สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 302 ได้เวลาแสดงความสามารถที่แท้จริงแล้ว
บทที่ 302 ได้เวลาแสดงความสามารถที่แท้จริงแล้ว
จริงๆ แล้วที่เฉินเจิ้นปั่งทำเช่นก็เพราะมีเจตนาแฝง เดิมทีเขากะจะถามแค่ ‘พร้อมหรือยัง’ แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเหตุการณ์ต่างๆ ในสนามรบย่อมเกิดขึ้นเร็ว
เขาจึงให้สัญญาณเริ่มทันที เพราะเขาต้องการทดสอบว่าไป๋เยี่ยมีคุณสมบัติหรือไม่
สิ้นเสียงของเฉินเจิ้นปั่ง ไป๋เยี่ยก็รีบรุดไปทำงานทันที
ในฉากจำลองเหตุการณ์ มีหุ่นจำลองตัวหนึ่งถูกกระสุนเจาะเข้าที่เส้นเลือดแดงบริเวณต้นขา รอบข้างไป๋เยี่ยรายล้อมไปด้วยทีมแพทย์ภาคสนามสี่ห้าคนที่กำลังจับจ้องเขาพร้อมกับถือตารางบันทึกคะแนนไว้ในมือ
มีฉากจำลองเหตุการณ์เพียงห้าฉากเท่านั้น ฉากแรกคือฉากที่อยู่ตรงหน้า ข้างๆ หุ่นจำลองที่ถูกยิงมีทหารที่ลั่นปืนยืนอยู่ด้วย
ทว่านั่นไม่ได้ทำให้ไป๋เยี่ยตื่นตระหนกเลย กลับกัน เขามองไปรอบๆ อย่างใจเย็นแล้วอุ้มหุ่นจำลองไปยังสถานที่ปลอดภัย หลอดเลือดแดงบริเวณต้นขาถือเป็นหนึ่งในหลอดเลือดสำคัญในร่างกายมนุษย์ หากเส้นเลือดดังกล่าวแตกจะทำให้มีเลือดไหลออกมาปริมาณมาก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเลือดจะไหลออกมาเร็วจนช็อกตายในเวลาสั้นๆ
ดังนั้น ขั้นตอนแรกคือต้องมั่นใจว่าพื้นที่โดยรอบปลอดภัยดีก่อนจะเริ่มรักษา ในฐานะที่เป็นผู้กู้ภัย จะต้องรู้จักป้องกันตนเองก่อนเป็นอันดับแรก
วิธีการห้ามเลือดของไป๋เยี่ยแตกต่างจากวิธีทั่วไปเล็กน้อย วิธีห้ามเลือดมีหลายวิธี เช่น การกดบริเวณปากแผล การอุดปากแผลเป็นต้น การเลือกใช้วิธีต่างๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน
ไป๋เยี่ยเลือกใช้วิธีห้ามเลือดแบบใหม่ ซึ่งเป็นวิธีการเฉพาะสำหรับการห้ามเลือดบริเวณต้นขาที่เขาคิดค้นขึ้นมาด้วยตนเองจากประสบการณ์ที่เมียนมา
ส่วนฉากจำลองอื่นๆ ล้วนเป็นอาการบาดเจ็บทั่วไปที่พบได้ในสนามรบ มีตั้งแต่ระดับง่ายไปยาก ซึ่งจะไต่ระดับความยุ่งยากขึ้นไปเรื่อยๆ
เฉินเจิ้นปั่งและผู้เชี่ยวชาญทั้งห้าคนจากโรงพยาบาลภาคสนามต่างมองไป๋เยี่ยจัดการกับผู้บาดเจ็บอย่างเงียบๆ ไม่ส่งเสียงใดๆ
ซึ่งเฉินเจิ้นปั่งเองก็มีส่วนร่วมในการคิดฉากจำลองเหล่านี้ด้วย ฉากจำลองที่ถูกจำแนกออกเป็นห้าระดับไม่ได้หมายความว่าในสถานการณ์จริงจะมีระดับความฉุกเฉินห้าระดับเช่นนี้
ในทางกลับกัน การกู้ภัยในระดับสากลมีการแบ่งระดับความฉุกเฉินออกเป็นสามระดับ ซึ่งเพิ่งจะมีการเพิ่มระดับที่สี่เข้ามาเมื่อช่วงสองปีก่อน
ความยากระดับที่สี่มุ่งเน้นไปที่การรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสที่ยังไม่มีวิธีรักษาแน่ชัด
แล้วระดับที่ห้าล่ะ
ระดับที่ห้าเกิดขึ้นจากความคิดของเฉินเจิ้นปั่งและผู้เชี่ยวชาญทั้งห้า ความฉุกเฉินระดับสี่ยังเป็นอาการบาดเจ็บที่พอมีวิธีรักษา ถึงแม้จะเป็นวิธีที่ไม่ชัดเจนก็ตาม แต่ก็ยังพอจะเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้อยู่
ทว่าความฉุกเฉินระดับห้าเป็นการรักษาอาการบาดเจ็บที่สาหัสจนแทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย
แบบนี้มันยากเกินไปแล้ว!
แต่นี่ก็ถือเป็นการทดสอบขีดจำกัดของไป๋เยี่ยเช่นกัน
แต่ถึงกระนั้น เมื่อผู้ทดสอบเห็นวิธีการห้ามเลือดของไป๋เยี่ย แววตาของพวกเขาก็เปล่งประกาย แม้จะเป็นฉากจำลองง่ายๆ แต่มันก็สื่อให้เห็นถึงความไม่ธรรมดาของไป๋เยี่ยได้
ไป๋เยี่ยทำหน้าที่ของเขาได้อย่างรวดเร็วจนน่าทึ่ง!
ทักษะการแพทย์ฉุกเฉินเลเวลเจ็ดฝังลึกในกระดูกของไป๋เยี่ย ซึ่งทักษะนี้ก็ทดสอบได้จริง ไม่ใช่ทักษะที่มีเขียนไว้ในหน้าหนังสือ
ไป๋เยี่ยแสดงทักษะการแพทย์ฉุกเฉินเลเวลเจ็ดของเขาออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ผู้เชี่ยวชาญทุกคนรวมถึงเฉินเจิ้นปั่งต่างรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ได้แต่คอยสังเกตไป๋เยี่ยอย่างระมัดระวัง ไม่แม้แต่จะเข้าไปรบกวนเขาเลยสักนิด
เพราะทุกคนเองก็กำลังเรียนรู้เช่นกัน!
การกระทำต่างๆ ไป๋เยี่ยแสดงให้เห็นถึงความรู้และทักษะที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่สัมผัสได้ ทว่าผู้เชี่ยวชาญที่มาในวันนี้ต่างก็ไม่ใช่คนทั่วไปแต่อย่างใด
โรงพยาบาลภาคสนามคือผู้อยู่เบื้องหลังสุดแข็งแกร่งของกองทัพ เรียกได้ว่าพวกเขาคือช่างซ่อมกำแพงเมืองของมาตุภูมิแห่งนี้
แต่ละคนล้วนมีพรสวรรค์ที่เฉียบแหลม!
ระหว่างสงคราม แพทย์ทุกคนที่เข้าร่วมกับกองทัพต่างมีคุณค่า ในหลายๆ กรณีโดยเฉพาะในสมัยโบราณ แพทย์ทหารที่มีความเก่งกาจอาจจะถึงขั้นช่วยเปลี่ยนผลลัพธ์ของสงครามได้เลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสงครามที่กินเวลายืดเยื้อนานหลายปี แพทย์ทหารที่ดีย่อมช่วยค้ำจุนกองทัพได้
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากในโรงพยาบาลภาคสนามเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากโรงพยาบาลทั่วทั้งประเทศ ทั้งความสามารถ ความรอบรู้และวิสัยทัศน์ของพวกเขาล้วนผ่านการฝึกฝนและขัดเกลาจากรัฐมาก่อน
ดังนั้น เมื่อพวกเขาเห็นการรักษาต่อเนื่องของไป๋เยี่ยก็ยิ่งตั้งใจดูเข้าไปใหญ่
เร็วมาก!
ฉากแรก… ฉากที่สอง… ฉากที่สาม… ไป๋เยี่ยแทบไม่ได้หยุดเดินเลย
ราวกับว่าเขากำลังทำข้อสอบโดยไม่สะดุดเลยสักนิด เป็นการทำงานที่ลื่นไหลมาก
ขณะเดียวกัน จ้าวหู่ชิวก็หาวพลันเริ่มเบื่อขึ้นมา…
หากว่ากันตามตรง จ้าวหู่ชิวเคยพบเจอกับสถานการณ์เหล่านั้นมามากมาย อีกทั้งเมื่อตอนที่ไปเมียนมากับไป๋เยี่ย เขาก็เคยทำอะไรที่ยุ่งยากกว่านี้มานับไม่ถ้วนแล้ว
ตอนนั้นความคิดของทีมกู้ภัยเมียนมาคงมีแค่ตราบใดที่พวกเขาส่งผู้บาดเจ็บถึงมือไป๋เยี่ย ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดี!
นี่จึงเป็นเหตุผลหลักประการหนึ่งที่ทำให้การกู้ภัยครั้งนั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ถ้าคุณกลับมาได้ในสภาพสะบักสะบอม แต่ทีมกู้ภัยกลับช่วยอะไรคุณไม่ได้ มันจะไปมีประโยชน์อะไรกันล่ะ
ไป๋เยี่ยก็คือศูนย์รวมใจของทุกคน!
ชั่วพริบตาเดียว ไป๋เยี่ยก็มาถึงฉากที่สี่แล้ว ซึ่งเป็นการจำลองอาการบาดเจ็บที่ไม่มีวิธีการรักษาแน่ชัด
ทุกคนรวมถึงเฉินเจิ้นปั่งต่างสูดหายใจเข้าเต็มปอด!
แต่ดูเหมือนว่าไป๋เยี่ยจะไม่ติดปัญหาใดๆ เลย ทั้งยังเดินต่อไปอย่างสบายๆ
ทุกคนต่างเบิกตากว้างพร้อมกับหันไปมองหน้ากันด้วยความทึ่ง
ทำแบบนี้ก็ได้เหรอ
การตัดสินใจของไป๋เยี่ยแม่นยำเสียจนทุกคนตรงนั้นอยากจะปรบมือให้!
ต่างคนต่างเริ่มเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่จึงส่งเสียงเชียร์ไป๋เยี่ยออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ!
ทว่าพวกเขากลับไม่คาดคิดว่าการแสดงของไป๋เยี่ยจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่า
อย่างที่โมลโดเคยพูดไว้ว่า ‘เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มประหลาดใจกับวิธีการรักษาของไป๋เยี่ยล่ะก็ ยินดีด้วย การแสดงครั้งต่อไปของเขาจะทำให้คุณเริ่มอยากตั้งคำถามเกี่ยวกับชีวิตตนเอง’
คำพูดนี้ไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริงแต่อย่างใด…
ผู้เชี่ยวชาญทั้งห้าต่างเริ่มสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ มีหลายวิธีการของไป๋เยี่ยที่พวกเขายังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงทำแบบ ขั้นตอนนี้สำคัญอย่างไร ทำไมเขาถึงห้ามเลือดได้ดีขนาด เขาทำแบบได้ไงกัน
ทำไมเขาถึงตัดสินใจฉีดอะดรีนาลีน[1]สองมิลลิลิตร อ๋อ! ที่แท้ก็เป็นเพราะการออกฤทธิ์ของอะดรีนาลีนนี่เอง…
ทั้งห้าคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด ทุกครั้งที่พวกเขาพยายามปฏิเสธความคิดเกี่ยวกับชีวิตและคุณค่าของมนุษย์ ก็ย่อมบังเกิดความรู้ใหม่ๆ ขึ้นมาเสมอ
นี่คือการกู้ภัยเหรอ
ไม่ใช่ว่านี่เป็นแค่การแสดงอย่างนั้นเหรอ
เมื่อพวกเขาได้ฟังเรื่องการกู้ภัยของไป๋เยี่ยจากปากจ้าวหู่ชิวครั้งแรกก็ต่างไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
ทว่าตอนนี้!
จู่ๆ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภาคสนามซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ทดสอบก็อดตะโกนเสียงดังทั้งที่ร่างกายของเขากำลังสั่นเทิ้มไม่ได้ “ดีมาก!”
หลังจากตะโกนออกมาแล้ว เขาก็ค่อยๆ หันไปทางเฉินเจิ้นปั่งที่กำลังยืนทึ่งอยู่ตรงนั้น แล้วจึงเผยรอยยิ้มแห้งๆ ออกมาก่อนจะหันไปดูไป๋เยี่ยต่อ
[1] อะดรีนาลีน คือฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจากต่อมหมวกไตเพื่อตอบสนองปฏิกิริยาของร่างกายที่สั่งให้ต่อสู้หรือหนีเมื่อตกอยู่ในเหตุการณ์อันตราย และยังใช้เป็นยาฉีดสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการแพ้รุนแรง