สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 325 เพราะว่าผมกระหายชัยชนะ
บทที่ 325 เพราะว่าผมกระหายชัยชนะ
ไป๋เยี่ยทั้งให้การต้อนรับทั้งยังมีทัศนคติที่กระตือรือร้นต่อการร่วมมือจากทีมวิจัย แต่ถึงกระนั้น สถาบันวิจัยของเขาก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างสักเท่าไหร่ กฎเกณฑ์ต่างๆ จึงต้องได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไป๋เยี่ยก็ได้พูดคุยถึงระบบต่างๆ ไปบ้างแล้ว ใช้เวลาอีกไม่นานก็น่าจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง
ไป๋เยี่ยเงยหน้าขึ้นพลางเอ่ย “ขอบคุณที่ไว้ใจผมนะครับ ผมรับปากว่าพวกคุณจะได้เข้าร่วมทีมของผมแน่นอน แต่สถาบันของผมน่ะ ดูกันที่ผลงาน ไม่ใช่วุฒิการศึกษานะครับ ผมหวังว่าทุกคนจะลืมอดีตไปก่อน ตอนนี้พวกคุณกำลังจะเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรก รวมถึงคุณด้วยนะ คุณโยฮัน…”
เหตุการณ์ตอนเที่ยงทำให้ทุกคนเกิดความคิดมากมาย
พวกคนเยอรมันไม่มีปัญญาถึงขั้นต้องมาขอเข้าทีมคนอื่นเลยเหรอ
ไฮเซนเบิร์กสู้สถาบันวิจัยที่เพิ่งสร้างขึ้นมาไม่ได้เหรอเนี่ย
แน่นอนว่าไม่ เครื่องมือต่างๆ ในสถาบันวิจัยของไป๋เยี่ยนั้นยังห่างไกลจากของมหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์ก ซึ่งเป็นสถาบันระดับโลกอยู่มาก!
สิ่งที่แตกต่างมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือตัวไป๋เยี่ยเอง
สิ่งที่เขาพึงมีคือสิ่งที่คนอื่นมีอย่างไม่จำกัด ทำให้ในบางครั้ง ‘ความรู้’ ก็กลายเป็นสิ่งไร้ราคา
แต่ในตอนนี้ ความรู้คือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้
ทุกคนย่อมรู้ดีว่าโอกาสบางอย่าง หากพลาดไปแล้วก็ยากที่จะได้พบเจออีก
ตอนนี้ทุกคนต่างกำลังครุ่นคิด
เราก็เข้าร่วมได้นี่นา!
อย่างไรก็ตาม เมื่อลองคิดดูอีกที คนเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่จะเป็นหัวหน้าแผนกจากโรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัย พวกเขาย่อมแบกรับภาระมากมาย ไม่ใช่คิดจะไปก็ไปได้เลย
จะทำอย่างไรดีล่ะ
ทุกคนได้แต่จมอยู่ในห้วงความคิด
แต่ถึงกระนั้น ตอนนี้เหตุการณ์วุ่นวายก็จบลงแล้ว ชาวเยอรมันกลุ่มหนึ่งก็หันไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการทำงานร่วมกันและดำเนินการวิจัยในอนาคตอย่างปีติยินดี
หรือแม้กระทั่งคุยกันเรื่องกลับประเทศไปจะลาออกกับโจนส์อย่างไรดี อย่างไรเสียก็มีตั้งสามสิบกว่าคนที่คิดจะลาออกพร้อมกัน…
คิดแล้วก็รู้สึกว่ามันออกจะ…โหดร้ายเกินไปไหมนะ
แต่พูดเช่นนี้ก็ดูไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่
หลังจากเรื่องวุ่นวายจบลง ทุกคนก็เริ่มหิวขึ้นมาบ้างแล้ว จึงหาอะไรกินรองท้องกันก่อนจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตนเอง
อย่างไรเสีย การรับความรู้แบบเข้มข้นในตอนเช้าก็เปลืองแรงสมองไปมาก ทุกคนจึงตัดสินใจพักสายตาชั่วครู่ เพื่อไม่ให้การเรียนในช่วงบ่ายได้รับผลกระทบไปด้วย
ช่วงบ่าย ระหว่างที่ทุกคนกำลังประชุมกันอยู่นั้น ทางด้านห้องบรรยายของมหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์กที่ประเทศเยอรมนีก็กำลังครึกครื้นไม่แพ้กัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อจากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเป็นสักขีพยานให้แก่ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งก็คือการนำแนวคิดด้านการศัลยกรรมกระดูกจากโลกตะวันออกและตะวันตกมาบูรณาการเข้าด้วยกัน
ในฐานะที่การประชุมครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการระดับโลก จึงได้รับการสนับสนุนจากบริษัทยาเจ้าใหญ่แห่งหนึ่ง บรรดาผู้เชี่ยวชาญจากทั่วทุกมุมโลกที่มาเยือนก็ล้วนเป็นบุคลากรชั้นนำในวงการ
การแพทย์ตะวันออกและตะวันตกนั้นไม่มีแนวคิดและแนวทางการรักษาที่เป็นเอกภาพพอ ด้วยเหตุผลหลายประกาย การบูรณาการทั้งสองแนวคิดเข้าด้วยกันจึงน่าจะเป็นเรื่องที่ดี
มอริสซึ่งเป็นผู้จัดการประชุมครั้งนี้ก็อดรู้สึกเบิกบานใจไม่ได้ ตอนนี้เขาอยากจะไปถามโมลโดจริงๆ ว่าคิดเสียดายบ้างหรือเปล่า
มอริสมองว่านี่คือชัยชนะของเขา ในอนาคตเขาจะต้องก้าวขึ้นเป็นผู้กุมอำนาจเพียงหนึ่งเดียวแห่งแวดวงศัลยกรรมกระดูกแน่นอน
นิตยสารของสื่อรายใหญ่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับการประชุมครั้งนี้ ถึงขั้นเชื่อว่าแนวทางการศัลยกรรมกระดูกนานาชาติฉบับใหม่จะถูกกำหนดขึ้นที่นี่
แม้แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์การอนามัยโลก ประธานสมาคมศัลยกรรมกระดูกนานาชาติ สื่อรายใหญ่ หนังสือพิมพ์ นิตยสารและอีกมากมายก็เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมที่นี่
เพราะว่าการประชุมวิชาการถือเป็นงานวิชาการที่สำคัญมากมาโดยตลอด และผู้ที่นำแนวคิดและองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการประชุมออกมานำเสนอก็คือสื่อมวลชนนั่นเอง
การบรรยายในที่ประชุมทุกครั้งย่อมมีความสำคัญมาก เอกสารต่างๆ ในที่ประชุมก็มีคุณค่าพอๆ กับรายงานวิชาการเช่นกัน
ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นจากการถูกเปรียบเทียบไปได้ ทั้งการประชุมที่จัดขึ้นในวันเดียวกัน ทั้งบุคคลมีชื่อเสียง ที่มาเข้าร่วม ตอนนี้การประชุมที่จัดขึ้นโดยไป๋เยี่ยและโมลโดที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนและการประชุมของมอริสที่ไฮเซนเบิร์กจึงกลายเป็นคู่เปรียบเทียบที่เฉียบคม
และเพราะว่าการประชุมที่เยอรมันเริ่มช้ากว่าหลายชั่วโมง หลายๆ คนจึงค่อนข้างมั่นใจกับสถานการณ์ของทางฝั่งประเทศจีนบ้างแล้ว ทั้งจำนวนผู้เข้าร่วมและสภาพการณ์ของพวกเขา
สื่อท้องถิ่นรายงาน “รายงานสดจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ตอนนี้จำนวนผู้เข้าร่วมการประชุมที่คุณโมลโดเป็นเจ้าภาพนั้นน้อยกว่าสามร้อยคน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจากประเทศจีนราวๆ สองร้อยคน ส่วนอีกราวๆ สามสิบคนมาจากประเทศเยอรมนี มีส่วนน้อยที่มาจากประเทศอื่น…กลับกัน การประชุมที่ไฮเซนเบิร์กนั้นมีผู้เข้าร่วมมากกว่าหนึ่งพันคน ทั้งหมดล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญจากทั่วทุกมุมโลกที่เคยรับผิดชอบโครงการวิจัยมามากมายหลายโครงการ รวมถึงองค์กรอนามัยโลกด้วย…ตอนนี้ผมคิดว่าคุณโมลโดจะต้องรู้สึกเสียดายแน่นอน!”
ผู้สื่อข่าวของสหรัฐฯ เองก็เน้นย้ำว่า “จำนวนจะเป็นตัวตัดสินความแตกต่างเอง ทั้งคุณโมลโดและคุณมอริสเป็นนักวิจัยที่มีสถานะเท่าเทียมกัน แต่จำนวนคนที่เลือกเข้าร่วมของทั้งสองฝั่งนั้นกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งในอนาคตอาจจะสร้างความแตกต่างทางสถานะระหว่างพวกเขาทั้งสองคนได้ คุณมอริสจะต้องกลายเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่ไม่มีวันถูกลบทิ้งของวงการศัลยกรรมกระดูกโลกอย่างแน่นอน ส่วนคุณโมลโดก็คงจะถูกกลืนกินไปในประวัติศาสตร์ เวลาย่อมไม่เคยปรานีผู้ปราชัยอยู่แล้ว”
สิ่งใดจะวัดคุณค่าและมาตรฐานของการประชุมทั้งสองนี้ได้บ้าง
จำนวนผู้เข้าร่วม
จำนวนสื่อมวลชน
จำนวนผู้เชี่ยวชาญที่มาเข้าร่วม
ลงทุนไปมากน้อยเพียงใด
หรืออิทธิพล
หากจะวัดจากสิ่งเหล่านี้จริงๆ ทั้งไป๋เยี่ยและโมลโดก็คงพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชโดยที่ไม่ต้องสงสัยเลย
เกณฑ์ที่ใช้วัดผลการประชุมวิชาการคืออะไรกันแน่ ย่อมไม่มีเกณฑ์ที่แน่นอน แต่ถ้าจะต้องเพิ่มเกณฑ์สักข้อ ก็คงจะเป็นอิทธิพลของเอกสารในที่ประชุมที่ถูกตีพิมพ์ลงนิตยสารรายใหญ่ระดับโลกหลังจบการประชุมอย่างแน่นอน
หมายความว่าอย่างไร
หลังจากที่การประชุมแต่ละครั้งสิ้นสุดลง สื่อบางแห่งจะเผยแพร่เอกสารทางวิชาการเหล่านี้โดยจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้จัดงาน ซึ่งคะแนนไอเอฟและจำนวนการอ้างอิงของเอกสารเหล่านี้จะเป็นเกณฑ์ในการตัดสินที่แท้จริง
แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น แต่ละสาขาวิชาก็ย่อมมีความแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเกณฑ์ที่สำคัญมากสำหรับการวัดผลการประชุมวิชาการ
นี่จึงเป็นสาเหตุที่สำนักนิตยสารจำนวนมากเดินทางไปเยอรมนี เพราะการประชุมนี้ว่าด้วยการบูรณาการแนวคิดตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน ผลึกแก่นแท้ของโลกแห่งการศัลยกรรมกระดูกทั้งสองจะเปล่งประกายในการประชุมครั้งนี้อย่างแน่นอน
อีกทั้งพวกเขายังมั่นใจว่าแนวทางปฏิบัติฉบับล่าสุดจะต้องถือกำเนิดขึ้นที่นี่ด้วย ทั้งการมาเยือนของมอริสและคำเชิญชวนจากโจนส์นั้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือในครั้งนี้
วินาทีที่ประตูห้องบรรยายของมหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์กปิดลง เสียงแตรแห่งการรบราก็ดังขึ้นมาในทันใด
ตอนนี้ข้อพิพาททางวิชาการนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงกลองรบ ฝุ่นควันลอยตลบไปทั่วทุกทิศ
นี่…อาจจะเป็นความสงบสุขครั้งสุดท้ายก็เป็นได้
เพราะสงครามที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกสี่สิบแปดชั่วโมงข้างหน้า
สุดท้ายแล้วชัยชนะจะตกเป็นของใคร
ถือเป็นช่วงเวลาอันแสนสำคัญ!
ไป๋เยี่ยกระหายในชัยชนะ เพราะเขาจะแพ้ไม่ได้!