สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 356 ค่าประสบการณ์ล้นทะลัก
บทที่ 356 ค่าประสบการณ์ล้นทะลัก
คำพูดของร็อคกี้ทำให้ไป๋เยี่ยตื่นตาตื่นใจ
เพราะว่านี่คือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวชัดๆ แต่ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ
ปัจจุบันการพัฒนามีแนวโน้มที่จะเกิดจากความร่วมมือและการสื่อสารมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนับเป็นกระบวนการในการเรียนรู้และความก้าวหน้า
ซึ่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียวิทยาเขตลอสแอนเจลิสนั้นอยู่ในอันดับที่สิบสองของโลก วิทยาลัยแพทย์ของที่นั่นจะไม่ดีได้อย่างไร
ที่สำคัญที่สุดคือแพลตฟอร์มของที่นี่ เหมือนที่โมนิกาเคยแนะนำไว้ว่ามันคือเครือมหาวิทยาลัยรัฐที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก
ถ้าไป๋เยี่ยได้ร่วมมือกับอีกฝ่าย นั่นหมายความว่าเขาจะสามารถใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวในการทำสิ่งต่างๆ
นับเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องที่ดีสำหรับไป๋เยี่ยอย่างยิ่ง!
สุดท้ายแล้วการพึ่งพาแต่ระบบก็ไม่อาจคงอยู่ได้นานนัก วิธีแก้ปัญหาระยะยาวคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการอยู่รอด
และความร่วมมือก็เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้
นอกจากนี้ ไป๋เยี่ยจะรับนักศึกษาจำนวนมากจากวิทยาลัยแพทย์แคลิฟอร์เนียเข้ามาผ่านความร่วมมือในครั้งนี้ได้ด้วย!
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็รู้สึกว่าถึงเขาจะไม่ได้ทำเพื่อตำแหน่งนักวิชาการฉางเจียง แต่เขาก็ต้องไปที่นั่นอยู่ดี
หลังจากที่ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋เยี่ยก็ตอบตกลง อีกฝ่ายที่ได้ยินเช่นนั้นก็พลอยเบิกบานใจไปด้วย
อย่างไรเสีย คนอย่างไป๋เยี่ยก็มีอนาคตอันกว้างไกลไร้ขีดจำกัด มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนคนหนึ่งจะได้รับเกียรติมากมายขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย
ไป๋เยี่ยตอบรับ “ขอบคุณคุณร็อคกี้มากนะครับ ไว้คุณมาที่จีน ผมจะให้การต้อนรับคุณอย่างดีเลยครับ!”
ร็อคกี้ยิ้ม “แน่นอน แต่ว่าจะร่วมมือกันก็ต้องมีขั้นตอนและสัญญาเล็กน้อยน่ะนะ ถ้าคุณไป๋มีเวลาก็มาจัดการที่แอลเอดีกว่า เรามารีบทำเรื่องนี้ให้เสร็จกันเถอะ!”
ไป๋เยี่ยตอบไปในทันที “อีกไม่กี่วันผมจะไปที่นั่นครับ!”
หลังจากวางสาย ร็อคกี้ก็ดีใจมากที่เขาจะได้บอกข่าวดีนี้กับเพื่อนร่วมชั้นของเขา ‘ไมค์’ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยแพทย์แคลิฟอร์เนีย
เมื่อไมค์ทราบข่าวนี้ เขาก็มีความสุขไปด้วย เพราะว่าการช่วยชีวิตครูซของไป๋เยี่ยในครั้งนี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาในลอสแอนเจลิสเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เยี่ยยังเป็นคนที่มีอนาคตและมีความสามารถมากจริงๆ ต่อไปเขาจะต้องทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้แน่นอน
ในวันเดียวกันนั้นเอง แมคกราดีก็จัดประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่
ไป๋เยี่ยขอให้โมนิกาเตรียมขั้นตอนและวัสดุทั้งหมด และไปที่แผนกที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบและประทับตราในวันถัดไป
วันนี้ไมค์จึงจัดการประชุมขึ้นทันที ส่วนไป๋เยี่ยก็ให้โมนิกาช่วยจัดเตรียมเอกสารและขั้นตอนต่างๆ แล้ววันรุ่งขึ้นเขาจะได้นำข้อมูลเหล่านั้นไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ
เมื่อโมนิกาทราบแล้วก็เริ่มเตรียมการทันที เธอเองก็หวังว่าจะได้แขวนป้ายแสดงถึงความร่วมมือในครั้งนี้หน้าสถาบันในวันเปิดทำการเช่นกัน
สิ่งที่แฝงอยู่คือเกียรติยศทั้งนั้น!
และด้วยเหตุนี้เอง หลายหน่วยงานจึงอยากเป็นโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ
ทว่าหน่วยงานต่างๆ และมหาวิทยาลัยมักจะไม่ร่วมมือกันสักเท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นหลายที่ก็ยังคงต้องการสร้างแบรนด์ดิ้งให้กับมหาวิทยาลัยของตนเอง!
ทว่าไป๋เยี่ยไม่ได้ทำสิ่งนั้นเพื่อการสร้างแบรนด์ดิ้งแต่อย่างใด แต่เพื่อความร่วมมือที่จับต้องได้ต่างหาก
ทั้งวิทยาลัยแพทย์แคลิฟอร์เนียและสถาบันวิจัยของไป๋เยี่ยต่างกำลังเตรียมการสำหรับเรื่องนี้
ไป๋เยี่ยไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องเพียงเรื่องเดียวจะโยงไปเกี่ยวพันกับหลายๆ เรื่องได้ขนาดนี้
แม้แต่โมนิกาเองก็ยังออกปากเลยว่านี่เป็นเรื่องที่ดี!
วันที่สาม ในที่สุดไป๋เยี่ยก็เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วและกำลังจะออกเดินทางไปลอสแอนเจลิสพร้อมโมนิกา
เที่ยวบินอันแสนยาวนานทำให้ไป๋เยี่ยรู้สึกเบื่อหน่าย เวลาตั้งสิบกว่าชั่วโมงจะทำอะไรได้บ้างนะ
ถึงจะเป็นที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาส แต่ไป๋เยี่ยก็ยังคงรู้สึกอึดอัดไม่น้อย
ตอนแรกเขาอยากจะคุยกับโมนิกาแก้เบื่อ แต่เมื่อเห็นว่าเธอกำลังตั้งใจวางแผน เขาก็ถอนหายใจและลืมมันไป
ไป๋เยี่ยได้แต่หลับตาลงและเรียกระบบออกมาดู
ระบบแสดงผลในรูปแบบของหน้าจอโปร่งแสง หรือจะหลับตาและนึกถึงมันขึ้นมาเองก็ได้ ซึ่งสะดวกต่อการทำงานของไป๋เยี่ยมาก
ไป๋เยี่ยจำได้ว่าเขาเคยได้รับรางวัลเป็น ‘ตำราชิงหนางเล่มที่หนึ่ง’ จากการจับรางวัลครั้งนั้น ตำราเล่มนี้ไม่ใช่ตำราทั่วไป แต่มันคือสิ่งที่มีความหมายสุดลึกซึ้งในหน้าประวัติศาสตร์จีน
อาจกล่าวได้ว่ามันมีอิทธิพลต่อผู้คนจากรุ่นสู่รุ่น หรือไม่ก็หลอกลวงผู้คนมานับหลายชั่วอายุคน
แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่เคยมีใครเห็นตำราเล่มนี้มาก่อน
ตั้งแต่ไป๋เยี่ยได้รับตำราเล่มนี้มา เขาก็ยุ่งมากจนไม่มีเวลามาอ่านมันอย่างละเอียด ดังนั้นเขาจึงใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์โดยการตั้งใจอ่านมัน
ว่ากันว่านี่คือตำราที่รวบรวมประสบการณ์ทั้งชีวิตของฮัวโต๋ ทว่าต่อมามันกลับถูกเผาทิ้ง จนท้ายที่สุดก็ไม่มีใครรู้ว่ามันคือตำราอะไรกันแน่
มีทั้งสูตรยาและวิธีการรักษาโรคแบบโบราณ รวมถึงวิธีและขั้นตอนการรักษาโรคที่ถูกยกตัวอย่างเป็นกรณีๆ ไป
อันที่จริงฮัวโต๋ไม่ได้ชำนาญเพียงการผ่าตัดเท่านั้น แต่เขายังเป็นแพทย์จีนที่เชี่ยวชาญรอบด้านอีกด้วย
มีวิธีการวินิจฉัยแปลกๆ มากมายที่ไป๋เยี่ยไม่เข้าใจ เขาจึงจดจำมันไว้ในใจก่อน
หนังสือประเภทนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับอ่านเพื่อความจรรโลงใจเหมือนนิยาย แต่จะต้องอ่านแต่ละตัวอักษรอย่างรอบคอบ
ไม่อย่างนั้นเขาคงจะใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่นานนัก เพราะมันไม่ได้หนามาก โดยเฉพาะกับไป๋เยี่ยที่มีความสามารถในการอ่านผ่านๆ แต่กลับจดจำได้ขึ้นใจ
ถ้าไป๋เยี่ยอ่านตำราเล่มนี้เมื่อครึ่งปีที่แล้ว เขาอาจจะพัฒนาตนเองได้ไม่มาก ไม่ใช่เพราะในตำราไม่มีสาระ แต่เป็นเพราะเขายังไม่พร้อมอ่าน
ภายในตำราระบุถึงความเข้าใจเรื่องการผ่าตัดและยาแผนจีนของฮัวโต๋ ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ทั้งนั้น
เช่นเดียวกับหลักการแยกกลุ่มอาการตามเส้นลมปราณทั้งหกหรือลิ่วจิงเปี้ยนเจิ้งของจางจ้งจิ่ง ซึ่งเขาได้ใช้หลักการนี้ในการจำแนก วินิจฉัยและรักษาโรคต่างๆ จากนั้นจึงรวบรวมสูตรยาต่างๆ เข้ากับกลุ่มอาการ
ตำราชิงหนางเองก็เป็นเช่นนั้น มีการจำแนกแนวความคิดในการรักษาโรคต่างๆ ของฮัวโต๋เป็นกรณีๆ
ซึ่งนั่นเป็นจุดที่ทำความเข้าใจยากที่สุดสำหรับไป๋เยี่ย
เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป…
เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น
[ติ๊ง! ค่าประสบการณ์ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนเพิ่มขึ้น 5000 แต้ม]
[ติ๊ง! ยินดีด้วย วิชาพื้นฐานของคุณ: ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนได้รับการอัปเกรดเป็นเลเวล 6]
ไป๋เยี่ยถึงกับตะลึงเมื่อเห็นว่าวิชาทฤษฏีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนได้รับการอัปเกรดโดยไม่รู้ตัว
นับตั้งแต่เรียนปริญญาโท ไป๋เยี่ยก็ไม่ได้ตั้งใจศึกษาการแพทย์แผนจีนเลย ถึงแม้ว่าเขาจะไปราวน์วอร์ดกับหลิวป๋อหลี่อยู่เป็นบางคราว แต่ความรู้พื้นฐานด้านการแพทย์แผนจีนก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นทีละน้อย
ไม่น่าเชื่อ นี่เรามาถึงเลเวลหกแล้วเหรอ
ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนเป็นพื้นฐานและรากฐานของการแพทย์แผนจีน ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะไม่มีคำอธิบายให้กับบางอย่าง เช่น ลมปราณ เลือด ของเหลวในร่างกาย เส้นลมปราณและจุดฝังเข็ม ฯลฯ ก็ตาม แต่ด้วยการพัฒนาของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สักวันมันจะต้องมีผลลัพธ์ออกมาอย่างแน่นอน
อาจเป็นเพราะการแพทย์แผนปัจจุบันยังไม่ได้พัฒนาไปถึงจุดนั้น
เพราะฉะนั้นจึงยังไม่อาจละทิ้งการแพทย์แผนจีนไปได้
ตำราเล่มนี้ไม่ได้เพิ่มค่าประสบการณ์ห้าพันแต้มให้ไป๋เยี่ย กลับกัน มันคือประสบการณ์ของไป๋เยี่ยหลังจากที่ได้อ่านมันครั้งหนึ่ง
บางทีครั้งต่อไป ไป๋เยี่ยอาจจะได้รับค่าประสบการณ์มากมายหลังจากที่ได้อ่านมันอย่างละเอียด ไป๋เยี่ยเองก็คิดว่าต่อไปความรู้ด้านการแพทย์แผนจีนของเขาจะต้องพัฒนาไปในแบบที่ไม่เหมือนใคร
แน่นอนว่าไป๋เยี่ยไม่ได้รับแค่สิ่งเหล่านี้ สิ่งที่เขาได้รับนั้นมีเยอะมาก แต่หลยอย่างจะต้องถูกตรวจสอบเสียก่อน
ทว่ามีสูตรยาสูตรหนึ่งที่ไป๋เยี่ยมองว่ามันมีคุณค่าต่อการวิจัย หลังจากกลับจากงานนี้เขาจะขอให้คนในสถาบันวิจัยช่วยกันค้นคว้ามันสักหน่อย
สิ่งนั้นคือ ‘ผงหม่าเฟ่ย‘ ไป๋เยี่ยเดาว่ามันน่าจะเป็นยาชา แต่ถึงกระนั้นยาชนิดนี้คงจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่ายาชาในปัจจุบันมาก
ไป๋เยี่ยยังไม่ได้ทดลอง แต่ก็ไม่เร่งสรุปผล
อย่างไรเสียฮัวโต๋ก็เป็นคนแรกที่เสนอคำว่า ‘วิสัญญีวิทยา’ ในตำราเล่มนี้
นอกจากนี้เขายังมีวิธีการให้ยาสลบอีกมากมาย ซึ่งผงหม่าเฟ่ยก็เป็นเพียงหนึ่งในนั้น ไหนจะมีการฝังเข็มระงับความรู้สึกอีก!
นั่นคือสิ่งที่ไป๋เยี่ยรู้สึกทึ่งกับมันมากที่สุด!
ปัจจุบันมีการวิจัยเกี่ยวกับการฝังเข็มระงับความรู้สึกมากมาย แต่ผลลัพธ์กลับไม่สอดคล้องกัน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ในตำราชิงหนางก็ได้มีบันทึกเกี่ยวกับวิธีการฝังเข็มแบบต่างๆ ไว้หลายวิธี ซึ่งล้วนมีคุณค่าต่อการวิจัยทั้งสิ้น!
หลังจากกินข้าวบนเครื่องบินแล้ว ไป๋เยี่ยก็พักผ่อนสักครู่ เพราะว่าเมื่อเครื่องลงจอดเขาจะต้องเริ่มทำงานทันที
ในที่สุด เครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินลอสแอนเจลิสในเวลาประมาณแปดโมงเช้า