สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 338 ฉันกำลังรอไป๋เยี่ยอยู่
บทที่ 338 ฉันกำลังรอไป๋เยี่ยอยู่
การมาของมอริสเป็นที่น่าจับตามองของทุกคน เขาได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากคนมากมาย
ไม่ว่าจะอย่างไร ขอแค่ได้เดินทางไปฮอลลีวูดและให้ร่วมให้คำปรึกษาก็เพียงพอแล้ว
เรียกได้ว่าทีมงานมาร์เวลทุ่มทันกับการรักษามาก เมื่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญมาถึง พวกเขาก็เริ่มปรึกษาร่วมกันทันที
ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ เกิดการประชุมกันราวๆ สี่ถึงห้าครั้งภายในเวลาแค่หนึ่งวัน
ความผิดหวังที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ทำให้ทุกคนต่างคาดหวังกับมอริส
พวกเขาก็ยังคงกลัวว่ามอริสจะรักษาครูซไม่ได้ แม้ว่ามอริสจะเป็นตัวแทนของผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อระดับสูงคนหนึ่ง
รถกู้ภัยคือยานพาหนะที่ครอบคลุมไปด้วยเทคโนโลยีที่พร้อมรองรับการผ่าตัดทุกรูปแบบ
ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญกว่าสามสิบคนต่างมารวมตัวกันที่สถานพยาบาลชั่วคราว
พวกเขากำลังรอการประเมินขั้นสุดท้ายจากแผนกกระดูกและข้อ เมื่อทราบผลแล้วจึงค่อยตัดสินใจว่าจะรับมืออย่างไรต่อไป
แต่เพราะว่าตัวเลือกการรักษานั้นสำคัญมาก ทุกคนจึงต้องไตร่ตรองและอภิปรายกันโดยหวังว่าจะได้วิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
“คุณโมนิกา สามสิบหกชั่วโมงคือเวลาที่เรารับประกันความปลอดภัยได้ แต่ถ้าเกินจากนี้เราจะรับประกันอาการของคุณครูซไม่ได้แล้ว”
“ถูกต้องครับ ถ้าเรายังไม่มีผลสรุปภายในสามสิบหกชั่วโมงนี้ เราจะต้องดำเนินการตามที่ได้ปรึกษากันไว้”
“ปัจจุบันเทคโนโลยีการศัลยกรรมกระดูกยังไม่พัฒนาถึงขีดสุด ถ้าคุณมอริสไม่มีวิธีแก้ปัญหา เราก็ต้องตัดสินใจเดี๋ยวนี้เลย!”
ผลตัดสินจากผู้เชี่ยวชาญกว่าสามสิบคนคือให้เคลื่อนย้ายครูซไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัย แต่การขนส่งครูซไปโรงพยาบาลเพื่อทำการผ่าตัดอย่างปลอดภัย ถึงแม้ว่ารถกู้ภัยจะมีเงื่อนไขเพียงพอต่อการผ่าตัด แต่ยังคงขาดเครื่องมือและอุปกรณ์สำคัญๆ หลายชิ้น
และไม่มีทางที่จะขนส่งเครื่องมือเหล่านั้นได้
สิ่งเดียวที่โมนิกาต้องทำคือเซ็นชื่อยินยอมเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด หากเกิดเหตุไม่คาดฝันระหว่างเคลื่อนย้าย
โมนิการู้สึกกระวนกระวายใจดั่งมีไฟแผดเผา!
จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น โมนิกาคว้ามันขึ้นมาดูเบอร์ในทันที
“คุณโมนิกา คุณไป๋เยี่ยจะมาถึงภายในหกชั่วโมง!”
โมนิกาได้ยินดังนั้นก็รีบดูเวลา เหลือเวลาอีกสิบสองชั่วโมงก็จะครบสามสิบหกชั่วโมงแล้ว ขอให้ไป๋เยี่ยคนนี้เก่งเหมือนที่นิคสันพูดไว้แล้วกัน!
นี่เป็นสายที่ห้าหรือหกแล้วที่โมนิกาโทรออก เธอคอยโทรถามทุกๆ ชั่วโมง โชคดีที่นี่เป็นการกู้ภัยจึงเดินทางผ่านเส้นทางด่วน ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบห้าถึงสิบหกชั่วโมงกว่าไป๋เยี่ยจะมาถึงฮอลลีวูด
หลังจากวางสาย โมนิกาก็กล่าวขอบคุณกับบรรดาผู้เชี่ยวชาญ “ขอบคุณทุกคนนะคะ โปรดรออีกสักหน่อย ผู้เชี่ยวชาญคนสุดท้ายจะมาถึงในหกชั่วโมง ถ้าเขาทำอะไรไม่ได้ ฉันจะเซ็นใบนี้และทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทันทีค่ะ”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าจะยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่ง
มอริสควรจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้วไม่ใช่เหรอ
ทุกคนคิดว่าโมนิกาควรจะให้พวกเขาเริ่มทำการรักษาพยาบาลได้แล้ว
จู่ๆ ก็มีคนถามขึ้น “ขอโทษนะครับ คุณโมนิกา ผมขอถามได้ไหมว่าคนที่จะมาคือใคร”
ทุกคนเงี่ยหูฟังอย่างสงสัย ต่างอยากรู้ว่าคนที่โมนิกาไว้วางใจมากขนาดนั้นคือใคร
โมนิกาเอ่ย “ไป๋เยี่ยจากประเทศจีน”
ทุกคนได้ฟังดังนั้นก็มองหน้ากันด้วยความสับสน เขาคือใคร ไป๋เยี่ยคือใคร
จีน?
ไป๋เยี่ย?
แพทย์แผนจีน?
ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นใดๆ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของโมนิกา ตราบใดที่มันไม่ส่งผลกระทบต่อการรักษาของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีบางคนที่ยังไม่สงบปากสงบคำ “หวังว่าจะไม่ใช่คนไม่น่าไว้ใจนะ…”
คนที่พูดไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก แต่เป็นทีมกู้ภัยที่มาช่วยครูซ ถึงกระนั้นก็ยังพอเข้าใจได้ว่าเหตุใดพวกเขาถึงพูดเช่นนี้
บางคนถึงกับส่ายหัวไปมา คนรวยจะไปพบแพทย์ทีก็มักจะวุ่นวายเสมอ พวกเขาชอบเชิญคณะผู้เชี่ยวชาญมาหลายๆ คน แต่สุดท้ายกลับไม่บังเกิดผล
แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ได้แต่ถอนหายใจและไม่พูดอะไรต่อ
นิคสันโพล่งขึ้นมาในทันใด “ผมไม่รู้ว่าชายคนนี้จะมีศักยภาพด้านอื่นๆ หรือเปล่า แต่เขาคือคนที่เหมาะสมกับการกู้ภัยครั้งนี้ที่สุด เพราะว่า…ทักษะด้านการศัลยกรรมกระดูกของเขานั้นเป็นเลิศจริงๆ”
“และเขาก็คือคนที่ผมเสนอให้เชิญมา”
ทุกคนมองสีหน้าอันมุ่งมั่นของนิคสันด้วยความตื่นตะลึง
อย่างไรเสียความสามารถของนิคสันก็เป็นที่ประจักษ์ต่อทุกคน เขาเป็นถึงศัลยแพทย์กระดูกและข้อชั้นนำในสหรัฐอเมริกาและเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมกระดูกที่เมโยคลินิก คนที่เขาเชิญมาจะต้องแข็งแกร่งพอสมควรแน่นอน
แต่ทุกคนก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับไป๋เยี่ยมากนัก เพราะพวกเขาเองก็ไม่มั่นใจในอัตราการรอดชีวิตของครูซ
สามสิบเปอร์เซ็นต์
หรือจะแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์
เปอร์เซ็นต์ดังกล่าวย่อมขึ้นอยู่กับความปลอดภัยระหว่างที่ส่งตัวครูซไปยังโรงพยาบาล
เพราะฉะนั้นโอกาสในการเคลื่อนย้ายสำเร็จจะมีเพียงสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น!
แต่กลับไม่มีใครพูดถึงมันเลย
มอริสเป็นคนมีพรสวรรค์และความรู้ ทว่าอย่างน้อยเขาก็รู้ตัวดีว่าเขาทำไม่ได้
นี่ก็ถือเป็นการทดสอบมาตรฐานอย่างหนึ่ง
มอริสคิดว่าตนควรทำอะไรสักอย่าง แต่หลังจากตรวจสอบมาทั้งวันแล้ว เขากลับไม่มีความคิดเห็นที่เกิดประสิทธิผลได้เลย
อาการของครูซไม่คงที่ ตอนนี้เขาแทบไม่รู้สึกตัว ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วนี่คืออาการทางพยาธิวิทยาอย่างหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นมอริสก็ไม่กล้าลงมือตรวจร่างกายครูซ
แล้วจะทำอย่างไร
หลังจากที่ได้พูดคุยและตรวจสอบร่วมกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ แล้ว มอริสก็ได้ข้อสรุปว่า ‘อาการของผู้บาดเจ็บจะดีขึ้นได้หากได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ’
หลังจากออกจากห้องผ่าตัด มอริสและคนอื่นๆ ก็ตรงไปที่ห้องพักแพทย์ทันที “เราจะยืดเยื้อไปนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว อาการของผู้บาดเจ็บเริ่มไม่คงที่มากขึ้น จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว บางทีนี่อาจจะช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของเขาได้บ้าง!”
ผู้เชี่ยวชาญรอบๆ พากันพยักหน้า จริงอยู่ที่ว่าอาการจะคงตัวไปได้อีกสามสิบหกชั่วโมง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เป็นอะไร
เพราะว่าเวลาสามสิบหกชั่วโมงนี้เป็นเพียงเวลาที่พวกเขาใช้ในการถกเถียงถึงวิธีการรักษากัน
มอริสคิดว่าเขาควรเป็นคนสุดท้ายที่ต้องตัดสินใจ จึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“คุณโมนิกา คุณต้องตัดสินใจแล้ว เราสรุปผลไม่ได้ถ้าไม่มีการวินิจฉัยและรักษา แต่ตอนนี้ ต่อให้คุณครูซยังทนได้ เราก็เปลี่ยนแปลงผลการอภิปรายไม่ได้อยู่ดี”
โมนิกาได้แต่พยักหน้าและกล่าวขอบคุณ “รออีกหน่อยนะคะ”
มอริสชะงักไปชั่วครู่ “รออีกหน่อยงั้นเหรอ ผมคิดว่ามันไม่จำเป็นแล้ว คุณโมนิกา คุณต้องตั้งสตินะครับ ทุกนาทีที่คุณเสียไปคือเวลาที่จะช่วยชีวิตเขานะครับ”
“ผมคิดว่าตอนนี้รอไปก็ไม่ได้อะไรหรอกครับ รออีกหน่อยก็เปลี่ยนแปลงอาการของคุณครูซไม่ได้แล้ว ถูกไหมครับ แล้วคุณกำลังรออะไรอยู่ล่ะครับ”
โมนิกาตอบ “ฉันกำลังรอคุณหมอไป๋เยี่ยอยู่ค่ะ”
มอริสถึงกับหน้าซีด
ทำไมถึงเป็นเขาอีกแล้ว