สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 320 จำนวนผู้ตอบรับที่แสนน่าอับอาย
บทที่ 320 จำนวนผู้ตอบรับที่แสนน่าอับอาย
ปัญหาเรื่องแนวคิดระหว่างโมลโดและมอริสยังคงเป็นปัญหาบานปลายเสมอมา
การประชุมครั้งนี้จึงกลายเป็นสนามรบให้พวกเขาได้ประชันกันอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่การประชุมจะเริ่มต้นขึ้น ทั้งไป๋เยี่ยและโมลโดกลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พวกเขาต้องจ่ายทั้งค่าเดินทาง ค่าโรงแรมและค่าอาหารให้กับผู้มาเข้าร่วมการประชุมด้วยตนเอง ทว่าพวกเขากลับได้รับการตอบรับเพียงน้อยนิดเสียจนน่าเห็นใจ
ขั้นแรกของการประชุมคือต้องติดต่อผู้เชี่ยวชาญและเชิญมาเข้าร่วมการประชุม หากอีกฝ่ายตอบรับแล้ว ก็จะมีการกรอกใบตอบรับแสดงความจำนงเข้าร่วมการประชุม ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้จัดงานบันทึกตัวเลขและประสานงานได้สะดวกยิ่งขึ้น
เพียงแต่ว่า…เวลานั้นค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ ตั้งแต่ส่งจดหมายเชิญออกไปก็เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ทว่ากลับมีการตอบรับมาเพียงน้อยนิด จึงทำให้ผู้คนอดร้องโห่กันไม่ได้
แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครเข้าร่วมเลย
แต่ถึงกระนั้นโมลโดก็ไม่ได้มีท่าทีหงุดหงิดและกลุ้มใจดั่งที่คิดไว้เลย กลับกัน เขามีความอดทนมากเกินกว่าที่ไป๋เยี่ยคาดไว้เสียอีก
อย่างไรก็ตาม ‘การรอคอย’ ย่อมเป็นขั้นตอนที่ยาวนานและทำอะไรกับมันไม่ได้ ไป๋เยี่ยและโมลโดช่วยกันเตรียมสิ่งที่ต้องใช้ในการประชุมไว้บ้างแล้ว และกำลังจะปิดรับแบบตอบรับเข้าร่วมการประชุมในเร็ววัน
เมื่อทีมงานส่งแบบตอบรับเหล่านั้นให้ไป๋เยี่ย โมลโดก็เป็นฝ่ายเข้ามารับมันไว้ก่อนจะเอ่ย “รู้สึกผิดหวังไหม อาจารย์”
ไป๋เยี่ยชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหัวไปมา เขาไม่มีทางผิดหวัง เพราะว่าความผิดหวังย่อมเกิดมาจากความไม่เชื่อมั่นในตนเอง
ตรงกันข้าม ไป๋เยี่ยกลับมั่นใจในตนเองมาก!
ช่วงนี้ไป๋เยี่ยและโมลโดกำลังช่วยกันสรุปเนื้อหาการประชุม ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ซึ่งนั่นทำให้ไป๋เยี่ยได้รับแรงบันดาลใจมากมาย และปรับปรุงทักษะความรู้ด้านกระดูกและข้อขึ้นมาเล็กน้อย
พูดตามตรง ทุกวันนี้การจะยกระดับตนเองนั้นทำได้ยากมากจริงๆ
แนวคิดของโมลโดกล่าวว่าระบบกระดูกและข้อเป็นกลไกที่สมบูรณ์แบบและเป็นการให้นิยามโครงสร้างทางกายวิภาคศาสตร์ที่สมบูรณ์ตามหลักสัณฐานวิทยา
การรักษาโรคกระดูกก็เช่นกัน จุดประสงค์ของการรักษาก็คือการทำให้กระดูกที่ได้รับความเสียหายกลับคืนสู่สภาพเดิมได้
จากนั้นกระดูกก็จะค่อยๆ ซ่อมแซมตนเองตามกลไกของมัน กระดูกจะค่อยๆ งอก ฟื้นตัวและกลับคืนสู่สภาพเดิมในที่สุด
มอริสตะลึงและค่อนข้างเห็นชอบกับวิธีการรักษาหลายวิธีของไป๋เยี่ย ถึงแม้ว่าในปัจจุบันไป๋เยี่ยจะยังไม่มีแนวคิดที่แน่นอนนัก แต่ความคิดต่างๆ ของเขาล้วนเป็นการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกที่ทำได้จริงโดยอิงตามโครงสร้างและการทำงาน
ไป๋เยี่ยเชื่อว่าโครงสร้างทางกายวิภาคนั้นประกอบด้วยโครงสร้างทางสรีรวิทยา หากจำลองโครงสร้างทางกายวิภาคได้อย่างสมบูรณ์แบบและในขณะเดียวกันก็ทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้ตามหลักสรีรวิทยาด้วย ก็จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของระบบโครงกระดูกได้อย่างไม่ต้องสงสัย
กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยานั้นมีความเชื่อมโยงซ่อนอยู่จริงๆ
จากความเชื่อมโยงของโครงสร้างทางกายวิภาคและกลไกทางสรีรวิทยา จึงทำให้ในหลายๆ ครั้ง แม้ว่าการฟื้นตัวของกลไกทางสรีรวิทยาจะช้า และบ่อยครั้งในหลายกรณี แม้ว่าการฟื้นตัวของการทำงานทางสรีรวิทยาจะค่อนข้างช้า แต่ก็มีส่วนช่วยในการฟื้นตัวของการบาดเจ็บของกระดูกได้อย่างแน่นอน
ไป๋เยี่ยจึงเชื่อว่าโรคกระดูกไม่ใช่โรคทางศัลยศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นทั้งโรคทางอายุรศาสตร์และศัลยศาสตร์นั่นเอง เพราะว่าลำพังการผ่าตัดคงไม่ใช่วิธีเดียวที่จะรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกได้ ในทางกลับกัน ต้องอาศัยการบูรณาการระหว่างการรักษาภายในและภายนอกถึงจะบรรลุวัตถุประสงค์ของการรักษาได้อย่างแท้จริง
แม้แต่โรคกระดูกและข้อที่ค่อนข้างซับซ้อนบางโรค ไป๋เยี่ยก็ได้รวบรวมแนวทางการทำกายภาพบำบัดไว้ด้วย นอกจากนี้ยังมีการนำวิธีการรักษาที่ไม่รุกรานอื่นๆ เช่น การนวด มาใช้ร่วมด้วย เพื่อให้บรรลุแนวคิดการรักษาโรคแบบไม่รุกราน
การทำกายภาพบำบัดเป็นวิธีการทางการแพทย์แผนจีนในการรักษาโรคกระดูกและข้อ ซึ่งในตอนแรกไม่เป็นที่รู้จักกันในระดับนานาชาตินัก เพราะมันไม่ใช่วิธีการรักษาโรคที่มีประสิทธิผลนัก
ทว่าช่วงนี้ โมลโดนั้นกำลังวุ่นอยู่กับการศึกษาเรื่องการทำกายภาพบำบัดอยู่
เพราะเขาค้นพบว่าการผ่าตัดจะทำลายโครงสร้างทางกายวิภาคและกลไกทางสรีรวิทยาบางส่วนไป ทำให้การฟื้นตัวอย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปได้ยากขึ้น ซึ่งการทำกายภาพบำบัดนั้นสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
เหตุผลหลักที่โมลโดยอมรับแนวคิดของไป๋เยี่ยมาจากแนวคิดเรื่องการใช้หุ่นยนต์ทำกายภาพบำบัด
หุ่นยนต์จะรับข้อมูลประสบการณ์ต่างๆ ของไป๋เยี่ยเข้ามาผ่านการบันทึก จากนั้นก็จะเริ่มผ่าตัดโดยอาศัยการควบคุมโดยคอมพิวเตอร์
ด้วยวิธีนี้ ประสบการณ์ด้านการรักษาโรคก็จะถูกแปรเปลี่ยนเป็นองค์ความรู้ที่สุกงอม ใช้งานได้จริงและมีประสิทธิภาพ
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมโมลโดถึงเต็มใจอยู่ที่นี่ต่อ เขารู้ว่าไป๋เยี่ยจะชี้แนะเขาได้เยอะมาก เยอะเสียกว่าความรู้ที่เขามีในปัจจุบันอีก
อันที่จริง การได้เป็นสุดยอดผู้นำทีมที่ไฮเซนเบิร์กในเยอรมนีนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ ทว่าตัวโมลโดนั้นจะพัฒนาไปได้อีกสักเท่าไหร่ จะได้รับสิ่งดีๆ อีกมากแค่ไหน ในเมื่อก้าวต่อๆ ไปล้วนยากทุกก้าว
แล้วในตอนนี้ล่ะ
โมลโดคิดว่าตนเองก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ไป๋เยี่ยช่วยขยายกรอบความคิดของเขาในเรื่องการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกได้อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งตัวเขาเองก็รู้สึกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ กรอบความคิดของเขานั้นเริ่มแคบลงเรื่อยๆ จนน่ากังวล หากเป็นเช่นนั้นต่อไปทางเดินของเขาก็จะยิ่งสั้นลงเรื่อยๆ ยิ่งเดินก็ยิ่งไม่มีหนทาง
โมลโดและไป๋เยี่ยมองจำนวนใบตอบรับที่ถูกนับมาอย่างดีพลางหัวเราะออกมา “อาจารย์ ผมคิดว่าเราประหยัดค่าโรงแรมได้มากเลยแหละ”
ไป๋เยี่ยฝืนยิ้ม เขาประหยัดเงินได้มากจริงๆ เขาได้รับใบตอบรับจากต่างประเทศทั้งหมดสามสิบเก้าใบ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศเยอรมนี คนพวกนี้ล้วนเคยเข้าร่วมการประชุมที่เมียนมามาก่อน ไป๋เยี่ยจึงเข้าใจพวกเขาดี
เมื่อพวกเขารู้ว่าไป๋เยี่ยและโมลโดจะจัดการประชุมร่วมกันก็แห่กันมาเข้าร่วม
ทันใดนั้น ผู้ช่วยคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรนก่อนจะเอ่ย “ขอโทษครับ ผมเพิ่งจะนับใบตอบรับจากในประเทศเสร็จ มาแจ้งจำนวนครับ”
พูดจบ เขาก็ยื่นตารางบันทึกจำนวนใบตอบรับมาให้ ทันทีที่ไป๋เยี่ยลองเปิดดู เขาก็ต้องตกตะลึงไปในทันใด!
บนหน้ากระดาษเอสี่นั้นมีแต่ชื่อและข้อมูลที่เป็นของคนจริงๆ เต็มไปหมด
นั่นทำให้ไป๋เยี่ยอดดีใจไม่ได้ เรายังมีพวกเขานี่นา!
ถ้าถึงตอนนั้นมีคนมาเข้าร่วมแค่ไม่กี่สิบคนในสถานที่ใหญ่โตก็คงจะดูแปลกๆ
เมื่อไป๋เยี่ยปรายตาอ่านชื่อแวบแรก เขาก็ทำตัวไม่ถูกเพราะว่าคนที่มาเข้าร่วมนั้น…
เกาเย่ว์หยาง…
หลี่เจี้ยนเหว่ย…
ทำไมผู้เชี่ยวชาญอย่างพวกเขาถึงจะมากันนะ
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็อดรู้สึกประทับใจไม่ได้ เขาไม่ได้เชิญพวกเขาเป็นกรณีพิเศษเลยด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่ารายชื่อผู้เข้าร่วมนั้นทะลุสองร้อยคนไปแล้ว ความตื่นเต้นก็ล้นอยู่เต็มอกของไป๋เยี่ย!
พวกฝรั่งดูถูกการแพทย์แผนจีนของเราไม่ใช่เหรอ
รอดูเถอะ ไม่คิดจะมากันใช่ไหม
คิดว่างานของเรามันไม่มีคุณค่างั้นสินะ
เหอะ!
ครั้งต่อไปก็อย่าคิดจะมาตามอำเภอใจแล้วกัน!
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็อดรู้สึกหยิ่งผยองไม่ได้ คอยดูเถอะ!
ขั้นต่อไปก็คือการจองโรงแรมและสถานที่ประชุม อันที่จริงแล้วการประชุมประเภทนี้มักจะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทยาอยู่แล้ว
ทว่าบริษัทยาเหล่านั้นไม่เคยได้ยินชื่อสถาบันที่ไป๋เยี่ยเพิ่งจะจัดตั้งขึ้นมามาก่อน พวกเขาคงจะไม่เป็นฝ่ายยื่นมือมาให้การสนับสนุนก่อนแน่นอน