่อเคสกัน เก้าโมงครึ่งต้องเข้าเวรนะ”
“โรงพยาบาลผู่เจ๋อของเราเน้นรักษาโรคโดยประยุกต์การแพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบันเข้าด้วยกัน แม้ว่าโรคริดสีดวงทวารจะไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร แต่การแพทย์แผนปัจจุบันก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ ทำให้ปัจจุบันมีหลายทฤษฎีเลยทีเดียว รู้ไหมว่ามีทฤษฎีไหนบ้าง”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า ก่อนมาที่นี่เขาได้อ่านเตรียมไว้หมดแล้ว “ทฤษฎีแรกคือเยื่อบุช่องทวารหนัก[1]มีการเคลื่อนตัวลงมา ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งคือภาวะเส้นเลือดดำพร่องครับ”
ซ่งเจี๋ยตบไหล่ของไป๋เยี่ย “ใช่แล้ว ทั้งสองทฤษฎีถือเป็นสาเหตุหลักๆ เลยก็ว่าได้ สาเหตุของโรคจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของการรักษา ดังนั้นการรักษาในปัจจุบันจึงอิงตามสองทฤษฎีนี้เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม โรคริดสีดวงทวารก็รักษาให้หายขาดไม่ได้ ทำได้แค่บรรเทาเท่านั้น”
“สุดท้ายการแพทย์สมัยใหม่ก็ต้องอาศัยการพัฒนาของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ให้ก้าวหน้าจึงจะดำเนินการรักษาได้ ส่วนโรงพยาบาลของเราก็ใช้การประยุกต์ระหว่างการแพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบันในการรักษาโรคริดสีดวงทวาร ท้ายที่สุดแล้วการแพทย์แผนจีนก็มีวิธีรักษาโรคริดสีดวงทวารที่ได้ผลกว่า ใช้วิธีผ่าตัดร่วมกับการใช้ยาภายนอกตามตำรับจีน บวกกับการฝังเข็มก็จะได้ผลค่อนข้างดี”
“โดยปกติแล้ว โรคริดสีดวงทวารจะไม่มีอาการในระยะแรก เราไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ สิ่งสำคัญคือต้องทานอาหารที่มีไฟเบอร์ เปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่าย อย่าอั้นอุจจาระ ระวังอาการท้องผูกและท้องเสีย การอาบน้ำร้อนก็จะช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งก็สนับสนุนทฤษฎีเรื่องเส้นเลือดดำพร่อง บวกกับใช้ยาภายนอกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า”
“ในปัจจุบัน การรักษาด้วยการฉีดยามีผลดีต่อริดสีดวงทวารภายในระดับสองและสามเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะฉีดสารที่ทำให้เกิดการแข็งตัวเข้าไปทำปฏิกิริยาทำให้เกิดการอักเสบ เกิดเป็นพังผืดบริเวณชั้นเนื้อเยือกใต้ต่อมผลิตเมือก เบาะรองในทวารมีการหดตัวลง และทำให้ริดสีดวงแข็งตัวในที่สุด”
“ถ้ามันไม่ได้ผลจริงๆ หรือมันร้ายแรงเกินไปก็ต้องใช้วิธีผ่าตัด…”
ไม่ว่าไป๋เยี่ยจะรู้เรื่องพวกนี้หรือไม่ก็ตาม ซ่งเจี๋ยก็ยังคงต้องการอธิบายการรักษาและการวินิจฉัยโรคที่พบบ่อยนี้ในแผนกทวารหนักเป็นหลัก
หลังจากที่ไป๋เยี่ยอ่านเคสผู้ป่วยกว่าสิบรายหมดแล้ว เขาก็เข้าใจถึงอาการและวิธีการรักษาผู้ป่วยโดยคร่าวๆ
ประมาณเก้าโมงครึ่ง หลังจากที่ซ่งเจี๋ยแก้คำแนะนำแพทย์เรียบร้อยแล้วก็เอ่ยขึ้น “ไปเถอะ ตามผมมาดูผู้ป่วยในวอร์ดก่อน กลับมาแล้วค่อยติดตามอาการของโรคดู”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าและหยิบเวชระเบียนที่เขาเตรียมมาโดยเฉพาะไปบันทึกอาการของผู้ป่วยและคำแนะนำจากแพทย์ด้วย
หลังจากที่ซ่งเจี๋ยได้ถามคำถามและพูดคุยกันกับไป๋เยี่ยระหว่างที่ราวน์วอร์ดในช่วงเช้าแล้ว เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของการทำงานร่วมกัน
เขาคิดแบบนั้นเพราะว่าคำตอบของไป๋เยี่ยมักจะแฝงด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโรคและยา
ซ่งเจี๋ยหันมายิ้มให้ไป๋เยี่ย “พรุ่งนี้เช้าผมจะให้คุณเป็นคนล้างแผลผู้ป่วยนะ ผมจะเตรียมของไว้ให้ คุณแค่มาเหมือนที่มาวันนี้แหละ ถ้าผู้ป่วยมีอาการอะไรก็เรียกผมนะ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า เขามีความสุขมาก นี่ถือเป็นโอกาสอันดีเพราะภารกิจล้างแผลของเขาจะต้องเสร็จในไม่ช้านี้แน่นอน
ซ่งเจี๋ยแนะนำให้ไป๋เยี่ยรู้จักกับจางฮุ่ย พยาบาลในห้องตรวจ “คุณจาง พรุ่งนี้เช้าหมอจะไม่อยู่นะ ไป๋เยี่ยจะเป็นคนล้างแผลแทนผมเอง มีอะไรก็ช่วยเขาหน่อยนะ”
จางฮุ่ยพึมพำ “ทำไมไม่ฝากหมอฉางล่ะคะ”
ซ่งเจี๋ยตบไหล่ไป๋เยี่ย “หมอไป๋ฝีมือดีมาก วางใจได้เลย ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมนะ”
อย่างไรเสียการล้างแผลก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไร จางฮุ่ยจึงได้แต่พยักหน้าและชำเลืองมองไป๋เยี่ยอย่างระแวดระวัง
ไป๋เยี่ยยิ้มให้ “สวัสดีครับ อาจารย์จาง ผมไป๋เยี่ย เป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกงานครับ”
จางฮุ่ยเห็นว่าไป๋เยี่ยมีบุคลิกดีจึงยิ้มตอบเขาไป “อย่าเรียกว่าอาจารย์เลย เรียกแค่ชื่อก็พอจ้ะ”
ช่วงเช้า ไป๋เยี่ยจะพิจารณาอาการของผู้ป่วยและคอยเปลี่ยนคำแนะนำแพทย์ที่ซ่งเจี๋ยให้ไว้ จากนั้นก็กำหนดขั้นตอนการรักษา
ไม่จำเป็นต้องมีการจดบันทึกการดูแลทุกวัน ตามปกติแล้วจะมีการจดบันทึกทุกๆ สามวัน ยกเว้นเคสผู้ป่วยพิเศษ
เมื่อเขียนเสร็จแล้ว ไป๋เยี่ยก็สังเกตเห็นว่าในคำแนะนำแพทย์ล้วนมีการใช้ยาภายนอกแผนจีนด้วย เขาจึงลองหยิบใบสั่งยาขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด
มีการบำบัดด้วยยาแผนจีนค่อนข้างมาก เช่น การรมยาและการใช้ยาภายนอกเป็นต้น ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ซ่งเจี๋ยเข้าใจเจตนาของไป๋เยี่ยจึงพูดขึ้น “แผนกทวารหนักของเราจะเน้นการผ่าตัดเป็นส่วนใหญ่ ข้อดีของการผ่าตัดโดยวิธีการทางการแพทย์แผนจีน นอกจากความดั้งเดิมแล้ว ก็คือการผ่าตัดจะมีการทำกายภาพบำบัดและใช้ยาในลำไส้ด้วย เพราะว่ายาที่ต้องกินเข้าไปมีประสิทธิภาพค่อนข้างธรรมดา ในขณะที่ผู้ป่วยในแผนกบางคนก็มีอาการรุนแรงถึงขั้นต้องผ่าตัด อย่างไรโรคที่เกิดขึ้นบริเวณทวารหนักก็ไม่ได้มีรุนแรงมาก โดยทั่วไปผู้ป่วยจะทนได้และไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก ส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยมาหาหมอกัน”
“ยังไงพรุ่งนี้หลังล้างแผลเสร็จก็มาเข้าวอร์ดด้วยล่ะ เดี๋ยวผมจะสอนคุณตรวจทวาร”
[1] เยื่อบุช่องทวารหนัก คือ เนื้อเยื่อที่อยู่ภายในทวารหนักมีหลอดเลือดไปหล่อเลี้ยง ซึ่งสามารถเกิดภาวะหย่อนยานและกลายเป็นริดสีดวงได้