สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 269 แม้จะมันจะทำร้ายปอด แต่ก็ไม่ทำร้ายหัวใจ
บทที่ 269 แม้จะมันจะทำร้ายปอด แต่ก็ไม่ทำร้ายหัวใจ
สภาพอากาศที่ผิดปกติทำให้ทุกคนในเมียนมาไม่ได้เตรียมรับมือกับฤดูหนาว หากกล่าวตามตรงก็คงบอกได้ว่าหิมะและน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกนี้ทำให้สถานการณ์แผ่นดินไหวเลวร้ายยิ่งไปกว่าเดิม
เหตุการณ์หิมะตกหนักที่เมียนมาเมื่อไม่นานมานี้ดึงดูดความสนใจของผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการหลายคนที่เชื่อว่านี่เป็นเหตุการณ์สุดผิดแปลก
และแผ่นดินไหวที่เกิดตามมาก็ช่วยยืนยันสมมติฐานมากมาย
ที่นี่อยู่ใกล้กับเกาะไห่หนาน ตลอดทั้งปีแทบจะมีแต่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เดิมทีผู้คนจะสวมกางเกงขาสั้นและเดินเล่นบนชายหาด ไม่มีใครคิดว่าวันหนึ่งจะมีหิมะตกจริงๆ
พูดตามตรง ผู้คนที่นี่ไม่ค่อยมีเสื้อผ้าหนาๆ ติดบ้านไว้ จึงไม่แปลกใจที่จะหนาวตาย
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ไป๋เยี่ยต้องเจอกับผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่หนาวตายอยู่ในซากปรักหักพัง
ภัยพิบัติทางธรรมชาติในประเทศเมียนมาดึงดูดความสนใจของผู้คนทั่วโลก สถาบันและองค์กรจำนวนมาก ตัวอย่างเช่นองค์การอนามัยโลกและสภากาชาดก็เริ่มระดมทุน ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกก็คอยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตลอด
ประเทศเมียนมามีกองทัพที่เข้ามาแทรกแซงอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของกองทัพที่แสนเข้มงวดด้วย
กองทัพเข้ามาให้ความช่วยเหลือเร็วมาก แต่ในขณะเดียวกันความกดดันต่อไป๋เยี่ยและคนอื่นๆ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อุณหภูมิเริ่มลดลงอีกแล้ว เกล็ดหิมะเริ่มปลิวว่อนไปทั่วผืนฟ้า การรักษาความอบอุ่นภายในฐานทำการจึงเริ่มกลายเป็นปัญหาใหญ่
หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ระบบไฟฟ้าก็ถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง เครื่องปั่นไฟหลายเครื่องที่ถูกส่งไปล้วนถูกใช้เพื่อรักษาสภาพการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ หาใช่เพื่อรักษาความอบอุ่น
ถึงอย่างนั้น อุณหภูมิในห้องผ่าตัดก็จำเป็นต้องอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ความร้อนจากอุปกรณ์ไฟฟ้าจึงพอจะช่วยได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่จะจัดสถานที่ให้ทุกคนได้พักผ่อนหรือนอนหลับได้เลย ตอนแรกทุกคนนอนแยกกันโดยสวมแจ็กเก็ตหนาๆ แล้วห่มผ้านวมหนาๆ
ทว่าหลังจากนั้นทุกคนก็ค่อยๆ ตระหนักได้ว่ามันไม่ได้ผล ลมข้างนอกหนาวจัด ผสมกับลมทะเลที่พัดมา ราวกับว่าจะเกิดพายุไต้ฝุ่นทุกเมื่อ
หลังจากพูดคุยกันแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนในเต็นท์ พวกเขาใช้เต็นท์สามชั้นที่น่าจะพอสกัดกั้นความหนาวเย็นจากข้างนอกได้บ้าง โดยพยายามเบียดกันเข้ามาไม่ให้หนาวเกินไป
ผู้บาดเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าพลังงานของทีมแพทย์แต่ละคนกลับค่อยๆ หมดลง
ไป๋เยี่ยแทบจะกลายเป็นเครื่องจักรที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หลังจากผ่าตัดเคสกระดูกหักเสร็จแล้ว เขาก็รับช่วงต่องานของแพทย์คนอื่นทันที
เขาทั้งพันแผล เย็บแผล ขูดเนื้อตายและล้างแผล!
นอกจากนี้เขายังเป็นคนฉีดยา มอนิเตอร์และปฐมพยาบาลทั้งหมดด้วย!
ทุกคนล้วนเจอไป๋เยี่ยได้ทุกที่ในฐานรักษาพยาบาล เขาตื่นเช้าที่สุด และเข้านอนเป็นคนสุดท้าย
แต่หลังจากผ่านไปราวๆ หนึ่งหรือสองชั่วโมง ไป๋เยี่ยก็ลุกขึ้นไปทำงานอย่างกระตือรือร้นทันที
ทุกคนเห็นสิ่งที่เขาทำทั้งหมด ทำให้สายตาที่จ้าวหู่ชิวมองไป๋เยี่ยค่อยๆ เปลี่ยนไป
เดิมทีจ้าวหู่ชิวแค่การเคารพไป๋เยี่ยในฐานะที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ทว่าตอนนี้เขากลับชื่นชมไป๋เยี่ยจากใจจริง
จ้าวหู่ชิวและไป๋เยี่ยพักอยู่ด้วยกัน ทำให้เขาเป็นคนที่คุ้นชินกับการกระทำของไป๋เยี่ยมากที่สุด
ทุกๆ วัน เมื่อด้านนอกมีความเคลื่อนไหวใดๆ ไป๋เยี่ยก็จะลุกขึ้นก่อนคนอื่นเสมอ แม้ว่าจะเร็วกว่าจ้าวหู่ชิวไม่กี่นาทีก็ตาม
บางทีเขาอาจจะไม่ได้นอนก็ได้ เขาอาจจะแค่พักสายตาเฉยๆ
จ้าวหู่ชิวได้แต่คาดเดา
ตอนนี้ไป๋เยี่ยพักผ่อนไม่ได้ ภายในระยะเวลาแค่สามวัน ไป๋เยี่ยได้ทำชีวิตของผู้คนสูญเสียไปนับหลายสิบชีวิตแล้ว
ส่วนใหญ่เกิดจากการไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แต่จะให้ทำอย่างไรได้
ทุกวันมีคนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ไป๋เยี่ยดูแลทุกคนไม่ได้ แม้ว่าจะอุทิศแรงทั้งหมดของเขาก็ตาม!
การพักผ่อนน่ะหรือ
ไป๋เยี่ยคิดว่าคำนี้คือปีศาจร้าย! เพราะทุกนาทีที่เขาพักผ่อนก็อาจจะต้องสูญเสียชีวิตใดชีวิตหนึ่งไป
ไป๋เยี่ยมีความเชี่ยวชาญในระดับสูงสุด แต่อย่างไรเขาก็เป็นคนหนุ่มที่เพิ่งมาทำงานที่โรงพยาบาล จึงไม่ค่อยได้พบเจอกับความสูญเสียมากนัก
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังต้องเฝ้าดูการจากลากับตาอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อนึกถึงคนเหล่านั้นแล้ว ไป๋เยี่ยไม่ได้สนว่าตนจะนอนหลับลงหรือไม่แล้ว เขาหวังว่าตนจะยืนผ่าตัดได้โดยไม่ต้องกิน ดื่มหรือขับถ่ายได้มากกว่า
ไม่เพียงแค่ไป๋เยี่ยเท่านั้น วันที่สามหลังจากมาถึงที่นี่ หลีจื่อเหยียนก็ดันเป็นลมหมดสติไปเสียดื้อๆ เนื่องจากเธอมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ
ขอบตาของหลิวเสี่ยวกังเริ่มบวมแดง ส่วนซ่งเจี๋ยก็มีอาการเหม่อระหว่างรับประทานอาหาร
ขณะนี้ในฐานรักษาพยาบาลมีผู้บาดเจ็บกว่าสองร้อยราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่กำลังพักฟื้น
สารอาหารกลายเป็นปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่ง เนื่องจากผู้บาดเจ็บเสียเลือดมากและมีภูมิคุ้มกันต่ำ
นอกจากนี้ การให้ความอบอุ่นในสถานที่พักฟื้นก็มีความสำคัญไม่ต่างกัน และเพื่อป้องกันการติดเชื้อ หลี่หมิงจึงออกกฎระเบียบ ไม่อนุญาตให้แพทย์เข้าออกจากสถานที่พักฟื้นตามใจชอบ
ช่วงเวลาคับขันนี้กลายเป็นช่วงเวลาวิกฤต ตอนนี้แม้แต่น้ำร้อนก็กลายเป็นปัญหาได้
แต่ทุกคนก็ต้องล้างมือ!
มาตรการดำเนินการผ่าตัดโดยปลอดเชื้อเข้มงวดมาก เพราะในสถานการณ์ดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมาก จะไม่ล้างมือได้อย่างไร
ทว่าน้ำที่เย็นจัดก็ทำให้รู้สึกหนาวจับขั้วหัวใจ!
คนเพียงสิบคนในฐานต้องรับผิดชอบชีวิตประจำวันของคนเกือบสองร้อยคน พวกเขาจึงวุ่นวายอย่างยิ่ง
คืนวันที่ยี่สิบเก้า กว่าจะรักษาผู้ป่วยเสร็จก็เป็นเวลาตีสามแล้ว ไป๋เยี่ยยืนพิงราวบันไดพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามวิกาลอันมืดมิดพลันรู้สึกอยากสูบบุหรี่ขึ้นมา
ไป๋เยี่ยไม่ใช่คนติดบุหรี่ ทว่าตอนนี้เขากลับอยากสูบบุหรี่เหลือเกิน จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็นึกถึงคำพูดตลกบนอินเทอร์เน็ต ‘ที่คนเราสูบบุหรี่ ก็เพราะว่ามันทำร้ายปอดของเรา ไม่ได้ทำร้ายหัวใจ’
จู่ๆ หลี่หมิงก็เดินเข้ามายื่นบุหรี่ให้ไป๋เยี่ย ไป๋เยี่ยมองกลับไปยังอีกฝ่ายอย่างสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม “ผอ.หลี่?”
หลี่หมิงกล่าวอย่างมีนัย “สูบให้สดชื่นพอ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าพลางรับบุหรี่มาก่อนจะกล่าวขอบคุณ
หลี่หมิงเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ ไป๋เยี่ย “เมื่อก่อนผมก็ไม่สูบบุหรี่ แต่หลังจากแม่ของจื่อเหยียนจากไป ผมก็เป็นซึมเศร้าอยู่กว่าครึ่งปี ไม่มีคืนไหนที่ผมหลับลงเลย จากนั้นผมก็กลายเป็นคนติดบุหรี่ซะได้”
ไป๋เยี่ยฟังหลี่หมิงเสียงอันแหบแห้งของหลี่หมิง ที่แท้ชายศีรษะโล้นตรงหน้าก็มีอดีตแบบนี้เหมือนกัน
คนเราย่อมไม่ตัดสินชีวิตใครจากรูปลักษณ์
รองผู้อำนวยการวัยกลางคนผู้นี้เองก็เคยมีช่วงวัยอันรุ่งโรจน์ ชื่อเสียงของเขาเมื่อตอนไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ซินเจียงก็โด่งดังไปทั่วโรงพยาบาล
หลี่หมิงสูบบุหรี่แล้วก็หันมายิ้มอย่างขมขื่น “ผมไม่ให้คุณแล้วนะ ผมเอาติดมือมาไม่เยอะ!”
พูดจบหลี่หมิงก็ลุกขึ้นแล้วตบฝุ่นผงที่ติดตามร่างออกก่อนจะเดินออกไปทันที ทว่าเขาก็ยังคงหันหลังกลับมาทิ้งท้าย “คุณต้องพักผ่อน”
ไป๋เยี่ยส่ายหัวพลางยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรครับ ปกติก็ไม่ค่อยได้นอนอยู่แล้ว”
หลี่หมิงขมวดคิ้ว เขาสูดหายใจเข้าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เห็นเพียงไอจากลมหายใจของเขาที่ลอยขึ้นไปในอากาศ ไม่นานนักหลี่หมิงก็เดินเข้ามาตบไหล่ไป๋เยี่ย “เห็นอากาศนี่ไหม ให้ตายเถอะ สงครามครั้งนี้มันยืดเยื้อจริงๆ เลย สิ่งสำคัญสุดคือต้องดูแลสุขภาพของตัวเองนะ”
ไป๋เยี่ยยิ้มและพยักหน้ารับ
เมื่อเห็นท่าทีของไป๋เยี่ย หลี่หมิงก็ถอนหายใจและเดินผ่านห้องผ่าตัดเข้าไปในเต็นท์