สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 340 ถ้าคุณทำได้ก็ทำเลย!
บทที่ 340 ถ้าคุณทำได้ก็ทำเลย!
โมนิกาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่เธอกำลังจะพยักหน้าตอบตกลง เสียงของมอริสก็ดังแทรกขึ้น “ถ้าเกิดอะไรขึ้น ใครจะรับผิดชอบ”
นิคสันชะงักไปก่อนจะส่ายหัวไปมา จะทำไงได้ล่ะ ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็เสี่ยงหมดนั่นแหละ ต่อให้ไม่ลงมือทำอะไร ความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไปอยู่ดี
แต่ต้องขอย้ำว่า ความเสี่ยงและโอกาสนั้นเป็นของคู่กัน
ถึงแม้ว่านิคสันจะต้องการให้โมนิการีบตอบรับ แต่เขาก็ยังต้องนำเรื่องนี้ไปคิดต่ออยู่ดี
นิคสันเอ่ยปากอธิบาย “คุณโมนิกา ตอนนี้อาการของคุณครูซไม่ค่อยดีนะครับ ยิ่งได้ตรวจเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งมีผลสรุปเร็วเท่านั้น ผมมั่นใจในตัวคุณไป๋เยี่ยนะครับ อีกอย่าง ศาสตราจารย์โมลโดก็อยู่ที่นี่ ผมเชื่อว่าทุกคนที่นี่ต้องได้ยินชื่อเสียงของเขามาบ้างอยู่แล้ว”
ทุกคนพยักหน้า ใครๆ ก็รู้จักโมลโด เขาเป็นถึงปรมาจารย์ด้านศัลยกรรมกระดูกจากเยอรมัน ตอนแรกเขาโด่งดังกว่ามอริสเสียอีก เพราะเขาเคยเกือบได้รับตำแหน่งเป็นประธานสมาคมศัลยกรรมกระดูกนานาชาติแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่ลุ่มหลงในยศถาบรรดาศักดิ์ ตอนนี้เขาก็คงโด่งดังสุดๆ ไปแล้ว
มอริสมีความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัว เขาอยากรู้ว่าไป๋เยี่ยจะทำอะไรและจะวินิจฉัยอย่างไรบ้าง ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เขาก็จะผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้ไป๋เยี่ย!
เพียงแต่ว่า…ควรจะทำอย่างไรถึงจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวดี
ทันใดนั้นมอริสก็คิดออก เขาหันกลับมาพูดกับทุกคน
“ศาสตราจารย์นิคสันพูดถูกจริงๆ คุณโมนิกา ผมคิดว่าควรให้ไป๋เยี่ยรีบตรวจดีกว่า ถึงแม้ว่าอาการของคุณครูซจะคงตัวมากว่าสามสิบชั่วโมงแล้ว แต่ยิ่งรักษาเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีนะครับ”
“อีกอย่าง ถ้าตรวจเสร็จแล้วมีความจำเป็นที่จะต้องนำส่งโรงพยาบาลทันเวลาก็จะเป็นการประหยัดเวลาลงด้วย สิ่งที่เราขาดแคลนมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเวลา แต่ว่า…”
“ผมขอแนะนำให้ถ่ายทอดสดวิดีโอในรถกู้ภัยด้วย เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ได้ตรวจสอบและปรับเปลี่ยนวิธีการได้ทันท่วงทีหากเกิดปัญหาใดๆ”
โมนิกาได้ฟังดังนั้นแววตาของเธอก็เต็มไปด้วยประกาย นี่เป็นความคิดที่ดีเลยที่เดียว ผู้เชี่ยวชาญรอบตัวเธอก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย
นิคสันเงยหน้าขึ้นมองมอริส เขาสัมผัสได้ถึงเจตนาชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากบุคคลนี้ ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้
ทุกคนเห็นด้วยกับเรื่องการถ่ายทอดสด ซึ่งโมนิกาก็ยอมทำตามคำแนะนำของมอริสด้วย
นิคสันนำเรื่องนี้ไปบอกไป๋เยี่ย ทว่าไป๋เยี่ยกลับยกยิ้มและเอ่ยขึ้นอย่างสบายๆ “ได้สิครับ ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร อย่างน้อยมันก็เป็นหลักฐานที่จะช่วยปกป้องเราได้”
การถ่ายทอดสดนั้นมีประโยชน์มากมาย โดยทั่วไปจะใช้เพื่อบันทึกการทำงานเพื่อการนำไปศึกษาต่อ
ทว่ามอริสไม่ได้มีเจตนาดีเช่นนั้น ไป๋เยี่ยเองก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เพียงแต่ว่าถ้าครูซเป็นอะไรขึ้นมาจากความผิดพลาด นั่นจะกลายเป็นหลักฐานที่มัดตัวเขาไว้
ถึงไป๋เยี่ยก็ไม่ค่อยจะมั่นใจในตนเองสักเท่าไหร่ แต่นี่เป็นเพียงขั้นตอนการตรวจร่างกายเท่านั้น ไป๋เยี่ยจึงไม่เครียดเลยสักนิด แต่ถ้าเป็นขั้นตอนการผ่าตัดล่ะก็ ไป๋เยี่ยก็คงไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก
ไป๋เยี่ยไม่ได้เก็บเรื่องมอริสมาคิดต่อ เขาได้แต่ยิ้มอย่างสบายใจ เพราะว่าเขาก็คิดวิธีไว้ในหัวแล้วเช่นกัน!
แต่ความคิดนี้คงต้องว่ากันหลังจากที่ตรวจร่างกายเสร็จ เพราะมันคือความคิดอันหาญกล้าของไป๋เยี่ย
กล้องกำลังบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ ทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้งไป๋เยี่ย โมลโดและนิคสันสวมชุดผ่าตัด ทั้งสามคนพยักหน้าให้กันและเริ่มการตรวจร่างกายทันที
วิดีโอถ่ายทอดสดถูกแสดงขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องพักแพทย์ และถูกฉายไปยังจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่
ทุกคนในห้องพักดูการทำงานของไป๋เยี่ยได้อย่างชัดเจน และยังปรับมุมกล้องเพื่อเลือกดูมุมต่างๆ ได้อีกด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่โมนิกาต้องมาสังเกตอาการของพี่ชายของเธอเช่นนี้ เมื่อเธอเห็นผิวหนังที่เป็นแผลเหวอะหวะและเนื้อเยื่อบนหน้าอกของพี่ชายผ่านกล้อง น้ำตาของเธอก็เริ่มไหลรินจนไม่อาจหยุดได้ บนผิวหนังมีรูมากมายจากเศษแก้ว
ร่างกายส่วนบนที่เคยแข็งแรงกลับอ่อนยวบลง ราวกับว่าไม่อาจพยุงเนื้อเยื่อได้อีกต่อไป
ตอนนี้ไป๋เยี่ยกำลังจะเริ่มตรวจแล้ว
ไป๋เยี่ยหายใจเข้าลึกๆ และเริ่มตรวจสอบอย่างละเอียด การวินิจฉัยของเขาแตกต่างจากวิธีทั่วไป นี่เป็นวิธีการที่เขาพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์ของตนเอง
การแพทย์แผนปัจจุบันให้ความสำคัญกับการมอง การสัมผัส การกระทบและการฟัง ในขณะที่การแพทย์แผนจีนมุ่งเน้นไปที่การสังเกต การฟังและดม การถามและการคลำ อันที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาการของผู้ป่วยที่สะท้อนออกมาผ่านร่างกาย
ไป๋เยี่ยใช้แนวคิดนี้ในการเริ่มตรวจสอบกระดูกที่หักโดยการสังเกตสัญญาณต่างๆ จากภายในและภายนอกร่างกาย
บรรดาเคสในเมียนมาได้สร้างโอกาสนี้ให้กับไป๋เยี่ย ทำให้เขามีเคสตัวอย่าง ข้อสังเกตและข้อสรุปที่มากพอ
ถึงแม้ว่าในขณะนี้ การศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉินจะยังไม่ใช่องค์ความรู้ที่สมบูรณ์ แต่ก็มีหลายแง่มุมที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี
รวมถึงวิธีการวินิจฉัยแบบพิเศษด้วย
ทว่า…ราวๆ สิบนาทีต่อมา ไป๋เยี่ยก็ได้ค้นพบว่าผู้บาดเจ็บมีอาการทางพยาธิวิทยามากมาย เขาควรทำอย่างไรดี
การปรากฏอาการทางพยาธิวิทยาจำนวนมากบ่งบอกถึงความเสี่ยงบางอย่าง เช่น กระดูกซี่โครงอาจจะแทงทะลุหัวใจและปอด ไป๋เยี่ยจึงทำการตรวจสอบต่อไป
นี่คือการตัดสินใจอันกล้าหาญ!
ต้องตรวจสอบโดยการเปิดช่องอก!
ไป๋เยี่ยหันไปพูดกับโมลโด “เตรียมกล้องส่องช่องอกให้พร้อม ขอมีดผ่าตัดด้วยครับ…”
นิคสันได้ฟังดังนั้นก็กลืนน้ำลายลงคอ “เอาเลยเหรอครับ จะเปิดช่องอกจริงเหรอ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าและไม่พูดอะไรต่อ
ส่วนโมลโดก็ทำตามคำสั่งและยื่นมีดให้ไป๋เยี่ย ตอนนี้เขาได้กลายเป็นพยาบาลส่งเครื่องมือมืออาชีพไปแล้ว
ระหว่างที่ไป๋เยี่ยผ่าตัด โมลโดก็รับหน้าที่เป็นลูกมือให้ เพราะว่าเขายื่นเครื่องมือที่เหมาะสมให้โดยไป๋เยี่ยได้โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายปริปากพูด
ช่วงนี้บรรยากาศภายในรถกู้ภัยตกอยู่ในความตึงเครียด ทั้งที่มันเป็นห้องผ่าตัดขนาดเล็ก แต่นิคสันกลับรู้สึกร้อนจนเหงื่อท่วมตัว
ไม่ใช่แค่ที่นี่แต่ทุกคนในห้องพักต่างก็เริ่มกังวล!
ไป๋เยี่ยกล้าหาญมาก!
เขาลงมือโดยไม่รีรอเลย
ทันใดนั้นมอริสก็ลุกพรวดขึ้นมา “เฮ้อ…ไป๋เยี่ยนี่นะ ทำแต่เรื่องไร้สาระจริงๆ! คุณกล้าลงมือตอนนี้ได้ไงกัน ไม่รู้เหรอว่าตอนนี้สภาพคนเจ็บเป็นยังไง ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ! คุณโมนิกา ไป๋เยี่ยเชื่อถือไม่ได้จริงๆ!”
สิ่งที่มอริสพูดทำให้โมนิกาอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ พี่ชายของเธอกำลังเข้ารับการผ่าตัดแท้ๆ แต่เขากลับเอาแต่พูดไม่หยุด โมนิกาขมวดคิ้วแน่นพลางเอ่ย “ช่วยเงียบหน่อยได้ไหมคะ”
มอริสชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่คาดคิดว่าโมนิกาจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ เขาจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง “คุณรู้ไหมว่าเขากำลังทำอะไรอยู่”
โมนิกาส่ายหัว “ถ้าคุณทำได้ก็ทำเลยค่ะ ฉันจะรอจนกว่าจะรักษาเสร็จ!”
มอริสถึงกับพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง