สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 271 วันส่งท้ายปีเก่า
บทที่ 271 วันส่งท้ายปีเก่า
หลังจากที่ไป๋เยี่ยเตรียมอุปกรณ์ผ่าตัดที่จำเป็นแล้ว เขาก็พบว่ายังขาดหลายอย่างไป ยาชาก็หมดแล้ว ผ้าก๊อซปลอดเชื้อก็ไม่มีเหลืออยู่เลย…
ทีนี้จะทำไงดีล่ะ
ไป๋เยี่ยเลื่อนสายตาไปยังหัวหน้าทหารที่เสียเลือดมากจนใบหน้าซีดเซียว “อดทนไว้นะครับ ตอนนี้เราไม่มียาชาแล้ว อาจจะเจ็บหน่อยนะ”
ชายคนนั้นยังคงฝืนยิ้มด้วยความเจ็บปวด เขาได้แต่นอนบนเตียงนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยปาก “ไม่ต้องห่วงครับหมอไป๋ ผมไม่เจ็บหรอก!”
ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยและทหารก็เริ่มคุ้นเคยกับทีมแพทย์บ้างแล้ว อีกทั้งไป๋เยี่ยยังสร้างความประทับใจอันลึกซึ้งไว้ให้กับพวกเขาด้วย เพราะผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่มักจะถูกส่งมาให้เขารักษา เรียกได้ว่าเขาแทบจะอยู่ที่เตียงผ่าตัดตลอดเวลา
ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เยี่ยยังมีความเชี่ยวชาญมาก วิธีการรักษาของเขาใช้เวลาไม่นานและมีประสิทธิภาพทำให้ช่วยชีวิตผู้คนไว้ได้มากมาย
ตอนนี้ไป๋เยี่ยกลายเป็นบุคคลสูงส่งในดวงใจของผู้คนในเมือง พวกเขาให้ความเคารพต่อไป๋เยี่ยมาก
เป็นเรื่องยากที่แพทย์จากประเทศจีนจะมาถึงจุดนี้ได้
ไป๋เยี่ยอดชื่นชมชายตรงหน้าไม่ได้ เขากัดฟันแน่นโดยไม่ส่งเสียงร้องใดๆ แต่ถึงกระนั้นหลังจากผ่าตัดเสร็จ ตอนที่เขาส่งยิ้มให้ไป๋เยี่ยก็เห็นได้ชัดว่าฟันของเขานั้นเต็มไปด้วยเลือด…
หลังจากจัดที่พักฟื้นให้หัวหน้าทหารแล้ว ไป๋เยี่ยก็ไปทำแผลและเย็บแผลให้ผู้บาดเจ็บคนอื่น ยังมีบางคนที่ต้องทำกายภาพบำบัดเนื่องจากกระดูกหักเล็กน้อยด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ไป๋เยี่ยถนัดอยู่แล้ว
เมื่อไป๋เยี่ยรักษาผู้บาดเจ็บไปจำนวนหนึ่งแล้ว เขาก็นั่งยองๆ กับพื้นพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ ทันทีที่เขาเดินออกมาจากเต็นท์ แสงสว่างก็สาดเข้ามายังม่านตาของเขา
เขายกข้อมือขึ้นดูเวลา สิบเอ็ดโมงแล้ว!
ตั้งแต่เวลาประมาณตีห้าจนถึงตอนนี้ ไป๋เยี่ยยืนประจำเตียงผ่าตัดโดยไม่หยุดพักมาตลอดหกชั่วโมง
เขาไม่ได้นอนมาเกือบสี่สิบชั่วโมงแล้ว
ครั้งสุดท้ายที่เขาได้พักผ่อนคือวันก่อนที่ได้นอนสองชั่วโมง
หิมะไม่ตกแล้ว ทว่าลมหนาวกลับพัดพากลิ่นอายของท้องทะเลมาด้วย ทำเอาไป๋เยี่ยตัวสั่นระริก
หนาวชะมัด!
เมื่อคืนเขาเหนื่อยมากจริงๆ ไม่มีใครตื่นขึ้นมาเลย หลังจากที่ไป๋เยี่ยทำแผลให้ผู้บาดเจ็บทุกคนเสร็จแล้ว หลี่หมิงและคนอื่นๆ ถึงค่อยๆ ตื่นขึ้นมาทีละคน
เมื่อเจ้าหน้าที่และทหารกว่าสามสิบคนเห็นว่าคนอื่นตื่นแล้วก็เข้ามาบอกไป๋เยี่ยว่า “หมอไป๋ไปนอนเถอะครับ คุณไม่ได้นอนมานานแล้วนะ”
“นั่นน่ะสิ ตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้คุณไม่ได้นอนเลยนะ!”
คำพูดของเจ้าหน้าที่และทหารเหล่านี้ทำให้ผู้บาดเจ็บคนอื่นๆ เริ่มเข้ามาผสมโรงด้วย “หมอไป๋ไปงีบก่อนเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”
เด็กหญิงตัวน้อยที่ไป๋เยี่ยช่วยไว้ก็เริ่มร้องไห้ “อาไป๋เหนื่อยเกินไปแล้ว พักได้แล้ว”
ไป๋เยี่ยได้แต่ยิ้มก่อนจะส่ายหัวโดยไม่พูดอะไร
หลีจื่อเหยียนมองไป๋เยี่ยด้วยความนับถือ เขาคือคนที่ควรค่าแก่การเคารพจริงๆ
ไป๋เยี่ยเดินไปหาหลี่หมิงและกระซิบเบาๆ “ผอ.ครับ ยาชาหมดแล้ว เลือดในคลังก็เหลือไม่เยอะแล้วด้วย ถึงเราจะยังมียาต้านแบคทีเรียกับยาแก้อักเสบอยู่ แต่ก็เหลือน้อยมากแล้วครับ ส่วนผ้าก็อซก็…ก็…เหลือน้อยแล้วเหมือนกันครับ!”
หลี่หมิงขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว วันหนึ่งทีมแพทย์ต้องใช้ของเหล่านี้เยอะมาก อีกทั้งสองวันที่ผ่านมานี้ยังมีหิมะตกหนักจนรถเข้ามาไม่ได้ จึงนำของมาเติมไม่ได้ด้วย
ต่อไปควรจะทำอย่างไรกันดี
หลี่หมิงจึงไปแจ้งเรื่องนี้กับผู้รับผิดชอบฐานปฐมพยาบาล ที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตร หลังจากที่ต่อสายโทรศัพท์ผ่านทางดาวเทียมแล้ว อีกฝ่ายก็รับปากว่าจะดำเนินการช่วยเหลือภายในวันนี้
ตลอดทั้งช่วงบ่ายมีผู้บาดเจ็บที่มาด้วยอาการกระดูกหักเพิ่มอีกสิบสองราย ยิ่งนานเข้าจำนวนผู้ป่วยก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทีมแพทย์ทั้งสิบคนแทบจะแบกรับไม่ไหวแล้ว!
ไป๋เยี่ยไม่กล้าไปนอน เขาไม่อยากเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว เพราะนั่นอาจจะหมายถึงชีวิตหนึ่งก็เป็นได้
ในตอนแรกหลายคนก็พยายามโน้มน้าวให้ไป๋เยี่ยไปนอน แต่ต่อมาก็ไม่มีใครกล้าขัดเวลาของเขาแล้ว
เพราะทุกคนรู้ดีว่าหมอไป๋จะไม่พักจนกว่าจะทำหน้าที่ของเขาเสร็จ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์อาฟเตอร์ช็อกก็ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ถึงแม้ว่าไป๋เยี่ยจะเก่งกาจเพียงใด แต่เขาก็ไม่อาจรักษาทุกคนได้
เพราะว่าที่นี่มีผู้บาดเจ็บเยอะเกินไปหรือเปล่า
แน่นอนว่าไม่!
แต่เป็นเพราะว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยของเมียนมาเห็นว่าสภาพของผู้บาดเจ็บที่ถูกส่งมารักษาที่นี่มีอาการทรงตัวกว่า
พวกเขาจึงทยอยส่งผู้บาดเจ็บมาที่นี่แทน
ไม่ง่ายเลยที่จะเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บฝ่าดงน้ำแข็งและหิมะมาได้ แบบนี้จะไล่พวกเขาไปได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ผู้บาดเจ็บที่มีอาการสาหัสก็มักจะถูกส่งมารักษาที่นี่มากขึ้น เพราะว่ามีไป๋เยี่ยและทีมเท่านั้นที่รักษาพวกเขาได้
ความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์แต่ละที่ล้วนไม่เท่ากัน จะมีผู้เชี่ยวชาญสักกี่คนที่ลงพื้นที่มาด้วยตนเอง
ดังนั้นในเวลาเพียงไม่กี่วัน ชื่อของไป๋เยี่ยก็เริ่มเป็นที่กล่าวขานมากขึ้นเรื่อยๆ
จนปัจจุบันเจ้าหน้าที่กู้ภัยในเมืองส่วนใหญ่ก็รู้แล้วว่าที่นี่มีแพทย์ฝีมือดีอย่างไป๋เยี่ย
เขาคือหมอไป๋ แพทย์จากประเทศจีนผู้มีความเชี่ยวชาญสูงและพร้อมเสียสละเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
ทีมแพทย์ยุ่งกันจนกระทั่งเป็นเวลาทุ่มเกือบสองทุ่ม ทว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ยังมาไม่ถึง
แต่จะทำอะไรได้นอกจากรอ
คนกลุ่มหนึ่งนำท่อนไม้แห้งๆ มาก่อเป็นกองฟืน จากนั้นก็จุดฟืนสร้างความอบอุ่นให้กับฐานปฐมพยาบาลแห่งนี้
เจ้าหน้าที่และผู้บาดเจ็บต่างพากันร้องเพลงชาติเมียนมา
จู่ๆ หลิวเสี่ยวกังก็เอ่ยขึ้น “วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่านี่นา ลูกชายของผมคงกำลังกินเกี๊ยวอยู่ที่บ้าน…”
คำพูดของหลิวเสี่ยวกังทำให้ซ่งเจี๋ยเกือบร้องไห้
ไม่เพียงแต่ซ่งเจี๋ยเท่านั้น ทุกคนต่างประทับใจกับคำพูดของหลิวเสี่ยวกังและตระหนักได้ว่าพรุ่งนี้ก็เป็นวันปีใหม่แล้ว
สำหรับชาวจีนแล้ว วันส่งท้ายปีเก่าและวันขึ้นปีใหม่ล้วนมีความหมายที่ไม่ธรรมดาเลย
แม้ว่าคุณจะต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามภูเขา แต่สุดท้ายคุณก็ต้องเดินทางกลับมาฉลองปีใหม่ที่บ้านอยู่ดี แค่ได้กินเกี๊ยวสักหนึ่งตัวก็ถือว่าเป็นการฉลองปีใหม่แล้ว
ทว่าตอนนี้ทุกคนกลับต้องมาอยู่ที่นี่
หลี่หมิงได้ฟังก็หัวเราะ “ฮ่าๆ ผมนี่ฉลาดจริงๆ ที่มาเมียนมาพร้อมกับลูกสาว จะได้ฉลองปีใหม่กันเลย”
แม้ทุกคนจะอยากหัวเราะตาม แต่ก็หัวเราะไม่ออก
เพราะว่าการฉลองปีใหม่น่ะ!
อาจจะเรียกว่าเป็นการฉลองได้แค่ตอนที่อยู่กับครอบครัวเท่านั้น มิเช่นนั้นมันก็เป็นแค่วันแรกของปีใหม่เท่านั้น…
ระหว่างที่ทุกคนกำลังเศร้าหมองอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงคนตะโกนดังลั่น “ทีมกู้ภัยมาถึงแล้ว!”
เสียงดังกล่าวทำให้ทุกคนตื่นเต้นมาก ไม่นานนักผู้คนกว่าสิบคนก็ค่อยๆ เดินไปขนกล่องขนาดเล็กใหญ่มา
เพราะว่ารถเข้ามาที่นี่ไม่ได้ จึงได้แต่ขนเข้าไปแบบนี้
เมื่อเห็นว่ากล่องขนาดเล็กใหญ่ถูกลำเลียงเข้ามา ความดีใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน ทว่าไป๋เยี่ยและคนอื่นๆ กลับต้องประหลาดใจกับบางอย่าง
โทรทัศน์!
ที่เมียนมาไม่ฉลองตรุษจีน ทว่าชาวจีนในเมียนมากลับคุ้นเคยกับเทศกาลนี้ดี ดังนั้นจึงมีการถ่ายทอดสดงานกาล่าของทุกปี
ตอนนี้ชายวัยห้าสิบในเครื่องแบบทหารก็เดินนำลูกทีมออกมาโค้งคำนับให้ไป๋เยี่ยและคนอื่นๆ
เมื่อคนในเครื่องแบบทหารรอบๆ เห็นชายคนนั้น พวกเขาก็ลุกขึ้นยืนตัวตรง “ทำความเคารพท่านนายพล!”
ชายคนนั้นโบกมือทักทายทุกคน “พวกคุณทุกคนก็คือนายพล! พวกคุณเก่งมาก! ผมภูมิใจที่ประเทศเมียนมามีทหารที่แข็งแกร่งแบบนี้!”
วันส่งท้ายปีเท่าในที่นี้หมายถึงวันที่ 30 ของเดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติ คนจีนจะเรียกวันนี้ว่า ต้าเหนียนซานสือ (大年三十) /ฉูเย่ว์ (除夜) หรือซุ่ยฉู (岁除)