สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 207 ติ๊ง! มีเงินจำนวนมหาศาลเข้าบัญชี
บทที่ 207 ติ๊ง! มีเงินจำนวนมหาศาลเข้าบัญชี
ช่วงหกโมงเย็น จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็ได้รับสายจากโจวเม่า
“ไป๋เยี่ย คุณถังให้คำตอบผมมาแล้ว เหมือนเขาจะเห็นด้วยนะ คืนนี้ก็เริ่มเดินเรื่องได้เลย ถ้าว่างก็ออกมาเจอกันหน่อย จะได้จัดการเรื่องอื่นๆ ไปด้วยเลย”
คำพูดของโจวเม่าทำให้ไป๋เยี่ยเบิกตากว้าง
ตอนนี้ในมือของเขามีขุมทรัพย์อยู่มากมาย ทั้งสเปรย์ลิโดเคน โฟมไฮโดรคอลลอยด์ และไหมละลายพีจีเอ
สินค้าเหล่านี้แหละที่จะเข้าไปปฏิวัติตลาดการแพทย์
และด้วยความร่วมมือจากถังฮั่นและโจวเม่า ไป๋เยี่ยจึงไม่ค่อยกังวลเรื่องนี้มากนัก เขาไม่คาดคิดเลยว่าทั้งคู่จะเจรจากันไวขนาดนี้ ถังฮั่นช่างเป็นคนมีวาทศิลป์จริงๆ!
ถังฮั่นส่งคนขับรถไปรับไป๋เยี่ย ตามหลักแล้วในฐานะหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทน่าย่าก็ต้องมีคนขับคอยไปรับไปส่งอยู่แล้ว
ไป๋เยี่ยที่เอาแต่ขลุกอยู่ในโรงพยาบาลก็ได้ปลีกตนเองออกมาจากงานแสนน่าเบื่อเสียที
รถที่ขับมารับไป๋เยี่ยเป็นแค่รถไมบัค เพราะถ้าหากขับรถราคาหลายล้านหยวนเข้ามาในโรงพยาบาลอาจจะดูไม่ดีได้
ไป๋เยี่ยเดินออกมาจากโรงพยาบาลไม่ไกลนัก เพราะจงใจหลีกเลี่ยงช่วงชั่วโมงเร่งด่วนทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น
สถานที่นัดกันไว้คือคลับส่วนตัวระดับไฮเอนด์ที่มีบริการครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือสถานบันเทิง
ในห้องส่วนตัวมีคนนั่งรออยู่ราวๆ เจ็ดแปดคน ทันทีที่ไป๋เยี่ยเดินเข้ามา ถังฮั่นก็รีบลุกพรวดขึ้นทันที “ทางนี้เสี่ยวเยี่ย”
เมื่อไป๋เยี่ยนั่งลงแล้ว ถังฮั่นก็แนะนำเขาให้คนอื่นๆ รู้จัก “นี่คือไป๋เยี่ย สปอนเซอร์ที่ผมบอกทุกท่านไว้ครับ เป็นคนที่ต้องการซื้อบริษัทยาจื้อเหิงไว้ แล้วก็เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของนาย่าเช่นกัน”
ไป๋เยี่ยยิ้มกว้างพร้อมกับแสดงท่าทีนอบน้อมออกไป “สวัสดีครับคุณลุงทุกคน ขอโทษที่มาสายนะครับ ผมจะไถ่โทษโดยการดื่มแก้วนี้แล้วกัน”
พูดจบเขาก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียว
นอกจากถังฮั่นและโจวเม่าแล้ว คนอื่นๆ ก็เป็นผู้บริหารจากบริษัทจื้อเหิง ประธานบริษัทมีนามว่า ‘หลิวกว๋อรุ่ย’ เป็นชายหน้าตาสงบ มีคิ้วหนา ตาโต จมูกโด่ง และริมฝีปากหนา ดูแล้วเป็นคนจริงใจและซื่อสัตย์
ไป๋เยี่ยเคยเห็นหน้าเขาจากในภาพถ่ายมาก่อนจึงจำเขาได้
หลิวกว๋อรุ่ยรินเหล้าลงแก้วพร้อมกับยืนขึ้นต่อหน้าไป๋เยี่ย “คุณไป๋เพื่อนยาก อย่าเรียกกันว่าลุงเลย บนโต๊ะเหล้าน่ะ ไม่เกี่ยงอายุหรอกนะ มาเร็ว เรามาดื่มกันเถอะเพื่อน”
พอหลิวกว๋อรุ่ยยืนขึ้น ทุกคนก็ยืนขึ้นตามไปด้วย ก่อนจะเริ่มดื่มกันอย่างสนุกสนาน
หลิวกว๋อรุ่ยเป็นพวกรักเพื่อนพ้องมาก ว่ากันว่ากลุ่มเพื่อนที่มากับเขาก็คือกลุ่มเดียวกันกับที่เดินทางไปที่นั่นที่นี่กับเขาตลอดหลายปีมานี้
เมื่อดื่มแล้วทุกคนก็เริ่มคุยกันออกรสมากขึ้น หลิวกว๋อรุ่ยบอกว่าชาวจีนอย่างพวกเรามักจะชอบคุยเรื่องธุรกิจที่โต๊ะเหล้าเพราะอยากให้ธุรกิจมีมนุษยธรรมมากขึ้น บางเรื่องเราก็ต้องหัดเรียนรู้จากชาวต่างชาติ แต่ชาวต่างชาติย่อมไม่มีวันเรียนรู้ธรรมเนียมบนโต๊ะเหล้าแน่นอน
หลังจากที่ดื่มและพูดคุยกันมาสักพักแล้ว หลิวกว๋อรุ่ยก็โอบคอไป๋เยี่ยและหันมาพูดกับเขาด้วยท่าทีจริงจัง “ไป๋เพื่อนยาก สิ่งที่ฉันไม่กลัวเลยไม่ใช่ไม่ความยากจนหรอกนะ แต่กลัวเพื่อนๆ ไม่มีจะกินมากกว่า เพื่อนยากพวกนี้เป็นคนเก่งที่ทำงานในแวดวงนี้มาหลายปีแล้ว ไป๋เพื่อนยาก ถ้าขาดคนก็ชวนพวกเขาไปได้นะ ถ้าใช้ไม่ได้ก็แค่เปลี่ยนคนเท่านั้นเอง”
ไป๋เยี่ยเองก็เริ่มเมาเหมือนกัน “ได้สิ ไปไหนไปกัน!”
หลิวกว๋อรุ่ยหัวเราะ “ดีมากเพื่อนยาก มา ชนแก้วกัน”
เช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋เยี่ยไม่ได้ไปที่โรงพยาบาล แต่กลับตรงไปที่บริษัทของหลิวกว๋อรุ่ยพร้อมกับถังฮั่นและโจวเม่า หน้าประตูมีรถหรูจอดเทียบอยู่หลายคัน ปรากฏว่าจู่ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาล้อมหลิวกว๋อรุ่ยไว้
“เหล่าหลิว ผมไม่ได้จะว่าอะไรนะ แต่เหล่าหยางก็ถามคุณแล้วว่ามียอดค้างชำระตอนไหน ถ้ามีปัญหาอะไรก็น่าจะแจ้งนะครับ พวกผมจะได้จัดการซะให้เสร็จ ผมไม่น่าเชื่อคุณเลย หลิวกว๋อรุ่ย!”
“ใช่แล้ว เหล่าหลิว การที่บริษัทของคุณเจอทางตันนี่ไม่ใช่เรื่องปกติเหรอครับ อีกหน่อยก็ล้มละลายแล้ว ทำไมถึงคิดจะขายไปซะดื้อๆ ล่ะ”
“ใช่ พวกผมเพิ่งจะได้ข่าวเลยมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีอะไรก็บอกมาเลย ไม่ต้องเก็บทรงขนาดนั้นหรอก”
ไป๋เยี่ยได้ยินสิ่งที่คนพวกนี้คุยกันทั้งหมด คนพวกนี้เคือซัพพลายเออร์และคู่ค้าของบริษัทยาจื้อเหิงนั่นเอง พวกเขารีบมาที่นี่ก็เพราะได้ยินมาว่าหลิวกว๋อรุ่ยต้องการขายบริษัททิ้ง
หลิวกว๋อรุ่ยมองไปรอบๆ ก่อนจะหันไปมองถังฮั่น ไป๋เยี่ย และโจวเม่าด้วยสีหน้าประหม่าเล็กน้อยแล้วยิ้มออกมา “ไม่ใช่แล้วทุกคน คนพวกนี้เป็นเพื่อนของบริษัทจื้อเหิง เป็นเพื่อนของผมเองน่ะ”
ถังฮั่นส่ายหัว “ประธานหลิวเป็นคนดีมากครับ คนจะล้มเราไม่ควรข้ามนะครับ!”
หลิวกว๋อรุ่ยจึงชวนผู้คนเหล่านั้นเข้ามานั่งคุยกันในห้องประชุม หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว หลิวกว๋อรุ่ยก็เปิดประเด็นขึ้นมาทันที
“ผมเข้าใจเจตนาของทุกคนดี แต่พูดตามตรง ที่ตอนนี้บริษัทจื้อเหิงที่เคยได้รับความนิยมอย่างล้นหลามกำลังตกต่ำลงเรื่อยๆ ก็เป็นเพราะผมนี่แหละ”
“ตลาดการแพทย์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทั้งมาตรฐาน เทคโนโลยี ความเข้มงวดต่างๆ คือความสามารถที่ควรจะมีในการแข่งขัน ผมเป็นคนชิลล์ๆ เลยบริหารจื้อเหิงให้ดีไม่ได้ไงล่ะ ทุกวันนี้ที่จื้อเหิงยังไม่เจ๊งก็เพราะทุกคนนั่นแหละ”
“เรื่องที่จะขายบริษัทให้ประธานไป๋ ผมก็ได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว พวกคุณก็คงยังไม่รู้ว่าประธานไป๋ทำอะไรไว้บ้าง แต่เชื่อเถอะ ถ้าพวกคุณได้เห็นจะต้องแปลกใจแน่”
พูดจบ หลิวกว๋อรุ่ยก็เล่าสิ่งที่ไป๋เยี่ยเคยทำมาให้ทุกคนฟัง ทำเอาทุกคนในห้องต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน
ต่างวิชาชีพก็ย่อมมีความเข้าใจที่ต่างกัน ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนเลยว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะมีความสามารถและประสบความสำเร็จมามากมายขนาดนี้
หลี่หว๋อรุ่ยเสริม “ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เยี่ยยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของบริษัทน่าย่า ซึ่งหลังจากที่เขาซื้อบริษัทจื้อเหิงไป เขาก็จะเป็นผู้ถือหุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนคุณถังและผอ.โจวจะถือหุ้นกันคนละสิบเปอร์เซ็นต์”
“ทุกคนในที่นี้น่าจะเคยได้ยินชื่อคุณโจวเม่ามากันหมดแล้ว ส่วนคุณถังฮั่นก็คงไม่ต้องแนะนำอะไรแล้วมั้ง ใครจะไม่รู้จักชื่อประธานบริษัทชื่อดังในปักกิ่งบ้าง”
“ถ้าได้พวกเขาเข้ามาเป็นผู้บริหาร ผมคิดว่าบริษัทจื้อเหิงก็คงไปต่อได้อีกไกล ที่ผมไม่ยอมขายมันสักทีก็เพราะผมอยากได้คนมาสานต่อที่เหมาะสมไงล่ะ”
เช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋เยี่ยและหลี่กว๋อรุ่ยก็เซ็นสัญญาซื้อขายกัน บริษัทยาจื้อเหิงถูกขายไปในราคาสามร้อยล้านหยวน โดยไป๋เยี่ยจะเป็นผู้ออกทุนสองร้อยสี่สิบล้านหยวน เพื่อที่จะรับสิทธิ์ถือหุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนถังฮั่นและโจวเม่าจ่ายคนละสามสิบล้านหยวน และถือหุ้นกันคนละสิบเปอร์เซ็นต์
แน่นอนว่าไป๋เยี่ยเองก็ไม่ได้มีเงินสดมากขนาดนั้น แต่เขาต้องจ่ายเงินจำนวนสามร้อยล้านหยวนนี้ในรูปแบบของเงินสด เพราะว่าบริษัทจื้อเหิงก็ยังมีหนี้ที่ค้างชำระอยู่จำนวนมาก
แม้ว่าจะมีหุ้นของบริษัทน่าย่า แต่เงินสามร้อยล้านหยวนก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ ทว่าก็ยังมีถังฮั่นที่พอเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้อยู่ เขาจึงใช้หุ้นของน่าย่าเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากธนาคาร
อันที่จริงถังฮั่นคิดไว้หมดแล้ว สาเหตุที่เขาต้องการหุ้นเพียงแค่สิบเปอร์เซ็นต์และช่วยไป๋เยี่ยซื้อบริษัทนี้ไว้ก็เพราะเขาสนใจในตัวไป๋เยี่ย
นี่คือเรือลำใหญ่ ในขณะที่บริษัทจื้อเหิงเป็นเพียงธารน้ำเล็กๆ ถึงตอนนั้นแล้วไป๋เยี่ยจะต้องสร้างคลื่นยักษ์ในมหาสมุทรได้อย่างแน่นอน
แต่สำหรับถังฮั่นแล้ว เขาก็แค่ต้องการความช่วยเหลือจากไป๋เยี่ยเมื่อถึงเวลาอันสมควร