สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 360-2 อ...อาจารย์ไป๋! (2)
บทที่ 360 อ…อาจารย์ไป๋! (2)
หลายคนมองไป๋เยี่ยในฐานะเท่าเทียมกันกับอาจารย์ที่ปรึกษา ชวนให้บรรดาอาจารย์ที่ปรึกษารู้สึกอิจฉาขึ้นมาบ้าง…
จู่ๆ หลีจื่อเหยียนที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ก็ทำตะเกียบตกพื้นดัง แกร๊ง!
ไป๋เยี่ยจะมาเป็นอาจารย์ที่ยูเนียนจริงเหรอ
หลังจากที่ได้รู้ข่าวนี้ หลีจื่อเหยียนก็ถึงกับช็อก ไป๋เยี่ยจะกลายเป็นอาจารย์ของเราจริงๆ เหรอ
นี่มัน…
ไม่ใช่เพราะเธอคิดว่าไป๋เยี่ยไม่เหมาะสม กลับกัน เธอทั้งเชื่อมั่นและชื่นชมไป๋เยี่ยมากต่างหาก! ถ้าจู่ๆ ไป๋เยี่ยได้รับรางวัลโนเบลขึ้นมา เธอก็คงจะเป็นคนแรกที่ยอมรับและมีความสุขไปกับเขา!
แต่ว่า…ร…รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ
เมื่อหลีจื่อเหยียนนึกถึงสิ่งที่อธิบายไม่ได้ก็พลันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาในทันที มัน…แปลกๆ หรือเปล่านะ
ถ้าฉันคบกับเขาล่ะ
คนอื่นจะพูดอะไรไม่ดีหรือเปล่า
หลีจื่อเหยียนคิดแล้วก็หน้าแดงจนอดหลุบตาลงไม่ได้…
มันแปลกเกินไป ฉันรับไม่ได้!
ไป๋เยี่ยเห็นว่าหลีจื่อเหยียนทำตะเกียบตกพื้นก็เดินไปหยิบตะเกียบคู่ใหม่พร้อมกับหยิบคู่ที่ตกไปแล้วขึ้นมาวางบนโต๊ะ
ไป๋เยี่ยมองหลีจื่อเหยียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เป็นไงบ้าง เซอร์ไพร์สไหม คาดไม่ถึงล่ะสิ…”
หลีจื่อเหยียนมองไป๋เยี่ยพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสับสน “ทำไมนายถึงมาเป็นอาจารย์ที่นี่ ทำไมไม่ไปที่เป่ยต้าหรือไม่ก็ที่ผู่เจ๋อล่ะ ไปที่สถาบันแพทย์แผนจีนหรือสถาบันวิจัยยาจีนก็ได้นี่นา”
ไป๋เยี่ยได้ยินก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “เพราะฉันชอบที่นี่ไงล่ะ ชอบทั้งสภาพแวดล้อม ประวัติความเป็นมา อาหาร อืม…ชอบคนที่นี่ด้วย!”
ใบหน้าของหลีจื่อเหยียนขึ้นสีแดงระเรื่ออีกครั้งหนึ่ง
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยและหัวเราะกันอยู่นั้น ก็มีเสียงทักทายดังมาจากด้านหลัง
“จื่อเหยียน? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”
มีชายหนุ่มสองคนและหญิงสาวอีกคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาทักทายหลีจื่อเหยียนพร้อมกับอาหารในมือ
หลีจื่อเหยียนพยักหน้าลงก่อนจะเอ่ย “ดีค่ะพี่ นี่เพื่อนหนูเอง”
ไป๋เยี่ยจึงกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มบ้าง “ดีครับรุ่นพี่!”
หลีจื่อเหยียนได้ยินไป๋เยี่ยเรียกอีกฝ่ายดังนั้น สีหน้าของเธอก็ดูจะอึดอัดขึ้นมาทันที นี่รุ่นพี่ของฉันนะ มาเรียกแบบนี้ได้ไงยะ!
ทั้งสามคนหัวเราะเบาๆ “หืม เสี่ยวจื่อเหยียน นี่ใครเหรอ”
สาวรุ่นพี่นั่งลงข้างๆ หลีจื่อเหยียนพร้อมกับอาหาร “จื่อเหยียนบอกพี่หน่อยสิ สุดหล่อคนนี้คือใครน่ะ ไปเจอกันที่ไหน เธอหาคนหล่อๆ แบบนี้จากในมหาวิทยาลัยของเราได้ไง พี่อยู่มาตั้งหลายปีแล้ว ไม่ยักจะรู้เลยว่ามีหนุ่มหล่อแบบนี้อยู่ด้วย”
ส่วนหนุ่มรุ่นพี่อีกสองคนก็นั่งลงข้างไป๋เยี่ย เมื่อพวกเขาได้ยินเพื่อนสาวพูดเช่นนั้นก็กระแอมขัดจังหวะ “อ้าวพี่ ก็พี่เล่นสร้างศัตรูกับคนหล่อมาตั้งกี่คนล่ะ! ถึงในยูเนียนจะมีผู้ชายน้อย แต่พวกเรามีคุณภาพนะ! ถึงจะไม่ได้หล่อโดดเด่น แต่ก็พอดูได้นะ! แล้วก็ถึงเราจะไม่ได้มีอารมณ์ขันแต่พวกเราลึกซึ้งนะ! ถึงเราจะ…”
ชายคนนั้นพูดจบก็ยกยิ้มขึ้น “ว่าไงน้องชาย ฉันเป็นรุ่นพี่ของหลีจื่อเหยียน ‘หยางโป’ ปีนี้ฉันเรียนปริญญาเอกปีแรก แต่อีกไม่นานก็ขึ้นปีสองแล้ว นายกับจื่อเหยียนอยู่รุ่นเดียวกันเหรอ งั้นเรียกฉันว่าพี่หยางก็ได้นะ”
ไป๋เยี่ยจึงแนะนำตนเองบ้าง “ผมชื่อไป๋เยี่ยครับ แต่ผมไม่ได้เรียนที่นี่นะ วันนี้ผมแค่มาหาจื่อเหยียนเฉยๆ น่ะ ผมกำลังเรียนปริญญาโทปีแรกที่ผู่เจ๋อครับ”
สาวรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ได้ยินมาว่าหนุ่มๆ ที่เรียนแพทย์แผนจีนฉลาดมากนะ ที่แท้ก็เป็นจริงตามเขาว่านี่เอง นี่น้องชายที่นั่นมีหนุ่มหล่อโสดๆ บ้างไหม ไว้พามาที่ยูเนียนได้นะ”
“อ้อ ฉันเป็นรุ่นพี่ของจื่อเหยียนกับหยางโป ใกล้จะขึ้นปริญญาเอกปีสามแล้ว ฉันชื่อ ‘หลิวถิง‘ นะจ๊ะ น้องชายเป็นแฟนจื่อเหยียนเหรอ”
ไป๋เยี่ยรีบโพล่งขึ้นมาทันที “ดีครับพี่ ฝากตัวด้วยนะครับ ผมกับจื่อเหยียนเป็นเพื่อนบ้านกันน่ะ หวังว่าต่อไปพี่ๆ จะช่วยดูแลจื่อเหยียนด้วยนะครับ”
หลีจื่อเหยียนกระแอม ถึงแม้ว่าคำตอบของไป๋เยี่ยจะทำให้เธอสบายใจ แต่ก็ยังคงรู้สึกแปลกๆ
ทันใดนั้นชายหนุ่มอีกคนที่นั่งเงียบมาโดยตลอดก็พูดขึ้น “เอ๋ นายชื่อไป๋เยี่ยเหรอ”
ไป๋เยี่ยพึมพำ “ใช่ครับรุ่นพี่ ผมชื่อไป๋เยี่ย”
จู่ๆ ชายคนนั้นก็แน่นิ่งไปชั่วขณะก่อนจะพึมพำกับตนเองเบาๆ ไป๋เยี่ยมาจากผู่เจ๋อ แถมยังอายุน้อยมากด้วย…เขาคืออาจารย์คนใหม่ของที่นี่ไม่ใช่เหรอ
เมื่อได้ยินไป๋เยี่ยเรียกตนเองว่ารุ่นพี่ ชายคนนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงประหม่า “ม..ไม่ใช่หรอกครับ เอ่อ…สวัสดีครับ อาจารย์ไป๋”
คำพูดของชายคนนั้นทำให้ทุกคนงุนงง
อาจารย์ใป๋?
ทันใดนั้นหยางโปก็เกิดนึกอะไรขึ้นได้ จึงวางตะเกียบลงกับโต๊ะทันที “น..นาย…คุณคืออาจารย์ที่มาใหม่เหรอครับ อ..อาจารย์ไป๋น่ะเหรอ!”
ไป๋เยี่ยกระแอมพร้อมกับพยักหน้ารับ “ใช่ครับ ผมเพิ่งเข้ามาเป็นอาจารย์วันนี้ แต่ว่า…อย่าเรียกว่าอาจารย์ไป๋เลยครับ พวกเราเรียกกันแบบนี้เนี่ยแหละ เจอกันข้างนอกค่อยเรียกว่าอาจารย์นะครับ…”
จู่ๆ ทุกคนก็พูดไม่ออก แม้แต่หลิวถิงก็เช่นกัน ตาทั้งสองข้างของเธอเบิกโพลงด้วยความไม่เชื่อ!
หลีจื่อเหยียนเห็นว่าทั้งโต๊ะเงียบไปจึงเอ่ยขึ้น
“พี่ๆ อย่าเป็นแบบนี้สิ ไป๋เยี่ยเป็นคนดีนะ พวกเราก็เรียกกันสนิทๆ แบบนี้ก็ได้ ไม่ต้องเรียกอาจารย์หรอก”
ไป๋เยี่ยรีบแทรกขึ้นมา “ใช่ๆ ต่อไปพี่ๆ ต้องดูแลจื่อเหยียนไงครับ อย่าทำแบบนั้นเลย”
หยางโปที่นั่งอยู่ด้านข้างตบโต๊ะก่อนจะเอ่ยอย่างแน่วแน่ ไม่ต้องห่วง อาจารย์ไป๋ จื่อเหยียน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเถอะ พวกเราจะดูแลอาจารย์แม่ให้ดี จะไม่ให้คนอื่นมาแตะเลย!”
ส่วนรุ่นพี่อีกคนก็ตบหน้าอกตนเองเบาๆ พลางหันไปทางหลีจื่อเหยียน “อาจารย์แม่ ต่อไปต้องการอะไรก็มาบอกพี่นะ ถ้าไม่รู้จะเขียนธีสิสทำแล็บยังไงก็มาหาพี่!”
หลิวถิงกระแอม “เอ่อ…จื่อเหยียน ไม่สิ อาจารย์แม่ ต่อไปพวกเราต้องคุยกันให้มากๆ นะ อาจารย์ไป๋ไม่ต้องกังวลนะ ตราบใดที่มีพวกเรา อาจารย์แม่จะถูกดูแลอย่างดีแน่นอน!”
คราวนี้ทั้งไป๋เยี่ยและหลีจื่อเหยียนต่างพากันอึ้ง
อาจารย์แม่?
ในขณะเดียวกันสีหน้าของหลีจื่อเหยียนกลับเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก แต่จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออกเหมือนกัน!
อาหารมื้อนี้ช่างมีหลายรสชาติเหลือเกิน จะว่าไปมันก็น่าตื่นเต้นอยู่นิดหน่อยที่ได้รับความเคารพมากขึ้นอีกขั้นหนึ่ง…