สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 351 ค้นพบบุคลากรพิเศษ!
บทที่ 351 ค้นพบบุคลากรพิเศษ!
ตอนแรกไป๋เยี่ยต้องการไปที่สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย ทว่าโมนิกากลับพาเขาไปที่นิทรรศการแห่งหนึ่งแทน
โมนิกาหันไปพูดกับไป๋เยี่ย “ฉันคิดว่าถ้าคุณต้องการหาบุคลากร แทนที่จะหาพวกเขาจากในสถาบัน สู้มาลองหาดูที่นิทรรศการดีกว่านะคะ”
“ทุกปีๆ จะมีการจัดนิทรรศการเทคโนโลยีหลายครั้ง แต่ละงานก็มีขนาดไม่เท่ากัน แต่ถึงจะไม่ใช่งานใหญ่อะไร ก็ยังเป็นที่ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีจากทั่วโลกอยู่ดี”
โมนิกาชี้ไปที่ห้องนิทรรศการตรงหน้าเธอก่อนจะกล่าวแนะนำ “ตั้งแต่ปี 2000 ทางการแคลิฟอร์เนียก็ได้เริ่มให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น จึงลงทุนจำนวนมากกับการจัดนิทรรศการพวกนี้ขึ้น เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและการแลกเปลี่ยนความรู้ ทุกปีก็จะจัดนิทรรศการขนาดต่างๆ ขึ้นมาน่ะค่ะ”
“บังเอิญวันนี้ก็มีนิทรรศการจัดอยู่ด้วย ฉันคิดว่าคุณต้องลองมาดู ที่นี่มีบุคลากรด้านงานวิจัยหลายคนเลย และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ทำงานในสถาบัน มีหลายคนที่ทำงานวิจัยอิสระ เพราะงั้นคุณอาจจะได้เจอกับบุคลากรที่ตามหาอยู่ก็ได้นะ”
ไป๋เยี่ยเริ่มเกิดความอยากรู้อยากเห็น “ถ้าไม่มีเงินทุนหรือการสนับสนุนก็คงบรรลุผลได้ยากครับ”
โมนิกาพยักหน้า “นั่นก็จริง แต่หลังจากร่วมมือกับบริษัทแล้ว สิทธิบัตรของคุณก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นสิทธิบัตรรวมและอาจจะถูกขายออกไปเป็นชุดด้วยซ้ำ สถาบันวิจัยไม่ใช่สถานที่ทั่วไป สถาบันส่วนใหญ่ก็มีการตรวจสอบบุคลากรอย่างเข้มงวดด้วย ถ้าไม่มีผลงานที่ดีล่ะก็ ปกติแล้วก็จะไม่ได้รับเชิญให้มาทำงานด้วยนะ”
“นี่คือจุดประสงค์ของทางการแคลิฟอร์เนียในการสร้างงานนิทรรศการขึ้นมา เพื่อที่จะได้ใช้แพลตฟอร์มนี้ในการแสดงศักยภาพของนักวิจัยเอกชนและเป็นพื้นที่สำหรับนักวิจัยที่อยู่ในระดับต่ำกว่า”
โมนิกาพูดดังนั้นแล้วก็ยิ้มพลางชี้ไปทางห้องนิทรรศการ “ที่นี่จึงถูกเรียกว่า ‘จุดกำเนิดความฝัน‘ ยังไงล่ะ”
ทั้งสองคนพูดคุยกันพลางเดินเข้าไปในห้องนิทรรศการ
วันนี้มีการจัดนิทรรศการขนาดเล็ก ห้องนิทรรศการขนาดใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ แต่ละส่วนจะมีเวทีจัดแสดงพร้อมด้วยสิ่งของมากมาย
มีทั้งหินกองใหญ่ที่ระบุไม่ได้ว่ามันคืออะไร ไหนจะสิ่งประดิษฐ์อิเล็กทรอนิกส์ แอปพลิเคชั่นเอไอ และชายคนหนึ่งที่กำลังจัดแสดงแบตเตอรี่ชนิดใหม่อยู่ไกลๆ
นี่แหละสถานที่รวมตัวท็อป!
นั่นคือความประทับใจแรกของไป๋เยี่ย
โมนิกาพูดต่อ “อันที่จริงนอกจากนักวิจัยพวกนี้แล้ว ยังพนักงานจากบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งมาที่นี่ด้วย ถ้าพวกเขาเจอของดีก็จะติดต่อกัน เมื่อปีที่แล้วบริษัทแลนท์ก็เพิ่งจะเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ไป ก็ซื้อมาจากนักวิจัยที่นี่เนี่ยแหละ ตอนนั้นซื้อไปในราคาหนึ่งล้านดอลลาร์แล้วก็ขายมันออกไปในราคาหลายสิบล้านเลย”
ไป๋เยี่ยได้ฟังสิ่งที่โมนิกาพูดก็เริ่มเกิดความสนใจ เขาใช้ดวงตารอบรู้พินิจโมนิกาชั่วครู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น
[ติ๊ง! ค้นพบบุคลากรพิเศษ!]
ไป๋เยี่ยตะลึงไปชั่วขณะ บุคลากรพิเศษคืออะไรอีกล่ะเนี่ย
‘บุคลากรพิเศษ’ ที่ว่าทำให้ไป๋เยี่ยอดประหลาดใจไม่ได้จริงๆ
แค่บุคลากรหายากก็มีพรสวรรค์ระดับหกดาวแล้ว บุคลากรพิเศษนี่จะมีความสามารถระดับไหนเชียว
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็มองโมนิกาด้วยดวงตารอบรู้ในทันที
[โมนิกา:
ทักษะ: ควอนตัมฟิสิกส์เลเวล 4
นิวเคลียร์ฟิสิกส์เลเวล 4
การจัดการธุรกิจเลเวล 5
พรสวรรค์: พรสวรรค์ด้านฟิสิกส์ 6 ดาว พรสวรรค์ด้านการจัดการ 7 ดาว]
ไป๋เยี่ยถึงกับช็อกไปพักหนึ่ง เขามองโมนิกาด้วยสายตาหวั่นเกรง ตนเกือบจะมองข้ามคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ไปแล้ว
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแฝงแววครุ่นคิด “คุณโมนิกา ผมได้ยินมาว่าอาจารย์ของคุณเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลนี่ครับ ทำไมคุณถึงมาเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการล่ะ ทั้งที่เส้นทางด้านการทำวิจัยของคุณมันน่าจะเป็นไปได้อย่างราบรื่นนี่นา”
โมนิกาไม่คิดว่าไป๋เยี่ยจะถามคำถามนี้ เธอคลี่ยิ้มบางๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะหลายปีก่อนฉันต้องไปเป็นผู้จัดการให้พี่ชายล่ะก็ ฉันก็คงจะไปเป็นนักวิจัยแล้วแหละ คุณคงเดาไม่ออกแน่ว่าฉันจะทำอะไรบ้าง!”
ไป๋เยี่ยคิดว่าการแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจนั้นยากกว่าการไม่เข้าใจแต่แสร้งทำเป็นเข้าใจเสียอีก เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย “เอ๋ อะไรเหรอครับ”
โมนิกาหัวเราะเบาๆ “ฉันเรียนนิวเคลียร์ฟิสิกส์มาน่ะ ในปัจจุบันก็คือสาขาที่เกี่ยวกับนิวเคลียร์ฟิชชันและฟิวชัน คุณรู้จักเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไหมล่ะคะ”
ไป๋เยี่ยยังคงแสร้งทำเป็นตกใจ แววตาของเขาเป็นประกาย “โอ้! เก่งมากเลยครับ!”
โมนิกามองท่าทีแสดงออกจนนอกหน้าของไป๋เยี่ยออกจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความเย้ยหยัน “คุณแสดงไม่เก่งเลยค่ะ ร็อคกี้ได้บอกคุณเรื่องสาขาที่ฉันเรียนมาหรือเปล่า”
ไป๋เยี่ยชะงักไปก่อนจะค่อยๆ ยิ้มแหย โชคดีที่เขามีร็อคกี้คอยหนุนหลังไว้ เขาเป็นคนซื่อตรงเกินไป ไม่เหมาะกับการเป็นนักแสดงอย่างยิ่ง
ไป๋เยี่ยยิ้มแห้ง “แล้วทำไมคุณถึงมาเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการล่ะครับ”
โมนิกาตอบ “นั่นเป็นแค่เรื่องบังเอิญน่ะ ตอนนั้นพี่ชายของฉันมีปัญหากับบริษัทการเงิน ฉันจึงต้องมาเป็นผู้จัดการให้เขาชั่วคราว พอผ่านไปหลายปีเข้า ฉันถึงพบว่าฉันชอบด้านนี้มากกว่าก็เลยมาทำงานเป็นผู้ช่วยผอ. อันที่จริงมันไม่ใช่งานจริงๆ ของฉันหรอกค่ะ อาจารย์ของฉันก็แค่อยากให้ฉันกลับไปเยี่ยมเขาบ่อยๆ มากกว่า”
อาจารย์ของโมนิกาเป็นถึงผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ของโลก งานวิจัยหลักของเขาส่วนใหญ่จะอยู่ในแขนงสนามแม่เหล็กซึ่งมีอิทธิพลต่อแคลิฟอร์เนียมาก
ไป๋เยี่ยขานรับเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นคุณ…ต่อไปคุณจะยังเป็นผู้จัดารของทอมครูซอยู่ไหมครับ”
โมนิกถอนหายใจพลางส่ายหัวไปมา “ฉันไม่อยากให้เขาเป็นนักแสดงแล้วค่ะ มันอันตรายเกินไป แถมยังใช้ชีวิตแบบปกติไม่ได้ด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมันคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว ฉันอยากรอให้พี่ชายหายดีก่อน จากนั้นก็ให้เขาไปทำอย่างอื่น ส่วนตัวฉัน…เฮ้อ…ฉันเองก็ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ”
ทันใดนั้นไป๋เยี่ยก็เบิกตากว้างก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนิกา ผมว่าพวกเราน่าจะพอคุยกันได้นะ”
โมนิกาถึงกับชะงักไปแล้วจึงกล่าวอย่างติดตลก “ฉันผ่าตัดไม่เป็นค่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการรักษาหรือช่วยชีวิตใครเลย เราจะร่วมมือกันได้ไงล่ะคะ”
ไป๋เยี่ยมองโมนิกาพร้อมกับส่ายหัวไปมา “พวกเราน่าจะลองมาคุยเรื่องในระยะยาวดูนะครับ!”
โมนิกาขมวดคิ้ว “เรื่องระยะยาวเหรอ”
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างได้ ใบหน้าของเธอค่อยๆ ขึ้นสีแดงก่ำ “คุณไป๋เยี่ย ฉันรู้สึกขอบคุณที่คุณช่วยชีวิตพี่ชายฉันไว้นะคะ แต่ว่า…ฉันมีคนที่ชอบแล้ว!”
ไป๋เยี่ยนิ่งไป นี่มันอะไรกันฟะเนี่ย!
“ไม่ใช่แล้ว คุณโมนิกา คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมหมายถึงว่าคุณสนใจจะบริหารองค์กรการแพทย์ระดับโลกไหมต่างหากล่ะครับ”
โมนิกาถึงกับช็อก!
“ทั่วโลก? องค์กรการแพทย์? คุณหมายถึงเมโยคลินิกเหรอคะ”
ไป๋เยี่ยยิ้ม “อาจจะยิ่งใหญ่กว่าเมโยคลินิกด้วยซ้ำ!”
โมนิกามองไปทางไป๋เยี่ยและเข้าใจได้ในทันที แปลว่าไป๋เยี่ยต้องการสร้างองค์กรแพทย์ระดับนานาชาติงั้นเหรอ
จะเป็นไปได้เหรอ
แต่ถึงกระนั้น เมื่อเธอมองดูรอยยิ้มและสีหน้าแห่งความมุ่งมั่นของไป๋เยี่ยแล้ว เธอก็พลันตื่นเต้นไปด้วย
บางทีเขาอาจจะทำได้ก็ได้นะ!
โมนิการู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว เธอไม่ได้ด่วนสรุปแต่กลับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันบริหารองค์กรที่คุณว่าไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้ฉันทำได้แค่ระดับโรงพยาบาลเท่านั้น”
ไป๋เยี่ยคลี่ยิ้มบางๆ “ตอนนี้ผมมีโรงพยาบาลแล้ว แต่ผมขาดบุคลากรฝ่ายบริหารอยู่นะครับ!”
โมนิกาเห็นว่าไป๋เยี่ยดูจะไม่ได้พูดเล่นจึงพยักหน้าลง “ฉันจะลองพิจารณาดูแล้วกันค่ะ! ไว้เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันต่อ เราเข้าไปข้างในก่อนเถอะ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าก่อนจะหันหลังกลับไป
ห้องนิทรรศการแห่งนี้มีขนาดไม่เล็กมาก แต่ก็มีผู้คนมากมายมาเยี่ยมชม ไม่ว่าจะเป็นครูและนักเรียนชั้นประถมศึกษา
ส่วนโมนิกาก็คอยเดินอยู่ข้างๆ ไป๋เยี่ยพร้อมกับแนะนำให้เขาไปพลางๆ