สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 277 เรื่องน่าสะพรึง (1)
บทที่ 277 เรื่องน่าสะพรึง (1)
อาคามอสเป็นผู้รับผิดชอบแผนกการแพทย์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก นอกจากนี้เขายังเป็นหัวหน้างานระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์กในประเทศเยอรมนีและปริญญาโทสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินอีกด้วย
ในแง่ของการพัฒนาองค์ความรู้การแพทย์สมัยใหม่ มหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์กนั้นมีศักยภาพอย่างมาก ทั้งในสาขาศัลยกรรม กระดูกและข้อรวมถึงเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ซึ่งนี่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับช่วงสงครามด้วย
แน่นอนว่าความเกี่ยวข้องนี้ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์แต่อย่างใด อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้มหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์กมีพัฒนาการที่ดีมากในสาขาเหล่านี้
อาคามอสเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการศูนย์การสอนและวิจัยเวชศาสตร์ฉุกเฉินของมหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์ก เขาเป็นผู้รับผิดชอบโครงการสำคัญๆ หลายแห่งในโลก อีกทั้งเขายังเป็นเป้าหมายขององค์กรและสมาคมต่างๆ ที่คอยแข่งกันดึงตัวเขา
เดิมทีอาคามอสไม่ได้ตั้งใจจะเดินทางมาให้ความช่วยเหลือที่เมียนมา แต่เพราะสถานการณ์ดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการใหญ่ที่เขาเพิ่งเริ่มทำวิจัย เขาจึงนำทีมร่วมกับองค์การอนามัยโลกและเดินทางมาที่ประเทศเมียนมา
หากว่ากันตามความจริง อาคามอสนั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญในสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน การมาเยือนของเขาจะต้องได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นแน่นอน ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เขาได้รับการต้อนรับอย่างดีและเอาใจใส่มาก แม้แต่นายกเทศมนตรียังเข้ามาให้การต้อนรับเขาด้วยตนเอง
ทว่า…หลังจากนั้นเขากลับถูกส่งตัวไปยังฐานรักษาพยาบาลของไป๋เยี่ยตามการจัดการของนายกเทศมนตรี โดยเขาหวังว่าอาคามอสจะช่วยแบ่งเบาภาระของไป๋เยี่ยได้บ้าง…
นั่นทำให้อาคามอสเกิดความสงสัยว่าไป๋เยี่ยคือใครกันแน่
อาคามอสเป็นถึงผู้นำทีมวิจัยกว่าสิบคน การที่บอกให้เขาไปร่วมมือกับไป๋เยี่ยนั้น หมายความว่าเขาและทีมจะต้องยอมรับการจัดการของไป๋เยี่ยงั้นหรือ
จะทำแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด อย่างไรอาคามอสก็มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์นั่นคือเพื่อทำงานวิจัยด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ‘การกู้ภัยผู้บาดเจ็บที่มีกระดูกหักเคสพิเศษและการรักษาอาการบาดเจ็บตามหลักเวชศาสตร์ฉุกเฉิน’
เพราะว่าภัยพิบัติมีส่วนทำให้เคสกระดูกหักหลายเคสเป็นอันตรายถึงชีวิต อย่างเช่น เคสกระดูกซี่โครงหักที่อาจแทงทะลุปอดและหัวใจได้ อาคามอสจึงหวังว่าเขาจะเรียบเรียงประเด็นต่างๆ และวางแผนการรักษาอย่างเป็นระบบได้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเชิญอาจารย์ระดับปริญญาเอกจากสาขาการวิจัยอาการบาดเจ็บบริเวณกระดูกและข้อจากมหาวิทยาลัยแพทย์มิวนิค ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อจากเยอรมันมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
อีกฝ่ายจะมาถึงที่นี่ในอีกสองวัน ดังนั้นก่อนหน้านั้น อาคามอสจะต้องเตรียมการให้เรียบร้อยก่อน ทั้งมอบหมายให้สมาชิกทีมวิจัยลงพื้นที่ในส่วนต่างๆ อาคามอสถามนายกเทศมนตรีอย่างสงสัย “ขอโทษนะครับ ท่านนายกเทศมนตรี ผมอยากทราบว่าคนที่ชื่อไป๋เยี่ยนี่คือใครเหรอครับ”
นายกเทศมนตรีผงะไปครู่หนึ่ง “อ้อ คุณไป๋เยี่ยเหรอ เขาเป็นคนเก่งคนหนึ่งน่ะครับ วันถัดมาหลังจากที่เกิดแผ่นดินไหว เขาก็นำทีมแพทย์ของเขามาช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บทันที หลังจากนั้นทางเราก็ได้ก่อตั้งฐานรักษาพยาบาลขึ้นภายใต้การนำของเขา ที่นี่ช่วยเมืองของเราไว้เยอะมากจริงๆ”
อาคามอสพยักหน้า “ขอเรียนตามตรงนะครับท่าน ผมมาที่นี่เพราะหวังว่าจะได้เก็บข้อมูลระหว่างการกู้ภัย ผมก็หวังว่าจะมีสิทธิ์เลือกบ้าง ท่านมีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง”
นายกเทศมนตรีได้ฟังก็ขมวดคิ้ว “คุณอาคามอส การกู้ภัยต้องมีการประสานงาน ตอนนี้ไป๋เยี่ยเป็นผู้รับผิดชอบด้านการแพทย์ของเรา หากคุณมีความคิดเห็นเพิ่มเติมใดๆ คุณก็พูดคุยกับคุณไป๋เยี่ยได้นะ ผมคิดว่าเขาไม่ใช่คนอวดรู้ แต่จะให้สิทธิ์คุณดำเนินการใดๆ อย่างอิสระนั้นมันเป็นไปไม่ได้แน่นอนครับ”
อาคามอสจึงมาที่ศูนย์การแพทย์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทว่าเขาไม่ได้พาทีมวิจัยเข้าไปพูดคุยกับไป๋เยี่ย
การกู้ภัยดำเนินการตามอำเภอใจไม่ได้ เพราะนี่คือประเทศเมียนมา ไม่ว่าจะการกระทำใดๆ แม้แต่การให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์และด้านอื่นๆ ก็จะต้องได้รับอนุญาตจากทางการเมียนมาก่อน ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีเจตนาแอบแฝงเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากโอกาสนี้ หลังจากเกิดเหตุการ์ณแผ่นดินไหวขึ้นก็ไม่ได้มีใครอยากเป็นฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่หรอก ส่วนใหญ่ก็แค่เฝ้าจับตาดูที่นี่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทั้งนั้น
แต่เพราะนายกเทศมนตรีขอให้เขาร่วมมือกับไป๋เยี่ย อาคามอสจึงตัดสินใจว่าจะไปคุยกับไป๋เยี่ย
หลังจากมาถึงฐานรักษาพยาบาลแล้ว เขาก็ถูกดึงดูดโดยขั้นตอนการกู้ภัยตรงหน้าเขา เพราะว่าขั้นตอนการกู้ภัยทั้งหมดนั้นมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
นอกจากนี้อาคามอสยังพบว่าการกู้ภัยของที่นี่ถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับอีกด้วย หมายความว่าอย่างไรกัน
อาคามอสพบว่าแม้จะเป็นเคสที่มีอาการบาดเจ็บเหมือนกัน แต่ฝั่งไป๋เยี่ยก็จะจำแนกผู้บาดเจ็บออกเป็นกลุ่มและดำเนินแผนการรักษาต่างกันไป
นั่นทำให้อาคามอสเกิดความสงสัย หรือว่าพวกเขาก็กำลังวิจัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
อาคามอสคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปทางเจ้าหน้าที่ที่มาด้วย “คุณโยฮัน คุณไปอธิบายจุดประสงค์ของเราให้คุณไป๋เยี่ยฟังก่อน ผมจะตามไปทีหลัง”
โยฮันพยักหน้าและเดินไปพร้อมกับผู้ช่วยของเขา
ทันทีที่มาถึง เขาก็พบว่าไป๋เยี่ยกำลังผ่าตัดร่วมกับหลี่หมิงอย่างตั้งใจ เคสนี้เป็นการผ่าตัดบาดแผลกดทับที่ค่อนข้างซับซ้อน ผู้บาดเจ็บมีกระดูกหักหลายจุดทั่วร่างกายและอวัยวะภายในก็ได้รับความเสียหาย
โยฮันและคนอื่นๆ ตระหนักถึงความสำคัญในการช่วยชีวิตคน จึงรอไป๋เยี่ยอยู่เกือบสามชั่วโมง จนกระทั่งใกล้เวลาพลบค่ำ ไป๋เยี่ยก็เดินออกมาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
โยฮันเดินปรี่เข้ามาทันที “สวัสดีครับ ผมกำลังมองหาคุณไป๋เยี่ยอยู่พอดี เขาผ่าตัดเสร็จแล้วยังครับ”
ไป๋เยี่ยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ เผยรอยยิ้ม “ผมนี่แหละไป๋เยี่ย คุณตามหาผมอยู่เหรอครับ”
โยฮันถึงกับตะลึง เขาเนี่ยนะไป๋เยี่ย เขาอายุน้อยขนาดนี้จริงเหรอ โยฮันหันไปมองหน้าผู้ช่วยที่มาด้วย “เอ่อ…ไม่ตลกเลยนะครับ”
ไป๋เยี่ยยิ้ม “ผมคือไป๋เยี่ยจริงๆ ครับ คุณมาหาผมเพราะอะไรเหรอครับ พอดีว่าผมยังมีเคสผ่าตัดต่อน่ะ”
โยฮันหยิบแบบเอกสารที่ลงนามโดยนายกเทศมนตรีออกมา “พวกผมมาจากทีมกู้ภัยขององค์การอนามัยโลก ผมชื่อโยฮัน อีกเดี๋ยวหัวหน้าทีมจะตามมานะครับ ท่านนายกเทศมนตรีขอให้ทางเรามารายงานให้คุณทราบก่อน”
แววตาของไป๋เยี่ยเป็นประกาย ทีมกู้ภัยจากองค์การอนามัยโลกกำลังจะมาที่นี่จริงเหรอ ดีจัง
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็เชิญทั้งสองคนเข้ามาในเต็นท์ “นั่งลงก่อนครับ ในที่สุดพวกคุณก็มาแล้ว พอมีพวกคุณ การช่วยเหลือจะต้องเป็นไปได้ดีขึ้นแน่ๆ”
เมื่อโยฮันเห็นว่าไป๋เยี่ยยังอายุน้อยและมีความกระตือรือร้นมากก็มีความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัว อย่างไรเสียองค์การอนามัยโลกก็เป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงมาก การขอสิทธิ์ดำเนินการน่าจะเป็นไปได้โดยง่าย
โยฮันยิ้มก่อนจะพูดต่อ “สวัสดีครับ คุณไป๋เยี่ย ผมขอแนะนำตัวเองก่อน ผมรองหัวหน้าทีมกู้ภัยขององค์การอนามัยโลกและเป็นรองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งมหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์กและสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศเยอรมนี…คือว่าพวกผมมาที่นี่พร้อมกับภารกิจงานวิจัยที่ค่อนข้างสำคัญ ถ้างานวิจัยนี้ประสบความสำเร็จก็จะเป็นคุณูปการต่อสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินของโลกมากมายเลยทีเดียว ดังนั้นพวกผมจึงหวังว่าคุณจะมอบสิทธิ์ดำเนินการอิสระให้ทีมของเราทำงานให้สำเร็จได้น่ะครับ”
ไป๋เยี่ยได้ฟังก็เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังคิดทันที อีกฝ่ายคงคิดจะทำงานวิจัยระหว่างทำการช่วยเหลือเหมือนตนเองแน่ๆ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเรื่องที่ดี แต่…การช่วยชีวิตคนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ไป๋เยี่ยไม่ต้องการให้งานวิจัยของอีกฝ่ายเข้ามาขัดขวางแผนการช่วยเหลือของเขา ยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่รักษาได้แต่กลับยังไม่ได้รับการรักษา หรือแม้กระทั่งถูกปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสม
ชื่อตำแหน่งเขายาวเหยียดถึงขนาดนั้นแล้วยังไง ไป๋เยี่ยไม่สนใจ มันไม่สำคัญเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ณ ที่แห่งนี้ทุกคนต้องฟังไป๋เยี่ยเท่านั้น
คิดจะขอสิทธิ์ดำเนินการอิสระเหรอ ไม่มีทาง!
ไป๋เยี่ยคิดก่อนจะตอบออกไปอย่างใจเย็น “ไม่ได้ครับ การช่วยชีวิตผู้คนเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนงานวิจัยน่ะเป็นเรื่องรอง ผมหวังว่าคุณจะจัดลำดับความสำคัญได้นะครับ ถ้างานวิจัยของคุณทำให้การช่วยเหลือล่าช้า ผมคิดว่าคุณก็ไม่ควรทำแบบนั้นนะครับ”