สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 358 รีบกอดขาไว้ให้แน่นๆ!
บทที่ 358 รีบกอดขาไว้ให้แน่นๆ!
เกาเย่ว์หยางเห็นว่าวันนี้เป็นวันเสาร์แล้วจึงจำเป็นต้องกระตุ้นไป๋เยี่ยหน่อย อย่างไรเสียตำแหน่งศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ของโครงการนักวิชาการฉางเจียงก็มีความสำคัญมากและยังถือได้ว่าเป็นหนึ่งในรางวัลสูงสุดของวงการการศึกษาในประเทศด้วย
รัฐบาลจะคัดเลือกบุคลากรเพียงสองร้อยคนต่อปี ซึ่งจะคัดเลือกจากคนทั่วประเทศ หากคุณได้รับเกียรติยศนี้มันก็จะกลายเป็นคุณสมบัติเด่นสำหรับการคัดเลือกต่างๆ ในอนาคต!
พูดตามตรง มันมีคุณค่ามากจริง!
เกาเย่ว์หยางมองไป๋เยี่ยในฐานะรุ่นน้องที่เขาให้ความสำคัญมาโดยตลอด เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้วเขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาไป๋เยี่ยทันที
ทว่าโทรไปกี่สายก็พบว่าไป๋เยี่ยปิดเครื่องอยู่
เกาเย่ว์หยางขมวดคิ้วพลางสบถในใจ “เจ้าหมอนี่หายไปไหนอีกแล้ว ไหงถึงปิดโทรศัพท์ล่ะ”
วันนี้เกาเย่ว์หยางไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลยูเนียนแต่อยู่ที่สำนักงานหลักของวิทยาลัยแพทย์ เหตุผลที่เขาต้องทำงานในวันเสาร์ก็เพราะว่าวันสิ้นสุดการลงทะเบียนคือวันจันทร์นั่นเอง นับเป็นเรื่องที่ทางยูเนียนให้ความสำคัญมาก ยิ่งไม่ต้องพูดมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ จากทั่วประเทศเลย!
อันที่จริงแล้ววิทยาลัยแพทย์ยูเนียนก็แข็งแกร่งอยู่พอตัว ในนั้นมีทั้งนักวิชาการจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติและสถาบันวิศวกรรมแห่งชาติรวมกันยี่สิบสี่คน ไหนจะมีศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์จากโครงการนักวิชาการฉางเจียงอีกสิบห้าคน และศาสตราจารย์บรรยายพิเศษอีกสองคน
ทั้งหมดนั้นล้วนแขวนอยู่ตรงหน้าทั้งสิ้น! มันเป็นเรื่องของภาพลักษณ์ ใครกันจะไม่สนใจ
ในบรรดาคนพวกนี้มีใครบ้างที่ไม่มีรูปแขวนอยู่บนผนังเพื่อเป็นป้ายโฆษณาบ้าง!
ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในสำนักงาน นั่นคือรองผู้อำนวยการ ‘เจิงซินกว๋อ’ เมื่อเห็นว่าเกาเย่ว์หยางกำลังขมวดคิ้วพลางพึมพำอะไรบางอย่างอยู่ เขาก็เดินเข้าถามไถ่อย่างยิ้มแย้ม “มีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะ”
เกาเย่ว์หยางเห็นว่าคนที่เข้ามาคือเจิงซินกว๋อก็ยิ้มตอบแล้วบอกให้เขานั่งลง “ไม่มีอะไร เหล่าเจิงสบายดีไหม ทุกคนสมัครหมดแล้วใช่ไหม ไปบอกทุกคนที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ด้วยนะครับว่าไม่ว่ารัฐจะอนุมัติสักกี่คน พวกเราก็ต้องผ่านเข้าไปให้ได้เยอะๆ!”
เจิงซินกว๋อพยักหน้า “โดยทั่วไปผมก็ให้คนที่มีคุณสมบัติพร้อมสมัครทุกคนนะ ยังไงเราก็ต้องลองดุกันสักตั้ง! แต่ว่านะ ผอ.เกา เรื่องนี้เราจะพึ่งพาแค่โรงพยาบาลของเราไม่ได้ เราต้องอาศัยปัจจัยภายนอกด้วย ยังไงเมื่อปีก่อนโรงพยาบาลของเราก็ยื่นรายชื่อไป แต่สุดท้ายกลับผ่านแค่สองคน มันน้อยเกินไป!”
เหตุใดเกาเย่ว์หยางจะไม่คิดถึงเรื่องนั้น แต่ปกติแล้วการจะได้เป็นนักวิชาการฉางเจียงนั้นจะต้องมีการแย่งชิงกันอยู่แล้ว มีตั้งกี่คนที่จ้องตำแหน่งนี้อยู่!
เพราะผู้ที่จะเป็นนักวิชาการฉางเจียงได้คือผู้มีความสามารถระดับสูงและมีศักยภาพในการเป็นผู้นำที่มีความรู้ทางวิชาชีพ ใครบ้างจะไม่อยากเป็น
เมื่อปีที่แล้ว วิทยาลัยแพทย์ซุนยัตเซ็นได้คัดเลือกผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยาที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษเข้ามาโดยใช้เงินจำนวนมากในการสรรหาศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ ไม่น่าเชื่อว่าในปีที่ผ่านมาจะมีการก่อตั้งแผนกเนื้องอกวิทยาของโรงพยาบาลเซียงหย่าในเครือขึ้นมา และให้เป็นแผนกการแพทย์พิเศษระดับชาติ
เงินที่เสียไปนั้นไม่สูญเปล่าเลย!
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่านักวิชาการฉางเจียงทุกคนล้วนเป็นเสาหลัก
เพราะว่าพวกเขายังมีอายุไม่มาก มากสุดก็ไม่เกินสี่สิบห้าปี จึงยังพอมีระยะเวลาในการพัฒนาตนเองไปอีก
ดังนั้นมหาวิทยาลัยและสถาบันใหญ่ๆ จึงหวังว่าจะได้รับผู้สมัครเหล่านี้เข้ามาทำงาน
อันที่จริงแล้ว นักวิชาการฉางเจียงก็คือบุคลากรระดับแนวหน้าของวงการวิชาการ และยังเป็นบุคลากรระดับสูงผู้ทรงคุณค่าอีกด้วย คนที่ผ่านเข้ารอบก็ล้วนเป็นกระดูกสันหลังของสาขาวิชาต่างๆ ในสถาบันนั้นๆ ปัจจุบันนักวิชาการฉางเจียงนั้นนับว่ามีเกียรติรองลงมาจากผู้อำนวยการสถาบันเพียงขั้นเดียวเท่านั้น
เพราะฉะนั้นแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรกับการคัดเลือกผู้อำนวยการเลย เกาเย่ว์หยางที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้อำนวยการจะไม่กังวลได้อย่างไร
อันที่จริงเขาก็รู้ว่าไป๋เยี่ยจะต้องได้รับคัดเลือกแน่นอน เพราะว่าเกียรติยศของเขาเป็นที่ประจักษ์และไม่มีใครปลอมแปลงได้ เขาได้รับรางวัลผลงานดีเด่นในสาขาทวารหนักตั้งแต่อายุยี่สิบห้าปีโดยใช้เวลาคิดค้นเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น อีกทั้งแผนกทวารหนักของโรงพยาบาลผู่เจ๋อก็ยังกลายเป็นแผนกการแพทย์พิเศษระดับชาติและกำลังจะมีห้องแล็บทวารหนักแห่งชาติซึ่งระดมเงินทุนได้สูงถึงสองร้อยล้านหยวนเลยทีเดียว
ตอนนี้โรงพยาบาลผู่เจ๋อก็กำลังจะสร้างอาคารแผนกทวารหนักขึ้นเพื่อเตรียมสร้างห้องแล็บทวารหนักด้วยเงินทุนกว่าสองร้อยล้านหยวน
ใครบ้างจะไม่อิจฉา
เมื่อนึกถึงทุกครั้งที่ไปตรวจสุขภาพแล้วบังเอิญเจอกับหลิวป๋อหลี่ ก็มักจะสังเกตเห็นความอวดดีที่สะท้อนอยู่ในแววตาของชายคนนี้อยู่เสมอ!
ถึงแม้ว่าเหล่าหลิวจะไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกคนก็รู้ว่าในใจของเขากำลังคิดอะไร
เฮ้อ!
ไม่มีทาง ใครจะปล่อยให้ลูกศิษย์ตนเองต้องมาต่อสู้ล่ะ!
มหาวิทยาลัยก็เหมือนกับครอบครัว ผู้เฒ่าเหล่านี้เป็นได้ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และนักวิชาการได้ นอกจากความพยายามของตนเองแล้ว ที่เหลือก็ล้วนเป็นความเพียรของนักศึกษาทั้งสิ้น
อย่างไรเสียเหล่าปรมาจารย์ก็มีอายุราวๆ หกสิบเจ็ดสิบปีแล้ว ส่วนลูกศิษย์ก็มีอายุประมาณสี่สิบปี อย่างมากก็ห้าสิบปี เมื่อถึงวัยที่ได้อยู่ในจุดสูงสุดของวิชาชีพ พวกเขาก็จะกลายเป็นอาจารย์ในภายหน้า นี่คือสัจธรรมอย่างหนึ่ง
ดังนั้น แม้ว่าหลิวป๋อหลี่จะไม่ได้พูดอะไรเรื่องการรับไป๋เยี่ยเข้ามา แต่ทุกครั้งที่เจอกับเกาเย่ว์หยางเขาก็ดูจะมีความสุขสุดก้นบึ้งหัวใจจนเผลอแสดงท่าทีออกมา
นั่นทำให้เกาเย่ว์หยางร้อนใจมาก!
เกาเย่ว์หยางมองเจิงซินกว๋ออย่างยิ้มๆ “ผมได้ยินมาว่าคุณมีลูกศิษย์คนใหม่ น่าพอใจมากเลยใช่ไหมครับ ช่วงนั้นผมเห็นคุณยิ้มร่าแทบทุกวันเลย”
เจิงซินกว๋อได้ฟังก็หัวเราะ “มันชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”
เกาเย่ว์หยางพูดต่อ “ได้ข่าวว่ายิ้มแม้กระทั่งตอนนอนเลยนี่ ศิษย์คนไหนกันที่ทำให้เหล่าเจิงเลอะเลือนได้ถึงขั้นนี้!”
เจิงซินกว๋อกระแอม “บอกเลยว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน!”
เกาเย่ว์หยางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยด้วยความสนใจ “อ้อ เป็นผู้หญิงนี่เอง มิน่าล่ะ! ผมคิดว่าผมคงต้องเตือนสติคุณหน่อยแล้วมั้ง เจิงซินกว๋อ คุณเป็นถึงผู้อำนวยการของยูเนียน ควรประพฤติตนเป็นแบบอย่าง ทำไมถึงทำตัวเหลวไหลแบบนี้ล่ะ!”
เจิงซินกว๋อได้ยินดังนั้นสีหน้าก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด “หยุดก่อน! ผมจริงจังอยู่นะ สาวน้อยคนนี้มีคนในครอบครัวเป็นหมอ เธอคือลูกสาวของหัวหน้าแผนกหลี่หมิงที่โรงพยาบาลผู่เจ๋อ แต่นั่นไม่สำคัญหรอก ครั้งนี้เธอสอบได้อันดับที่หนึ่ง ตอนที่ผมตรวจใบสมัครก็ได้อ่านธีสิสของเธอ มีหลายบทความที่ได้ตีพิมพ์ในเดอะแลนซิตด้วย! แถมยังมีการนำไปอ้างอิงหลายครั้ง อีกอย่างดูจากประสบการณ์การทำงานของเธอแล้วก็พบว่าเธอมีวิธีรักษาอาการบาดเจ็บหลากหลายวิธี จัดว่ามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียว!”
เกาเย่ว์หยางเห็นว่าเจิงซินกว๋อพูดจาเสียดิบดีจึงถามอย่างสงสัย “เธอชื่ออะไร”
เจิงซินกว๋อยิ้ม “หลีจื่อเหยียน!”
เกาเย่ว์หยางถึงกับนิ่งงันไป สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยน ปากก็ได้แต่พึมพำไปมา หลีจื่อเหยียน…หลีจื่อเหยียน…ทำไมถึงรู้สึกคุ้นชะมัด
ทันใดนั้น เขาก็ตบต้นขาตนเองพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความดีใจ!
สาวน้อยคนนั้นนี่เอง!
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงหญิงสาวที่เข้าไปทักทายไป๋เยี่ยในวันจัดพิธีเปิดตัวสถาบัน ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจไป๋เยี่ยอยู่นิดๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นเกาเย่ว์หยางก็ถามขึ้นทันที “เหล่าเจิง มีรูปเธอไหม”
เจิงซินกว๋อโชว์รูปในโทรศัพท์ขึ้นมา มันเป็นรูปถ่ายรวมระหว่างมื้ออาหาร “นี่ เป็นไงบ้าง รู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็นเลยไหม”
เกาเย่ว์หยางเพ่งพินิจและพบว่าเป็นเธอจริงๆ!
เกาเย่ว์หยางคิดแล้วก็หัวเราะออกมา “เหล่าเจิงนี่นะ โชคชะตานำพาจริงๆ”
เจิงซินกว๋อถึงกับตะลึง “เหล่าเกาหมายความว่าไง ถึงจะสนิทกันแต่จะมาล้อเล่นแบบนี้ไมได้นะ! โชคชะตานำพาอะไรกันล่ะ!”
เกาเย่ว์หยางตบไหล่เจิงซินกว๋อ “เหล่าเจิง สาวน้อยคนนี้ไม่ธรรมดานะ จะบอกอะไรให้ ถ้าคุณสอนเธอได้ดี ผมรับประกันเลยว่าคุณจะกลายเป็นยอดนักวิชาการ!”
เจิงซินกว๋อได้ฟังก็ลุกขึ้น “เฮ้ เฮ้ เฮ้…เดี๋ยวก่อนนะ! เหล่าเกา ไม่สิ ผอ.เกา พี่เกา! ชี้ทางให้ผมที!”
เจิงซินกว๋อเล็งมานานแล้วขาดแค่โอกาสเท่านั้น!
ทว่าโอกาสนั้นกลับไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเขา…
หลีจื่อเหยียนรู้จักใครอีกบ้าง
แล้วหลี่หมิงมีความสามารถถึงขั้นไหน
เกาเย่ว์หยางยิ้มอย่างมีเลศนัย “คุณรู้จักไป๋เยี่ยไหม”
เจิงซินกว๋อพยักหน้า “แน่นอนว่ารู้จัก ใครจะไม่รู้จักเขาบ้าง! ผมจะไม่รู้จักดาวรุ่งได้ไง!”
เกาเย่ว์หยางมองเจิงซินกว๋ออย่างครุ่นคิด “ไป๋เยี่ยกับหลีจื่อเหยียนน่าจะกำลังคบกัน! คุณพาแฟนเขาออกมาแบบนี้ไม่คิดเหรอว่าไป๋เยี่ยจะคิดมาก! สองคนนั้นน่ะตัวติดกันจะตาย…เพราะฉะนั้น นี่คือโอกาสของคุณนะเหล่าเจิง”
เกาเย่ว์หยางพูดไปแบบนั้น เจิงซินกว๋อก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ…
หลังจากที่เจิงซินกว๋อออกไปด้วยความคิดต่างๆ นานา เกาเย่ว์หยางก็เริ่มกลับมานั่งคิด!
ทันใดนั้นเขาก็ปิ๊งอะไรขึ้นมา!
“เหล่าหลิวนะ เหล่าหลิว คุณพลาดแล้ว ตลอดสามปีที่ผ่านมาคุณดูแลจื่อเหยียนไม่ดีเอาซะเลย…หึๆ เธอถึงตกมาอยู่ในมือของยูเนียนยังไงล่ะ ถ้าไม่ส่งไป๋เยี่ยมาให้เราพร้อมกับรางวัลด้านการแพทย์ล่ะก็ หลีจื่อเหยียนได้เรียนไม่จบแน่! ไม่สิ! ต้องกล้าขอกว่านี้ ต้องเป็นรางวัลนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับชาติ! หรือไม่ก็รางวัลโนเบล!”
เกาเย่ว์หยางคิดแล้วก็นิ่งเงียบไป นี่เราหวังเยอะเกินไปหรือเปล่า
เหอะๆ!
เกาเย่ว์หยางปลอบใจตนเอง ไม่เยอะเกินไปหรอกน่า คนเราต้องมีความกล้าสิ ถึงไม่กล้าทำก็ต้องกล้าคิดบ้าง!
อืม…
ใช่แล้ว!
เกาเย่ว์หยางคิดได้ดังนั้นก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไป๋เยี่ยด้วยความโอหังเต็มเปี่ยม เจ้าเด็กนี่ เมียแกในอนาคตอยู่ในกำมือฉันแล้ว รีบมาที่ยูเนียนซะเถอะ รีบมาเป็นอาจารย์ที่ยูเนียนเร็วเข้า…
ปรากฏว่าไป๋เยี่ยกลับรับสายเร็วจนน่าประหลาดใจ!
เกาเย่ว์หยางปรับอารมณ์แทบไม่ทัน “สวัสดีไป๋เยี่ย ทำไมถึงปิดเครื่องล่ะ เรื่องนักวิชาการฉางเจียงเป็นไงบ้างแล้ว อยากมาเป็นศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ที่นี่ไหม”
ไป๋เยี่ยยิ้ม เขารู้สึกซาบซึ้งในความเป็นห่วงเป็นใยของเกาเย่ว์หยางมาก “อาจารย์เกา ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ ผมเพิ่งจะกลับมาและกำลังไปหานะครับ ผมตัดสินใจจะเข้าโครงการนักวิชาการฉางเจียง”
เกาเย่ว์หยางได้ยินก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา ทำไมไม่มาแบบง่ายๆ ล่ะ
“ดีแล้วเสี่ยวเยี่ย ตัดสินใจได้ก็ดีแล้ว ผมคงให้คำแนะนำคุณในเรื่องนี้ไม่ได้ จริงๆ แล้วผมคิดว่าคุณค่าของการเป็นศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ก็ยังสูงมากอยู่ดี แต่ก็เป็นรองจากการอยู่ในโครงการนักวิชาการฉางเจียงแหละนะ คุณยังอายุน้อย ได้ฝึกฝนถึงระดับนี้ก็ดีมากแล้ว โอกาสมันไม่ได้มาง่ายๆ ใครจะไปรู้ว่าต่อไปเงื่อนไขการรับสมัครอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ ถูกไหม”
เขาคิดว่าไป๋เยี่ยพร้อมสำหรับการเข้ามาเป็นศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์แล้วหลังจากที่ลังเลมานาน!
ไป๋เยี่ยนิ่งงันไปครู่หนึ่ง “อาจารย์เกาครับ ผมวางแผนจะมาเป็นศาสตราจารย์บรรยายพิเศษครับ ไม่ใช่ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์”
เกาเย่ว์หยางถึงกับตะลึง “ศาสตราจารย์บรรยายพิเศษเหรอ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ คุณต้องเป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่มีชื่อเสียงเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์สมัคร ผมยังคิดอยู่เลยว่าจะทำยังไงให้มหาวิทยาลัยของเราติดท็อปสองร้อยของโลกได้!”