สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 225 คำสั่งฉุกเฉิน (1)
บทที่ 225 คำสั่งฉุกเฉิน (1)
เอกสารจำนวนมากของไป๋เยี่ยอยู่ในหอพัก เขาจำเป็นต้องกรอกเอกสารรับตำแหน่งอีกมากมาย อย่างเช่น ประวัติอาชญากรรมและข้อมูลส่วนตัว
เมื่อไป๋เยี่ยกลับมาถึงหอพัก เขาก็เห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พวกเขามีท่าทีประหลาดใจเมื่อเห็นไป๋เยี่ยกลับมา
“ฮีโร่กลับมาแล้ว! ยินดีต้อนรับกลับ!” หยางเผิงเหว่ยยิ้ม
“ไป๋เยี่ย นายดังมากที่ญี่ปุ่น สุดยอดจริงๆ มีคลิปนายเต็มอินเทอร์เน็ตเลย นายกลายเป็นฮีโร่ของประเทศเรา แถมยังทำพวกญี่ปุ่นขายหน้าได้ด้วย โคตรเจ๋ง!”
หยางเผิงเหว่ยดึงไป๋เยี่ยเข้ามาด้วยท่าทีตื่นเต้น “เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ ขอแบบละเอียดๆ นะ!”
ไป๋เยี่ยยิ้ม เมื่อเร็วๆ นี้มีหลายอย่างผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา ทำเอาสภาพจิตใจเขาตึงเครียดและไม่ผ่อนคลายเอาเสียเลย ทว่าเมื่อได้กลับมาที่หอพักเขาก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย
“เที่ยงนี้ว่างกันไหม เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าว” ไป๋เยี่ยกล่าวทั้งรอยยิ้ม
หยางเฉาพยักหนา “ได้สิ มีเศรษฐีเลี้ยงทั้งที! ว่าแต่เสี่ยวเยี่ย รางวัลผลงานดีเด่นได้เงินรางวัลเท่าไหร่เหรอ”
ไป๋เยี่ยชะงัก เขาไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยเพราะมัวแต่มุ่งความสนใจไปที่รางวัลผลงานดีเด่นจนไม่ได้สนใจเรื่องเงินรางวัล
รางวัลระดับโลกเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีมูลค่าหลายหมื่น หรือหลายแสนดอลลาร์ ซึ่งถือว่าไม่มากนัก แม้แต่รางวัลโนเบลยังได้เงินรางวัลไม่เยอะเลย ไม่ต้องพูดถึงรางวัลผลงานดีเด่นหรอก
ไหนจะเรื่องการมอบรางวัลยังมาถูกเลื่อนออกไปเพราะไอดะ ทามะอีก
ไป๋เยี่ยตอบ “การมอบรางวัลถูกเลื่อนออกไปน่ะ ฉันไม่ได้เงินรางวัลอะไรหรอก ไม่สนใจด้วยว่าจะได้เท่าไหร่”
หยางเผิงเหว่ยคว้าโทรศัพท์ของเขาขึ้นมา “เฮ้ย! พวกนายรู้ไหมว่าจริงๆ รางวัลผลงานดีเด่นนี่มีมูลค่าไม่น้อยเลย มันเป็นรางวัลที่สะสมเงินรางวัลต่อไปเรื่อยๆ เป็นเงินบริจาคจากมรดกของชายที่ร่ำรวยที่สุดในบราซิล หลังจากเขาตายไปจะจ่ายดอกเบี้ยให้กับรางวัลผลงานดีเด่นนี้ทุกปี ที่พิเศษคือถ้าปีไหนไม่มีใครได้รางวัล จำนวนเงินรางวัลก็จะถูกสะสมต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนได้รางวัล”
“ตอนนี้รางวัลผลงานดีเด่นถูกเก็บมาห้าปีแล้ว ฉันลองคำนวณดู ตอนนี้เงินรางวัลมีมูลค่าสูงถึงสามล้านดอลลาร์สหรัฐแน่ะ!”
หยางเผิงเหว่ยคิดแล้วก็ตื่นเต้น “พระเจ้า นั่นมันเกือบยี่สิบล้านหยวนเลยนะ ไป๋เยี่ย พี่เยี่ย ฉันอยากกินของอร่อยๆ จังเลย!”
หยางเฉาได้ยินก็พลันเบิกตากว้างตามไปด้วย “โห ตั้งยี่สิบล้านมันเยอะขนาดไหนกันเชียว ทำงานเป็นหมอทั้งชีวิตก็คงหาไม่ได้หรอก!”
มีเพียงเหอเสี่ยวหมิงที่เงียบ ตั้งแต่ไป๋เยี่ยเดินเข้ามา เขาก็รู้สึกอึดอัดใจมาก เขามองไป๋เยี่ยเป็นคู่แข่งมาโดยตลอด คิดว่าทุกวันนี้ที่ไป๋เยี่ยเดินมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะเส้นสาย ไหนจะมีที่ปรึกษาเป็นผู้อำนวยการอีก เขาได้แต่คิดว่าตนเทียบเคียงไป๋เยี่ยได้เสมอ
ตั้งแต่เขาได้ข่าวว่าไป๋เยี่ยได้รับรางวัล ใจก็ไม่เป็นสุขอีกเลย จนต่อมาการมอบรางวัลถูกเลื่อนออกไป เขาก็ค่อยรู้สึกยินดีขึ้นมาหน่อย
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากให้ชาวญี่ปุ่นได้รับรางวัลนี้ก็ตาม แต่พอเห็นว่าคนที่ได้รับรางวัลคือไป๋เยี่ยก็ดันรู้สึกอึดอัดขึ้นมา บางทีถ้าคนที่ได้รางวัลคือพานเซี่ยงเหนียนไม่ก็หลี่มู่หยาง เขาอาจจะมีความสุขกว่านี้ก็ได้ อย่างน้อยเขาก็รู้ตัวว่าตนเองยังห่างชั้นกับคนพวกนั้นอยู่มาก เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะได้รับมัน
ไป๋เยี่ยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไรหรอกน่า ช้าเร็วรางวัลนี้ก็เป็นของพวกเราอยู่ดี ไว้ไปรับมันมาเมื่อไหร่จะเอากลับมาให้พวกนายลูบๆ ดูด้วย!”
“วันนี้ฉันเลี้ยงมื้อเที่ยงเอง ถือว่าเป็นการฉลองชัยชนะล่วงหน้า อาหารญี่ปุ่นรสชาติห่วยแตกมาก อาหารบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ!”
บรรยากาศภายในหอพักครึกครื้นขึ้นมาทันใด ไป๋เยี่ยพอจะเดาความคิดของเหอเสี่ยวหมิงออก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป อย่างไรเสียเรื่องบางเรื่องพูดไปก็ไม่มีประโยชน์
ยังพอมีเวลาอยู่ ไป๋เยี่ยจึงหยิบเอกสารขึ้นมากรอกข้อมูล จะได้ส่งเอกสารไปตั้งแต่เช้า
ระหว่างที่หยางเฉากำลังก้าวขาออกนอกประตู เขาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นไป๋เยี่ยกำลังกรอกแบบฟอร์มประวัติอาชญากรรมอยู่ “เสี่ยวเยี่ยกรอกอะไรอยู่เหรอ ประวัติอาชญากรรม? นายคิดจะทำอะไรกันแน่”
ไป๋เยี่ยตอบส่งๆ “หน่วยของฉันกำลังรับสมัครคนน่ะ เลยต้องกรอก”
คำพูดของไป๋เยี่ยทำให้ภายในหอพักกลับมาฮือฮาอีกครั้ง การรับสมัครของโรงพยาบาลย่อมเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของทุกคน ทำไมพวกเขาถึงไม่รู้ข่าวใหญ่เช่นนี้
เหอเสี่ยวหมิงโพล่งขึ้นมาทันที “หา รับสมัคร สาขาอะไร ทำไมฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง”
ไป๋เยี่ยชะงัก “ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดเหมือนกัน บนเว็บไม่มีบอกเหรอ”
เหอเสี่ยวหมิงรีบเข้าหน้าเว็บไซต์ทางการ เขาตั้งใจอ่านทุกบรรทัดอย่างละเอียดก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ ไม่เห็นมีรับสมัครคนมาเป็นหมอเลย มีแต่รับสมัครนักศึกษาสาขากระดูกและข้อ โรคปอด…ศัลยกรรมประสาท แล้วก็วารสารโรงพยาบาล กองบรรณาธิการยังขาดตำแหน่งหัวหน้าบรรณาธิการ มีเงินเดือนต่อปีเริ่มต้นที่ห้าแสนหยวน แถมยังมีหอพักให้ด้วย น่าอิจฉาจริงๆ”
เหอเสี่ยวหมิงพูดจบก็ยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ เขาเดาว่าผู้อำนวยการคงจะแอบสร้างชื่อให้ไป๋เยี่ยแน่ๆ นี่เพิ่งจะปีแรกของการเรียนปริญญาโท เขาเคยคิดว่าถ้าไป๋เยี่ยเรียนไปอีกสามปีคงจะได้ทำงานในโรงพยาบาล แต่นี่เขากลับมีหลักมีแหล่งตั้งแต่ตอนนี้
เหอเสี่ยวหมิงถามอย่างรีบเร่ง “ไป๋เยี่ย ผอ.จะให้นายอยู่ตำแหน่งอะไร”
ไป๋เยี่ยหยิบจดหมายรับสมัครออกมา “หัวหน้าบรรณาธิการของวารสาร ‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีฮือฮา!
“หัวหน้าบรรณาธิการ? ฉ…ฉัน…ฉันมึนไปหมดแล้ว” หยางเฉายกมือขึ้นกุมหน้าผากด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
หยางเผิงเหว่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เอาว่ะ ไป๋เยี่ย! พี่เยี่ย นายกลายเป็นผู้นำของวงการแล้ว! เงินเดือนต่อปีเริ่มต้นที่ห้าแสนหยวน ไหนจะบ้านสามห้อง หนึ่งห้องนั่งเล่นอีก”
เหอเสี่ยวหมิงยืนนิ่งไม่พูดไม่จา ทั้งหมดนั้นเกินความคาดหมายของเขาไปมาก มากเสียจนเขารู้สึกว่าตนเองช่างน่าขันเหลือเกิน
เขายังมองไป๋เยี่ยเป็นคู่แข่งของเขาอยู่ เขากังวลว่าไป๋เยี่จะมาแย่งที่ของเขา แต่ใครจะไปคิดว่าไป๋เยี่ยจะได้รับตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าแล้ว!
แต่หากลองคิดดูให้ถี่ถ้วนแล้ว เขาควรค่าแก่การนำตนเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ได้เข้าร่วมการประชุมระดับนานาชาติ มีความสามารถโดดเด่นจนสร้างเกียรติยศให้กับประเทศได้ เสนอทฤษฎีล้ำยุคออกมาได้ จนทำให้ประเทศจีนได้รับรางวัลผลงานดีเด่นจริงเหรอ
ตั้งแต่เด็กจนโต เหอเสี่ยวหมิงก็เป็นคนเก่งมีความสามารถมาโดยตลอด ตรงตามแบบฉบับ ‘ลูกบ้านนั้น’ ไม่มีผิด เขาเดินบนเส้นทางอันราบรื่นมาจนถึงวันนี้ ดังนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับไป๋เยี่ย เขาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย เขาจึงแอบมองไป๋เยี่ยเป็นคู่แข่งมาโดยตลอด ทั้งยังคิดว่าไป๋เยี่ยก็น่าจะมองตนเป็นคู่แข่งเช่นกัน จนกระทั่งวันนี้ เขากลับตระหนักได้ว่าตนคงคิดมากเกินไป…ดฮณ๊ฯดฯฌซ
เขาไม่ใช่คู่แข่งของไป๋เยี่ยเลยสักนิด!
เหอเสี่ยวหมิงครุ่นคิดกับตนเองอยู่สักพัก จนพอกระจ่างขึ้นบ้างแล้วพลันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย แม้ว่าภายในใจจะมีความผิดหวังแฝงอยู่ก็ตาม
ตอนเที่ยง ทุกคนไปที่ร้านอาหารดีๆ สั่งอาหารจานพิเศษมามากมาย ทั้งสี่คนสั่งเหล้าเหมาไถมาดื่มกันจนเริ่มเมา โชคดีที่ตอนบ่ายไม่มีธุระอะไร จึงกลับไปพักผ่อนกันได้
เช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋เยี่ยก็ตื่นขึ้นมาเก็บข้าวของเตรียมจะออกจากหอพัก ได้เวลากลับสู่ ‘ชีวิตประจำวัน’ แล้ว
สำหรับเขา เวลาล้วนมีค่า จะใช้อย่างสูญเปล่าไม่ได้