สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 332 ผม...ไม่ดีพอ
บทที่ 332 ผม…ไม่ดีพอ
หลังจากที่คาโปกลับประเทศไปแล้ว เขาก็ใช้เวลาเขียนแบบร่างบทความเพียงชั่วข้ามคืน เพราะสัปดาห์หน้าเขาต้องการตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับไป๋เยี่ย
เขาลงมืออ่านหนังสือ ‘การศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉิน’ ด้วยตนเองแต่ก็ไม่เข้าใจ จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมชั้นเก่าที่เมโยคลินิก
เพราะว่าเมโยคลินิกนั้นถูกยอมรับให้เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก คงไม่ต้องพูดถึงแผนกศัลยกรรมกระดูกของที่นี่
คาโปและนิคสันเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมหาวิทยาลัย ทว่าคาโปเลือกไปทำงานด้านสื่อมวลชน ส่วนนิคสันยังคงเรียนด้านการแพทย์ต่อไป หลังจากผ่านไปนับหลายสิบปี ในที่สุดทั้งคู่ก็ประสบความสำเร็จ
คาโปได้เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการของนิตยสารไทม์แมกกาซีน ในขณะที่นิคสันได้ทำงานที่เมโยคลินิกซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ดีแห่งหนึ่งในโลก อีกทั้งปัจจุบันเขายังเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมกระดูกของที่นั่นด้วย
ตารางงานของนิคสันนั้นแน่นขนัดทุกวัน ในฐานะที่เขาเป็นหน้าเป็นตาให้กับเมโยคลินิก ทั้งทักษะ ศักยภาพและลักษณะนิสัยของเขาย่อมไม่ธรรมดา
ในทำนองเดียวกัน ทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมก็คือสินค้าราคาแพงในระบบทุนนิยม
เทียบกับคนที่มีฐานเงินเดือนระดับเดียวกัน เงินเดือนที่นิคสันได้รับเท่ากับสามสิบเท่าของเงินเดือนแพทย์คนอื่นๆ ซึ่งเวลาพักผ่อนของเขาก็ย่อมมากขึ้นไปด้วย แต่ถึงกระนั้นนิคสันก็มีเคสเข้ามาไม่ขาดสาย
เมื่อคาโปได้พบกันนิคสัน เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยก่อนด้วยรอยยิ้ม “กว่าจะได้เจอกัน ยุ่งน่าดูเลยนะ!”
นิคสันยิ้ม “ทำไงได้ ฉันใกล้จะเกษียณอยู่แล้ว ต้องหาเงินไว้เยอะๆ ฉันไม่ใช่หัวหน้าบรรณาธิการคาโปสักหน่อยที่จะเขียนอะไรก็ได้แล้วประสบความสำเร็จน่ะ”
คาโปรู้ว่านิคสันแค่หยอกเล่น แต่นั่นก็เป็นเรื่องจริงของศัลยแพทย์ เมื่ออายุมากขึ้นมือก็จะเริ่มสั่นจนทำหัตถการใดๆ ไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นศัลยแพทย์ส่วนใหญ่จึงต้องทำงานแต่อายุน้อย ไหนจะนิสัยชอบการดื่มเหล้าอีก ทำให้เมื่อมีอายุได้ห้าสิบหกสิบปีก็เริ่มมีอาการมือสั่นกันแล้ว
นี่เป็นข้อห้ามสำหรับสาขาศัลยกรรม!
คาโปถาม “นายได้ข่าวเรื่องการประชุมของมอริสที่ไฮเซนเบิร์กไหม”
นิคสันพยักหน้า “รู้สิ มอริสนี่ยังเก่งเหมือนเดิมเลยนะ ถึงฉันจะไม่ได้ไปงานนั้น แต่ฉันอ่านนิตยสารพวกนั้นหมดแล้วแหละ ถือว่าใช้ได้ แต่ว่า…เหอะๆ”
คุยกันไปได้สักพัก นิคสันก็เอาแต่หัวเราะและไม่พูดอะไรอีก
นิคสันและมอริสรู้จักกันมานานหลายปีแล้ว ในฐานะที่ทำงานสาขาเดียวกันจึงมักได้พูดคุยกันอยู่บ่อยครั้ง
นิคสันเป็นคนแสดงออกทางคำพูดไม่ค่อยเก่ง ในขณะที่มอริสรู้จุดขายของตนเองดี
เพราะฉะนั้นมอริสจึงได้รับความนิยมจากสื่อมากกว่า นิคสันถึงกับเรียกเขาว่าเป็นนักพูด ไม่ใช่แพทย์
คาโปถามต่อ “แล้วนายคิดยังไงกับโมลโด”
นิคสันจิบกาแฟและจิ๊ปากเบาๆ “โมลโดเป็นคนเก่งและนิ่งมาก เทียบกับมอริสแล้ว ฉันชื่นชมโมลโดมากกว่าอีก แต่…ทำไมเขาถึงไปจีนล่ะ ได้ยินมาว่าเขาก็จัดการประชุมด้วยนี่ แต่ฉันไม่ได้สนใจน่ะ”
คาโปโพล่งขึ้นมาในทันใด “เขาไปหาอาจารย์ที่จีนยังไงล่ะ!”
นิคสันตกใจจนแทบจะพ่นกาแฟทิ้ง “ว่าไงนะ อาจารย์ โอ้พระเจ้า ใครจะสอนโมลโดได้”
คาโปพยักหน้าและยื่น ‘เดอะแลนซิต’ ให้นิคสัน “อ่านเดอะแลนซิตฉบับล่าสุดหรือยัง”
นิคสันส่ายหัวไปมา ช่วงนี้เขายุ่งจนไม่มีเวลาอ่าน ทว่าหน้าปกนั้นกลับดึงดูดความสนใจของเขาไว้ “ว้าว ข่าวใหญ่จากริชาร์ดอีกแล้ว! ดูเหมือนฉันจะพลาดอะไรเด็ดๆ ไปแล้วสิ”
นิคสันพลิกหน้าวารสารและอ่านมันทันที เมื่อเขาได้เห็นบทความนั้นเขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำกับตนเองเบาๆ “ไป๋เยี่ยงั้นเหรอ เหมือนจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”
จากนั้นนิคสันก็เริ่มอ่านบทความนั้นอย่างตั้งใจ หลังจากที่เขาอ่านคำนำจบก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และอ่านต่อ
อย่างไรก็ตาม ยิ่งเขาอ่านมันมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกหวาดผวามากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งอ่าน…ก็ยิ่งถอนหายใจ
ข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นความจริง…
บทความนี้ไม่ได้ยาวมากนัก ทว่านิคสันใช้เวลาอ่านมันกว่าครึ่งชั่วโมง เขาพึมพำ “เป็นแบบนั้นจริงๆ”
ในฐานะที่เป็นแพทย์ ทำไมนิคสันจะไม่รู้เรื่องนี้
การผ่าตัดมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการผ่าตัดกระดูก
ไม่ต้องพูดถึงเคสกระดูกหักทั่วๆ ไป วิธีการรักษานั้นมีมานานกว่าหลายพันปีแล้ว อัตราการรักษาสำเร็จที่สูงจึงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้
แต่…สำหรับเคสที่ยากและซับซ้อนนั้น ผลการรักษาสำหรับผู้ป่วยเหล่านี้ล้วนยากที่จะคาดเดา
แม้แต่นิคสันเองก็รับประกันไม่ได้
แต่ถึงกระนั้น หลายคนก็ยังเชื่อว่าอัตราการเสียชีวิตและอัตราการรักษาล้มเหลวมีสาเหตุมาจากทักษะทางการแพทย์ที่ถูกจำกัดไว้ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการพัฒนาของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั่นเอง
แต่ไม่เคยมีใครศึกษามันเลยหรือ
มีสิ แต่ล้มเหลว
เมื่อนิคสันได้เห็นแนวคิดการศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉินที่ไป๋เยี่ยเสนอ เขาก็เบิกตากว้างทันที!
ศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉิน!
ใช่แล้ว เขาคือไป๋เยี่ยคนนั้นนี่เอง
เมื่อไม่นานมานี้นิคสันได้รับจดหมายเชิญจากโมลโดให้เข้าร่วมการประชุมหัวข้อ ‘ศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉิน’ ของไป๋เยี่ย
เพียงแต่ว่าเขาไม่รู้จักไป๋เยี่ย อย่าว่าแต่จะเข้าร่วม แม้แต่จดหมายเชิญฉบับนั้นเขายังทิ้งไปเลย
จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา
รู้แบบนี้คงลองไปดูแล้ว
แพทย์อย่างนิคสันย่อมเข้าใจอาการของผู้ป่วยและสถานการณ์ของการแพทย์ในปัจจุบันได้ดีที่สุด
เขารู้ดีว่าตัวเลขเหล่านั้นเป็นสถิติที่ถูกเก็บรักษาไว้ เป็นการยากที่จะนำข้อมูลขนาดใหญ่เช่นนั้นออกมาคำนวณ
นิคสันคิดแล้วก็ถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง
ทันใดนั้นคาโปก็เอ่ยขึ้น “วันนี้ฉันมาหานายเพราะอยากให้นายช่วยอ่านและประเมินหนังสือเล่มนี้”
คาโปพูดพลางยื่นหนังสือ ‘ศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉิน’ ให้นิคสัน
“ไป๋เยี่ยเป็นคนเขียนมันขึ้นมา มันเป็นหนังสือสรุปผลการประชุมที่เอาไว้ใช้ในสถาบัน นายว่ามันมีคุณค่ามากแค่ไหน”
นิคสันได้ยินดังนั้นก็หันกลับมาในทันที เขารับหนังสือ ‘ศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉิน’ มาด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะเปิดอ่านมันอย่างไม่รีรอ
เพียงแต่ว่า…
ราวๆ ห้านาทีต่อมา นิคสันก็เบิกตาอ้าปากกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ!
วิเศษสุดๆ!
เขาปิดหนังสือลงและหันไปทางคาโป “ได้ ขอเวลาสักพัก ฉันอ่านจบแล้วจะบอกนาย!”
หลังจากที่คาโปออกไปแล้ว นิคสันก็รีบโทรตามผู้ช่วยของเขาทันที “วันนี้ยกเลิกเคสผ่าตัดทั้งหมด”
ผู้ช่วยได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแหย “หัวหน้าแผนก…วันนี้คุณมีนัดกับเคสที่เป็นลูกชายเจ้าของบ่อน้ำมัน เขาจ่ายคุณในราคาที่สูงมากนะครับ…”
นิคสันขัด “บอกเขาไปว่าวันนี้ผมปอดอักเสบ!”