สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 334 ปริญญาเอก
บทที่ 334 ปริญญาเอก
คำพูดของหลีจื่อเหยียนทำให้ทั้งห้องเงียบไปในทันที
หูไฉ่อวิ๋นถามขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมถึงลาออกล่ะ เป็นหมอก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
หลีจื่อเหยียนยิ้ม “หนูรู้สึกว่าตัวเองมีข้อบกพร่องอีกเยอะ ก็เลยสมัครเรียนปริญญาเอกไปน่ะค่ะ ตอนนี้ประกาศก็ออกมาแล้วด้วย หนูกับพ่อคุยกันและช่วยกันตัดสินใจแล้วค่ะ”
ปริญญาเอก?
ด็อกเตอร์หญิง!
แววตาของไป๋หลิงแฝงแววตื่นตะลึง เธอมองไปทางหลีจื่อเหยียนด้วยท่าทีตื้นตันใจปนอิจฉา “พี่จื่อเหยียนเก่งมากเลย นั่นมันป.เอกเลยนะ! วุฒิสูงสุดในครอบครัวเหล่าไป๋ยังไม่สูงเท่านั้นเลย”
หูไฉ่อวิ๋นมองหลีจื่อเหยียนด้วยความชื่นชม บอกตามตรง เธอถูกใจสาวน้อยคนนี้มาก ทั้งมีไหวพริบ มีเป้าหมายและเด็ดเดี่ยว
ถึงแม้ว่าเธอจะทำงานในโรงพยาบาลใหญ่อย่างผู่เจ๋อ แต่เธอกลับไม่พอใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ จึงเลือกที่จะออกมาเรียนปริญญาเอกต่อ
หูไฉ่อวิ๋นยิ้ม “ดีเลย เป็นด็อกเตอร์ก็ดี! จื่อเหยียนจะไปสอบที่ไหนล่ะ”
หลีจื่อเหยียนอดประหม่ากับคำชมไม่ได้ “หนูสอบได้สาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ยูเนียนค่ะ”
ไป๋เยี่ยถึงกับตะลึง “ทำไมไม่เรียนแพทย์ฉุกเฉินต่อล่ะ ไม่ใช่ว่าเธอเคยอยู่วอร์ดฉุกเฉินหรอกเหรอ”
หลีจื่อเหยียนถอนหายใจ “พ่อบอกว่างานในวอร์ดฉุกเฉินมันหนักเกินกว่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทนไหว ต่อไปพอแต่งงานแล้วก็ต้องยุ่งกับเรื่องครอบครัวอีก ก็เลยให้ฉันเรียนสาขาที่ง่ายและไม่ยุ่งยากน่ะ”
“อีกอย่าง เวชศาสต์ฟื้นฟูยังใช้ดูแลคนในครอบครัวได้ดีมากด้วย”
แววตาของหูไฉ่อวิ๋นเปี่ยมไปด้วยความสุข เมื่อได้ฟังสิ่งที่หลีจื่อเหยียนพูด หากว่ากันตามตรง เมื่อก่อนหูไฉ่อวิ๋นเองก็คิดว่างานในวอร์ดฉุกเฉินนั้นทั้งยุ่งและเหนื่อย มันหนักเกินไปสำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง หากต่อไปหลีจื่อเหยียนจะต้องแต่งงานกับไป๋เยี่ยจริงๆ ไป๋เยี่ยก็คงยุ่งมาก ส่วนหลีจื่อเหยียนก็ไม่ได้อยู่บ้าน แล้วใครจะดูแลลูกๆ ล่ะ
เพราะฉะนั้น เมื่อหูไฉ่อวิ๋นได้ยินว่าหลีจื่อเหยียนเลือกเรียนเวชศาสตร์ฟื้นฟูซึ่งเป็นสาขาที่เน้นดูแลผู้สูงอายุ ก็พลันรู้สึกใจชื้นขึ้นมามาก
ไป๋เยี่ยเองก็เข้าใจจุดนั้นดี มิน่าล่ะทำไมช่วงนี้หลีจื่อเจียนถึงดูยุ่งๆ ที่แท้เธอก็ไปสอบปริญญาเอกนี่เอง
แล้วก็…เรียนสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟูงั้นเหรอ
ไม่เลว!
ไป๋เยี่ยพยักหน้า แถมยังได้เป็นด็อกเตอร์ที่ยูเนียนด้วย สุดยอดจริงๆ
การสอบเข้าระดับปริญญาเอกไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่การสอบเข้าที่ยูเนียนย่อมเป็นเรื่องยากมาก
เป็นเหตุมาจากจำนวนรับสมัครที่น้อยเกินไป ในขณะที่มีคนเข้ามาสมัครจำนวนมาก
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็นึกได้ถึงสิ่งที่เกาเย่ว์หยางเคยบอกเขาไว้เมื่อนานมาแล้วเกี่ยวกับการไปเป็นอาจารย์ที่ยูเนียน เดิมทีเขาคิดว่ามันยุ่งยากจึงไม่ได้ตอบรับไปในทันที แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหยิบเรื่องนี้กลับมาคิดอีกทีเสียแล้ว
ถ้าเสียวจื่อเหยียนถูกคนอื่นๆ ในยูเนียนข่มเหงล่ะ!
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็รู้สึกว่าตนควรจะบอกผู้อำนวยการเกาเป็นนัยๆ ไว้ อย่างไรเสียทั้งสองคนก็มีใจให้กันอยู่แล้ว
อืม!
วันธรรมดาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็เป็นวันพฤหัสบดีแล้ว ชีวิตประจำวันของไป๋เยี่ยก็ยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าสองวันก่อนเขาดูจะมีเรื่องเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง นั่นคือเขาดันไปติดซีรีส์กับพวกสาวๆ เสียได้
อื้ม! ที่แท้การติดซีรีส์ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง แต่สิ่งที่น่ารำคาญใจที่สุดก็คือคุณเร่งให้มันฉายเร็วขึ้นไม่ได้ ไว้มีเงินก่อนค่อยว่ากันเรื่องนี้เถอะ
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็พลันนึกไปถึงเมื่อก่อนตอนที่เขาชอบอ่านนิยายที่ผู้เขียนจะเข้ามาอัปเดตอยู่เสมอ
ทว่าในวันนี้ ในที่สุดนิตยสารไทม์แมกกาซีนฉบับใหม่ก็ถูกวางจำหน่ายเสียที
แม้ว่านิตยสารไทม์แมกกาซีนจะถูกแบ่งออกเป็นฉบับในประเทศ ฉบับต่างประเทศ ตลอดจนฉบับยุโรปและเอเชีย แต่เนื้อหาโดยทั่วไปก็เหมือนๆ กัน ทั้งนั้น
ในคอลัมน์บุคคลของไทม์แมกกาซีนมีชื่อภาษาจีนปรากฏอยู่ชื่อหนึ่ง เป็นชื่อของไป๋เยี่ยนั่นเอง!
เมื่อเทียบกับเดอะแลนซิตแล้ว ไทม์แมกกาซีนดูจะมีอิทธิพลมากกว่า เพราะเนื้อหานั้นมีความเกี่ยวข้องกับทุกชนชั้นในสังคม มีผู้อ่านจำนวนมากจากทั่วโลก ซึ่งคอลัมน์บุคคลก็คือคอลัมน์ที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุด
เพราะว่าบุคคลประจำปีส่วนมากก็มักจะถูกคัดเลือกจากคอลัมน์บุคคลของไทม์แมกกาซีน
เมื่อไทม์แมกกาซีนฉบับล่าสุดได้นำบทความล่าสุดของไป๋เยี่ยในเดอะแลนซิตมาสรุป ก็ได้แนะนำตัวไป๋เยี่ยไปด้วย ซึ่งจะเน้นไปที่บทบาทสำคัญและคุณูปการที่เขามีต่อการศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉิน ทั้งยังเสียดสีบุคลากรทางการแพทย์บางคนที่ไม่ทำหน้าที่ของตนให้ดี เอาแต่สนใจการประชุมและการโฆษณาโดยไม่สนใจแก่นแท้ของการแพทย์
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของไทม์แมกกาซีนได้เป็นอย่างดี เพราะจำนวนผู้อ่านนั้นเยอะมากจริงๆ
นอกจากนี้ กลุ่มผู้อ่านเดอะแลนซิตส่วนใหญ่ยังเป็นบุคลากรทางการแพทย์ หลังจากที่ได้เห็นตัวเลขเหล่านั้น ก็ต่างพากันนิ่งเงียบไปเพราะว่า…นั่นคือภารกิจและความรับผิดชอบของพวกเขา
แต่ไทม์แมกกาซีนนั้นต่างออกไป เพราะว่ากลุ่มผู้อ่านนั้นครอบคลุมตั้งแต่ชนชั้นกลางไปจนถึงบุคลาการระดับสูงในแต่ละสาขาอาชีพ
สิ่งที่นิตยสารไทม์แมกกาซีนส่งเสริมคือค่านิยมแบบอเมริกัน ซึ่งให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นหลัก โดยจะเน้นไปที่สุขภาพ การแพทย์และยารวมถึงสุขอนามัยต่างๆ
เพราะฉะนั้น หลังจากที่ข่าวถูกประกาศออกมา ผู้คนที่คอยติดตามเรื่องนี้ก็พากันตื่นเต้น
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่อย่างใด กลับกัน มันเกี่ยวโยงถึงความปลอดภัยของชีวิต ภายในระยะเวลาแค่หนึ่งวัน ไทม์แมกกาซีนก็ได้รับ ‘สารจากผู้อ่าน’ นับแสนฉบับ
แม้แต่คนที่สำนักงานใหญ่ก็ไม่คาดคิดว่าคอลัมน์ดังกล่าวจะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากขนาดนี้
สิ่งที่ไทม์แมกกาซีนให้ความสำคัญมากที่สุดคือสารจากผู้อ่าน ซึ่งจะมีการตีพิมพ์ข้อความเหล่านั้นลงในคอลัมน์แรกด้วย และทุกครั้งจะต้องมีการรวบรวมข้อความเหล่านั้นไว้
ทว่าจู่ๆ อินบอกซ์ของไทม์แมกกาซีนกลับได้รับอีเมล์เยอะเสียจนทีมงานอ่านไม่ทัน
คาโปถึงกับถูกผู้อำนวยการกองบรรณาธิการเรียกไปคุยที่ออฟฟิศ ถึงแม้ว่าคาโปจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีเสียงตอบรับมากมายเช่นนี้
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครคิดว่าจู่ๆ บุคคลไร้ตัวตนอย่างไป๋เยี่ยจะได้มาอยู่ต่อหน้าสายตาผู้คนจำนวนมาก
เช่นเดียวกับนักบินธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ได้รับการคัดเลือกโดยไทม์แมกกาซีน เขาดึงดูดผู้คนนับไม่ถ้วนไว้ด้วยความมีจรรยาบรรณและเสน่ห์ในวิชาชีพของตนเอง
ในฐานะที่สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแนวคิดเสรีนิยมมากที่สุดในโลก ผู้คนจำนวนมากถึงกับเริ่มทำแบนเนอร์และออกมาเดินขบวนตามท้องถนน
เพราะพวกเขารู้สึกว่าชีวิตของพวกเขาไม่ได้ถูกรับประกันความปลอดภัยแต่อย่างใด
ผู้คนต่างหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะให้ความสนใจกับวงการแพทย์มากขึ้น รวมถึงรัฐสภาที่ต้องให้ความสนใจกับการพัฒนายาและยกระดับสุขภาพของประชาชน
หลังจากการตื่นรู้ในช่วงสองวันนี้ ในที่สุดทุกคนก็พุ่งเป้าไปที่มอริสจากมหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์ก!
เพราะผู้คนต่างรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกหลอก พวกเขาไม่ใช่คนโง่ พวกเขาต้องการรับรู้ถึงสถานการณ์ทางการแพทย์ในปัจจุบันตามความเป็นจริง แทนที่จะถูกกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่าผู้เชี่ยวชาญปิดบังไว้
พวกเขาหวังว่าบุคลากรทางการแพทย์จะเคารพข้อเท็จจริง ใช้วิธีการและองค์ความรู้ในรักษาโรค แทนที่จะใช้ผลประโยชน์มายกระดับความสามารถของตนเอง
เพราะว่าการแพทย์นั้นไม่อาจโฆษณาได้! และจะไม่มีวันได้รับอนุญาตให้โฆษณา!